Faiththaistory.com

เที่ยวทำบุญที่วัดม่วง พระพุทธรูปปางมารวิชัยใหญ่ที่สุดในโลก อ่างทอง

วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปสัมผัสบรรยากาศและทำบุญกับความยิ่งใหญ่อลังการของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถ้ากล่าวเช่นนี้แล้วหลายๆท่านต้องร้องอ๋อแน่นอนว่าสถานที่ ที่ผมจะกล่าวคือที่ใด  สำหรับนักท่องเที่ยวและนิยมเดินทางทำบุญก็จะต้องกล่าวถึงหลวงพ่อใหญ่ (The great Buddha of Thailand) แห่งวัดม่วง จังหวัดอ่างทองหลายๆท่านคงได้รับรู้ข่าวสารที่แพร่หลายถึงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ องค์นี้

เท่าที่ได้รับสื่อที่กล่าวถึงหลวงพ่อใหญ่ จะบอกไว้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมก็เลยค้นหาข้อมูลที่ www.guinnessworldrecords.com

แต่ผมก็ไม่สามารถค้นเจอข้อมูลว่าหลวงพ่อใหญ่ของเราจะเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ค้นหาได้เพียง Tallest Buddha ซึ่งก็คือพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลกซึ่งเป็นพระพุทธรูป Zhongyuan Buddha ในประเทศจีนซึ่งมีความสูง 127.64 เมตร  (418 ฟุตกับอีก  9.19 นิ้ว)

Pic#1 เนื้อหาในกินเนสบุ๊ค World Record ที่ได้บันทึกพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลกไว้ครับ

ส่วนหลวงพ่อใหญ่ แห่งวัดม่วงของเราจะสูงที่ 93 เมตร และจากข้อมูลจะสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ผมจึงคิดว่าคำกล่าวที่ว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น คงจะหมายถึง พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครับ น่าจะถูกต้องที่สุด

ดังนั้นถ้าจะนับเฉพาะเรื่องความสูงของพระพุทธรูปแล้ว จากข้อมูล 10 อันดับโลกจะมีดังนี้นะครับ

อันดับที่ 10 The Big Buddha Phuket Thailand  มีความสูง 45 เมตร

อันดับที่ 9  Aluthgama Buddha Statue ประเทศศรีลังกา มีความสูง 48.8 เมตร

อันดับที่ 8 Bamiyan Buddha Statue ประเทศอัฟกานิสถาน มีความสูง 55 เมตร

อันดับที่ 7 พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือพระเจ้าใหญ่ วัดบูรพาภิราม จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย มีความสูง 59.2 เมตร

อันดับที่  6 Leshan Giant Buddha ประเทศจีน มีความสูง 71 เมตร

อันดับที่ 5 Ling Shan Buddha Statue ประเทศจีน มึความสูง 88 เมตร

อันดับที่ 4 หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง ประเทศไทย มีความสูง 93 เมตร

อันดับที่ 3 Ushiku Daibutsu ประเทศญี่ปุ่น มีความสูง 110 เมตร

อันดับที่ 2 Laykyun Setkyar ประเทศพม่า มีความสูง 116 เมตร

อันดับที่ 1 Zhongyuan Buddha ประเทศจีน มีความสูง 128 เมตร

Zhongyuan Buddha ประเทศจีน เป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 128 เมตร
image from : commons.wikimedia.org

หลังจากทราบอันดับที่ได้รับการบันทึกอย่างสากลเรียบร้อยแล้ว ต่อไปผมจะพาเดินทางไปทำบุญก็เลยครับ

10 อันดับพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลก

การเดินทางง่ายมากครับไม่ซับซ้อน  วัดม่วงตั้งอยู่ที่ บ้านหัวตะพาน หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เราจะใช้เส้นทางถนนสายเอเชียเส้นทางไปนครสวรรค์ หรือทางหลวงหมายเลข 32 เจอป้ายนครสวรรค์ก็ขับไปเรื่อยๆเลยครับ จนเห็นป้ายเลี้ยวซ้ายอ่างทองก็ไปตามทางเลย ให้ดูเส้นทางตามแผนที่เลยนะครับ

 

เมื่อเห็นป้ายทางจากถนนเอเชีย ไปอ่างทองก็ชิตเข้าซ้ายเลยครับ จากนั้นก็ไปตามแผนที่เลยครับ

ก่อนที่จะเดินไปถึงองค์หลวงพ่อใหญ่ เราก็จะได้พบกับสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงขุมนรกต่างๆ ตามการกระทำชั่ว นี่ก็เป็นความเชื่อและกระตุ้นเตือนให้ผู้มาทำบุญได้รู้สึกเกรงกลัวต่อการทำบาปได้เป็นอย่างดีเลยครับ

ตัวอย่างสิ่งก่อสร้าง นี่ก็คือขุมนรกต้นงิ้วนะครับ คงทราบกันดีว่า ทำอะไรผิดแล้วจะต้องมาที่นี่

ที่นี่ก็เป็นขุมเปรต และขุมกระทะทองแดงนะครับ โดยส่วนตัวถ้าได้เอาลูกหลานมาด้วยก็จะดี จะได้ปลูกฝังเรื่องความดีตั้งแต่เด็กๆ

