สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาเดินทางไปที่วัดตูม จังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นวัดที่สันนิษฐานกันว่าสร้างก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แม้จะเป็นวัดเก่าซึ่งมีมากมายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นความแปลก และมีความเชื่อมหัศจรรย์ที่วัดแห่งนี้เกี่ยวกับพระพุทธรูป นั่นก็คือหลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์
หลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์เป็น เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทรงเครื่องปางมารวิชัยที่มีลักษณะงดงามองค์หนึ่ง ทรงเครื่องแบบมหาจักรพรรดิราชาธิราช สวมมงกุฎ มี กุณฑลทับทรวง สังวาลพาหุรัดประดับด้วยนวรัตน์ประทับนั่งสมาธิพระหัตถ์ขวาคว่ำพาดอยู่ที่พระชานุ พระหัตถ์ซ้ายแบหงายอยู่ที่พระเพลาแบบปางมารวิชัย
หลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์มีหน้าตักกว้าง 87 เซนติเมตร สูง 150เซนติเมตร ซึ่งมีความมหัศจรรย์เกี่ยวกับน้ำในเศียรพระ อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศไทย
บันทึกวัดตูมในพระราชหัตถเลขา เรื่องเสด็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า
การได้พบว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำในเศียรนั้นสันนิษฐานเชื่อกันว่าได้พบกันมานานกว่าร้อยปีแล้ว แม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคมายังวัดนี้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2451 ก็ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในพระราชหัตถเลขา เรื่องเสด็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า ร.ศ.๑๒๗ พ.ศ.๒๔๕๑ ตอนหนี่งว่า
******************************
“วัดตูมนี้เป็นที่มีผลประโยชน์อยู่บ้าง คือป่าสะแกและที่นากัลปนา จึงได้มีพระอยู่เสมอ ไม่เคยขาดทีเดียวอย่างวัดศาสดา แต่เดี๋ยวนี้ก็มี ๒ องค์เท่านั้น เคยมีถึง ๕
วัดตูมนี้ลานวัดมีต้นไม่ร่มชิด เป็นวัดอย่างสมถะแท้ พระอุโบสถใหญ่ แต่มีหน้าต่างข้างละช่อง จั่นหับหน้าหลังหน้าบันเทพนม ก้านขดโต ๆ ปั้นลมเป็นรูปตุ๊กตา ทำนองเดียวกับวัดกลางเมืองสมุทร มีหลังเดียว แต่พระเจดีย์เป็น ๒ องค์ องค์หนึ่งตรงหลังโบสถ์ องค์หนึ่งไม่ตรง หายกันกับวัดศาสดา วัดศาสดานั้นมีทั้งโบสถ์ทั้งวิหารแต่มีพระเจดีย์องค์เดียว นี่มีแต่โบสถ์แต่มีพระเจดีย์ ๒ องค์ มีพระเจดีย์เล็กอีกองค์หนึ่ง พังหมดทั้งสาม
พระพุทธรูปในนั้นมีแถวใน ๓ แถว หน้ามีพระทรงเครื่องที่มีน้ำในพระเศียรองค์หนึ่ง อีกองค์หนึ่งว่าเชิญลงไปวัดเบญจมบพิตร แท่นว่าง จะให้หาพระขึ้นมาตั้งเปลี่ยนพระ ๓ องค์ แถวในปิดทองแต่เฉพาะที่พระองค์ผ้าทาชาด”
******************************
พระทรงเครื่องที่กล่าว นั่นก็คือพระพุทธรูปหลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์องค์นี้นั่นเอง
วัดตูม ตั้งอยู่ริมถนนสายประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้เป็นที่สำหรับลงเครื่องพิชัยสงคราม วัดตูมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาและได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลที่ 4
วัดตูมสถานที่ลงเครื่องพิชัยสงคราม
ทั้งนี้วัดตูมยังเป็นสถานที่ในการทำพิธีลงเครื่องพิชัยสงครามอีกด้วย ซึ่งมีปรากฏบันทึกใน พระราชหัตถเลขา เรื่องเสด็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า ร.ศ.๑๒๗ พ.ศ.๒๔๕๑ ตอนหนี่งว่า
