เที่ยวทำบุญวัดท่าซุง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อุทัยธานี(ตอน 2)

By | April 22, 2014

จากบทความเที่ยวทำบุญวัดท่าซุง ตอนที่ 1 เป็นการเดินทางมาวัดท่าซุง วันนี้ผมจะพาไปพบกับรายละเอียดสถานที่ต่างๆของวัดท่าซุง ซึ่งผมจะพามาทัวร์ฝั่งพระอุโบสถเก่ากันก่อนนะครับ ซึ่งจะมีสถานที่สำคัญต่างๆดังนี้ครับ

1. ตึกรับแขก เป็นอาคารสำหรับรับแขกนั่นแหละครับ จะมีวัตถุมงคลให้เช่า ทั้งทันในสมัยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและยุคหลัง รวมถึงมีสื่อธรรมะของหลวงพ่อจำหน่ายมากมาย ทั้งหนังสือ ซีดี ในส่วนของหนังสือราคาถูกมากๆครับ ผมก็ซื้อมาหลายเล่ม

2. วิหารท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก และท้าววิรูปักษ์

3. มณฑปแก้ว พระองค์ที่ 10 -11

4. พระอุโบสถหลังเก่า

5. รอยพระพุทธบาท ซึ่งอัญเชิญมาจาก วัดหนองดุด อ.นาหว้า จ.สกลนคร

6. วิหารพระองค์ที่ 10 – 11

7. แพให้อาหารปลา จุดนี้เด็กๆชอบครับ

8. ศาลาพระมหาประชาบดีโคตมีเถรี

 

ตึกรับแขก

ผมจะพาไปชมสถานที่แรกก่อนเลยคือตึกรับแขก สถานที่นี้จะเป็นจุดใกล้ๆกับพื้นที่บริเวณจอดรถ จะเปิดให้เข้า 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 09.00 – 10.30 น. และช่วงบ่ายจะเปิดอีกที เวลา 12.00 – 16.00 น. สถานที่นี้จะเป็นจุดที่เปิดให้เช่าวัตถุมงคลทั้งที่ทันสมัยหลวงพ่อซึ่งมีเหลือบางส่วน และที่จัดสร้างหลังหลวงพ่อได้มรณภาพไปแล้ว วัตถุมงคลที่ทันในสมัยหลวงพ่อปัจจุบันก็จะมีราคาค่อนข้างแพงนะครับ แต่ถ้าใครที่ศรัทธาก็สามารถเช่ามาบูชาได้เพื่อเป็นที่พึ่งและความสุขทางใจนอกจากวัตถุมงคลที่มีให้เช่าแล้ว ก็ยังมีสื่อธรรมะ ได้แก่ หนังสือธรรมะต่างๆ ทั้งหลักธรรมะขั้นพื้นฐาน จนถึงขั้นฝึกกรรมฐานกันเลย ผมดูจากราคาแล้วไม่แพงเลยครับ ราคาหลักสิบบาท แต่เล่มหนามาก ผมก็ซื้อมาหลายเล่ม นอกจากหนังสือก็จะมีซีดีธรรมะของหลวงพ่อด้วยนะครับ ยังไงก็เลือกชมเลือกซื้อมาไว้ได้ ถ้าไม่เลือกไว้บ้างระวังกลับมาแล้วจะเสียดายนะครับ บางคนมาไกลแต่ไม่ได้ซื้อไว้ก็อาจจะเสียดายทีหลังก็ได้เพราะนานๆอาจจะได้มากันสักที

นอกจากเป็นสถานที่จำหน่ายสื่อธรรมะและเช่าบูชาวัตถุมงคลแล้ว ยังเป็นสถานที่มีรูปเหมือนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำอยู่ด้วย เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบไหว้บูชากันครับ ยังไงมาด้านบนตึกแล้วก็อย่าลืมกราบขอพรท่านกันนะครับ

รูปเหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

รูปเหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ด้านบนตึกรับแขก

บริเวณด้านบนตึกรับแขกที่ให้เช่าวัตถุมงคลครับ

บริเวณด้านบนตึกรับแขกที่ให้เช่าวัตถุมงคลครับ

บริเวณจำหน่ายหนังสือธรรมะ ราคาไม่แพงครับ แนะนำให้ติดมือไปสักเล่ม

บริเวณจำหน่ายหนังสือธรรมะ ราคาไม่แพงครับ แนะนำให้ติดมือไปสักเล่ม

วัตถุมงคลบางส่วนที่แสดงไว้ให้เช่าบูชากันครับ และผมด็ได้เช่าไว้บางองค์

วัตถุมงคลบางส่วนที่แสดงไว้ให้เช่าบูชากันครับ และผมด็ได้เช่าไว้บางองค์

หนังสือบางส่วนที่ผมได้ซื้อมาประดับความรู้ครับ เล่มด้านหน้าคือ "ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน" เล่มนี้ผมชอบมากครับอ่านสนุก และได้ข้อคิดธรรมะ

หนังสือบางส่วนที่ผมได้ซื้อมาประดับความรู้ครับ เล่มด้านหน้าคือ “ตายไม่สูญ…แล้วไปไหน” เล่มนี้ผมชอบมากครับอ่านสนุก และได้ข้อคิดธรรมะ

พระเครื่องที่ผมเช่าบูชามาครับ องค์นี้ทันสมัยหลวงพ่อ เรียกว่า พระคำข้าวรุ่นพิเศษ สร้างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2535 ในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร

พระเครื่องที่ผมเช่าบูชามาครับ องค์นี้ทันสมัยหลวงพ่อ เรียกว่า พระคำข้าวรุ่นพิเศษ สร้างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร

วิหารท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่

ก่อนจะกล่าวถึงวิหารนี้ ผมก็จะขอกล่าวถึงรายละเอียดคร่าวๆกันก่อน ถึงเทพเทวดาทั้งสี่องค์นี้นะครับ เรื่องที่จะเล่าก็เป็นความเชื่อและความศรัทธาของแต่ละบุคคลแต่ที่สำคัญผมก็ไม่ได้แต่งขึ้นมาเอง เป็นเรื่องที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้เล่าให้ฟังมาซึ่งจะขอกล่าวคร่าวๆดังนี้

วิหารนี้จะมีรูปเหมือนของท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 พระองค์ เป็นเทพที่อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา โดยมีท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นประธาน เทวดาทั้งสี่องค์มีดังนี้

1. ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ ท่านจะทำหน้าที่ปกครองยักษ์ทั้งปวง

2. ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้ ท่านจะทำหน้าที่ปกครองครุฑ

3. ท่านท้าวธตรฐ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันออก      ท่านทำหน้าที่ปกครองกุมภัณฑ์ วิทยาธร และคนธรรพ์

4. ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันตก  ท่านทำหน้าที่ปกครองนาค

 

วิหารนี้จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกรับแขกเห็นได้ชัดเจนนะครับ เปิดให้เข้าได้ทั้งวันเลยครับไม่มีเวลาปิดเหมือนสถานที่อื่นๆ

วิหารท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4

วิหารท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4

รูปท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 อยู่ในห้องห้องกระจก ผมพยายามถ่ายรูปแล้วก็มีแสงสะท้อน ก็เลยมองเห็นไม่ชัดครับ  แต่ถ้าได้ไปดูองค์จริงจะสวยงามมากนะครับ ไม่ได้มีร่างเป็นยังษ์ตามตำราต่างๆเขียนไว้

รูปท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 อยู่ในห้องห้องกระจก ผมพยายามถ่ายรูปแล้วก็มีแสงสะท้อน ก็เลยมองเห็นไม่ชัดครับ แต่ถ้าได้ไปดูองค์จริงจะสวยงามมากนะครับ ไม่ได้มีร่างเป็นยังษ์ตามตำราต่างๆเขียนไว้