ในอุโบสถวิหารแก้วจะประดิษฐานพระประธานเนื้อเงินแท้ไว้ครับ

ในวิหารแก้วก็จะมีเทวรูปและรูปพระเกจิองค์ต่างๆให้บูชานะครับ

เมื่อเราเดินเข้ามาใกล้องค์หลวงพ่อใหญ่ เราก็จะได้สัมผัสถึงความอลังการขององค์พระ เพราะองค์ใหญ่มากจริงๆ

และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผู้มาทำบุญ คือการสัมผัสที่พระหัตถ์ ของหลวงพ่อใหญ่แล้วขอพรและผมก็ไม่พลาดครับ

หลวงพ่อใหญ่ หรือชื่อเต็มว่า “พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” โครงสร้างจะเป็นแบบคอนกรีตเสริมเหล็กแบบโครงสร้างขนาดตึก 32 ชั้น ก่ออิฐถือปูนฉาบสีทองทั้งองค์พระ สัดส่วนองค์พระมีดังนี้

1  หน้าตักกกว้าง( หัวเข่าขวา-หัวเข่าซ้าย )กว้าง 62 เมตร

2  ความสูง(จากพื้นดิน-พระเกศา)สูง 93 เมตร

3  ช่วงแขน(หัวไหล่-ข้อศอก)ยาว 25 เมตร

4 (ข้อศอก-ข้อมือ) ยาว 30 เมตร(ข้อมือ-ปลายนิ้ว)

5 ยาว 15 เมตร(หน้าอก)กว้าง 75.6 เมตร

6 ใบหน้า(ปลายคาง-หน้าผาก)สูง 12 เมตร(จมูก-หน้าผาก)สูง 9.5 เมตร(ใบหู)สูง 4 เมตร

7 เศียร(พระศอ-พระเกศ (เลาธาตุ) )สูง 26.5 เมตร

8 (พระศอ-พระเมาลี)สูง 24 เมตร  พระเกศสูง 13 เมตร

9  พระเมาลีสูง 4.7 เมตร

10  เปลวรัศมีเม็ดพระศกสูง 15 เมตร(ประดับเม็ดพระศก 506 เม็ด แต่ละเม็ด มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 เมตร)

ได้เริ่มวางศิลาฤกษ์ในวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2534 ( วันแรม 9 ค่ำ เดือน 4 ) ปีมะเมีย วางศิลาฤกษ์เวลา 9.00 น. โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณคาราม กรุงเทพฯ ประธานฝ่านสงฆ์ คือ หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ซึ่งเป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้างและหาทุนโดยมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทำบุญทั้งในและต่างประเทศ โดยมูลค่าในการก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 106 ล้านบาท

สร้างเสร็จสิ้น ในวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2550 ( วันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 ) ปีกุน รวมเวลาในการก่อสร้างพระพุทธรูป 16 ปี

คลิปวัดม่วง อ่างทอง


https://youtu.be/nhKqNBCWwuk


https://youtu.be/mZl9J2WnIwU

ประวัติความเป็นมา วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง

เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปี พ.ศ. 2230 ณ. แขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งเคยได้เป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า พม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูปไปเป็นจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือ ซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูป ที่อยู่บนเนินมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง จึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิต เห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง จนถึงปัจจุบันนี้

ในปีพ.ศ. 2526 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการเริ่มบูรณะและได้สร้างเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้น โดยได้รับการบริจาค ทั้งเงินทำบุญ และทำบุญด้วยแรงงาน ร่วมกันดำเนินงานในการก่อสร้าง

จนกระทั้งวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มีการประกาศยกฐานะให้วัดม่วง ซึ่งเคยเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ได้มีการแต่งตั้งท่านพระครูวิบูลอาจารคุณเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ. อ่างทอง

เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชจักรี ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วง เป็นต้นมา

ในปีพ.ศ. 2534 ท่านพระวิบูลอาจารคุณ ได้ร่วมพลังจิตอธิฐาน ร่วมกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ได้สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 และราชวงศ์จักรี มีพระนามว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง 62 ม. สูง 93 ม. มูลค่าในการก่อสร้าง 106,000,000 บาท ( หนึ่งร้อยหกล้านบาท )

เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2534 ( วันแรม 1 ค่ำา เดือน 4 ) ปีมะเมีย เวลา 9:00 น. ได้วางศิลาฤกษ์ โดยสมเด็จพระโฆษาจารย์ วัดสุวรรณดาราม กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) เป็นประธานฝ่ายดำเนินการก่อสร้าง และหาทุน และให้กฤษ์การก่อสร้างได้ดำเนินมา จนสำเร็จใน 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ( วันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 ) รวมเป็นเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 16 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 – 2550

ปัจจุบันวัดม่วงแห่งนี้ มีเนื้อที่ทั้งหมด 72 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าว ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้ซื้อรวบรวมได้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ โดยวัตถุประสงค์ เพื่อทำโครงการ ดังต่อไปนี้

  1. สถานที่ศึกษาพระธรรม พระพุทธศาสนา และปฏิบัติธรรม สำหรับ พระภิกษุสงฆ์ และประชาชน
  2. สร้างโรงพยาบาลสงฆ์
  3. ศูนย์จำหน่ายสินค้าศิลปาชีพในโครงการหลวง
  4. แหล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา แก่ชาวไทย และชาวต่างประเทศ

ประวัติวัดม่วง ที่มา www.watmuang.com

ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด

ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108

หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory

ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด

Exit mobile version