******************************
“วัดตูมนี้เป็นที่สำหรับลงเครื่องพิชัยสงครามแต่ดั้งเดิมมา คงเป็นแต่แรกตั้งกรุงอโยธยาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี แต่การก่อสร้างคงจะได้แก้ไขมาโดยลำดับ อย่างไรๆ ก็ไม่เป็นวัดใหญ่โต แต่เป็นที่สงัดพระในวัดไม่เคยทำเอง เป็นพระที่อื่นขึ้นมาทำ เช่นเครื่องพิชัยสงครามที่กรุงเทพฯ ก็พระวัดพระเชตุพนขึ้นมาทำ ที่นี่และที่วัดเดิมศรีอโยธยา ทูลกระหม่อมทรงนับถือ เสด็จพระราชดำเนินก็มี พระราชทานให้มาทอดกฐินตั้งแต่เด็กๆ
มาวันนี้ได้ให้นิมนต์พระเลื่อง ซึ่งเป็นหลานศิษย์พระอาจารย์ม่วง มาลงเครื่องตามแบบพระอาจารย์ม่วง พระญาณไตรโลก พระสุวรรณวิมลศรี พระครูวัดหน้าพระเมรุ พระครูวัดขุนญวณ มานั่งปรกในการลงเครื่องนั้นด้วย ครั้นเสร็จแล้วได้กลับโดยเรือแจวมาออกทางปากช่องข้างเหนือขึ้นมาพลับพลา วันนี้มีคนมามากยิ่งกว่าทุกแห่ง เพราะเขามีหนังและมีเพลง และมีผ้าป่า ผ้าป่าที่นี่มากลำแต่งต่างๆ เป็นการครึกครื้นกว่าทุกแห่ง นับเป็นการนักขัตฤกษ์ที่ประชุมคนใหญ่ วันนี้มีลมเย็นฟ้าแลบ แต่ไม่มีฝน”
*****************************
จากการบันทึกนี้ ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2451 … ได้มีพิธีลงเครื่องพิชัยสงครามหรือที่เรียกว่าพิธีการชุบพระแสงขรรค์ราชศัตรู อีกด้วย
*****************************
พิธีลงเครื่องพิชัยสงคราม
พิธีลงเครื่องพิชัยสงครามหรือพิธีการชุบพระแสงขรรค์ราชศัตรูของพระมหากษัตริย์ จะเป็นพิธีที่มีขั้นตอนสลับซับซ้อนมาก โดยชั้นแรกจะต้องนำผงฝุ่นที่ทำเป็นเลขยันต์ จากนั้นก็ให้พระเถระผู้ใหญ่สลับกันสวดพระพุทธมนต์สลับกันเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน เมื่อสวดเสร็จแล้ว จะมีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในพระเศียรของหลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์มาละลายผงฝุ่นที่ทำเป็นเลขยันต์ ซึ่งเมื่อละลายแล้ว จะมีลักษณะเหมือนดินสอพองละลายน้ำ จากนั้นจึงนำมาเขียนเป็นอักขระลงที่พระแสงดาบทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อแห้งดีแล้วจึงนำพระแสงดาบเข้าไปในเตาเผา จากนั้นจึงไปชุบลงในสระน้ำลงเครื่องพิชัยสงครามที่อยู่ข้างพระอุโบสถ เมื่อพระแสงเย็นแล้วจะเกิดเป็นตัวนูนขึ้นมาซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง
หลังจากนั้นจึงนำมาล้างด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้ก็คือ น้ำที่อยู่ในพระเศียรของหลวงพ่อสุขสัมฤทธิ์องค์นี้
ความมหัศจรรย์ของหลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์ก็คือพระเศียรตอนเหนือพระนลาฏเปิดออกได้กับพระเกศมาลาถอดได้ เมื่อปิดไว้ตามเดิมแล้วจะแนบสนิทเกือบเป็นชิ้นเดียวกันไม่ปรากฏรอยเลย ภายในพระเศียร เป็นบ่อกว้างลึกลงไปเกือบถึงพระศอ มีน้ำไหลซึมออกมาตลอดเวลา แม้จะทำให้แห้งก็ยังพบว่ามีน้ำซึมออกมาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อว่า หลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
การเดินทางไปวัดตูม
การเดินทางค่อนข้างสะดวก โดยจะตั้งอยู่ริมถนนอยุธยา-อ่างทอง ไปตามเส้นทางวัดภูเขาทอง เมื่อผ่านวัดภูเขาทองมาแล้ว จะผ่านที่กลับรถ 2 จุด และให้ไปกลับรถที่จุดที่ 3 วัดตูมจะตั้งอยู่ริมถนน เห็นซุ้มประตูวัดชัดเจน
ผมเดินวนเวียนและถ่ายรูปในพระวิหารนานพอสมควร ก็เห็นผู้คนเดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อสุข สัมฤทธิ์ อย่างไม่ขาดสาย … จึงขอแนะนำว่า ที่วัดตูมแห่งนี้ เป็นอีกวัดหนึ่งที่ควรเดินทางมากราบไหว้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า และเป็นสิริมงคลต่อชีวิตอีกด้วย…
แหล่งที่มาข้อมูล
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com