 

ผมจะยกบทความของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ได้กล่าวถึงองค์ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ไว้คร่าวๆดังนี้ครับ

มาวันนี้อาตมาอารมณ์เริ่มทรงตัวขึ้นมาบ้าง ก็ใช้กำลังทรงตัวได้ แต่ถ้าใช้กำลังทรงตัวแน่นขึ้นไปอีกก็จะไม่เห็นอะไร พอขยับจิตเคลื่อนลงมานิดหนึ่งอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ ก็มองเห็นท่านท้าวมหาราชนั่งอยู่ข้างๆ ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 เขาเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่รักษาคุ้มครองชาวมนุษยโลก ถ้าสร้างความดีก็หาทางป้องกันช่วยเหลือ จะส่งเทวดาไปอารักขา ถ้าสร้างความชั่วก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้ก็อดใจไว้ และก็มีหน้าที่บันทึกความดีความชั่วของคนทั้งการพูด การคิด การทำทุกอย่าง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชอยู่กึ่งกลางเขาพระสุเมรุ คนที่ตายแล้วมาเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชได้ ต้องเคยได้ฌานสมาบัติ แต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ถ้าขณะที่ตายเข้าฌานตาย ก็จะไปเกิดเป็นพรหม

ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ

ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ และเป็นประธานของท้าวมหาราชทั้ง ๔ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักจะทำสัญลักษณ์เป็นรูปยักษ์ จะเห็นได้ตามวัด ตามถํ้าจะมีรูปปั้นยักษ์อยู่ทางด้านหน้าทางเข้า

ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้

ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักเข้าใจว่า ท่านท้าววิรุฬหกและบริวารของท่านเป็น กุมภัณฑ์ สมัยเป็นมนุษย์เมื่อตายแล้วท่านไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช ต่อมาก็ขึ้นเป็น เทวดาชั้นอินทกะ (คำว่า “อินทกะ” แปลว่า “ผู้เป็นใหญ่” คือ เป็นรองท่านท้าวมหาราช อินทกะนี้มีได้ทิศละพันองค์ พร้อมที่จะเป็นท้าวมหาราชได้ตามความสามารถและวาสนาบารมี ในเมื่อท่านท้าวมหาราชไปจากชั้นนี้ คือจากชั้นจาตุมหาราชไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงบ้าง หรือว่าไปเป็นพรหมบ้าง หรือมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม) จากอินทกะท่านก็เป็นท้าวมหาราช คือท่านท้าววิรุฬหกในปัจจุบันนี้

ท่านท้าวธตรฐ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันออก

วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 เห็นท่านท้าวมหาราชมานั่งอยู่ องค์หนึ่งมาตัวสูงเท่ายอดตาล จึงหันไปถามว่า “ใคร” ท่านท้าววิรุฬหกตอบว่า “ท่านธตรฐครับ” พอท่านเข้ามาใกล้ก็เลยถามว่า “ทำไมสูงเหมือนเปรตแบบนี้ล่ะ” ท่านตอบว่า “อย่างนี้เขาเรียกสูงแบบเทวดา ไม่ใช่สูงแบบเปรต” ถามท่านท้าวธตรฐว่า “อดีตของท่านเคยเป็นอะไรมาตอนเป็นมนุษย์” ท่านตอบว่า “อดีตผมเป็นพระราชาเมืองพาราณสีครับ” ก็เลยถามท่านว่า”เวลานั้น ไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นเทวดาได้อย่างไร”

ท่านตอบว่า “เทวดาหรือพรหมไม่จำเป็นต้องนับถือพระพุทธศาสนาเสมอไป พราหมณ์ก็เป็นเทวดาเป็นพรหมได้” เวลานี้ท่านเป็นพระอนาคามี เป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง ท่านไม่กลับลงมาเกิดอีกแล้ว

ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันตก

ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 วันเดียวกันนั้นอาตมาได้หันไปถาม ท่านวิรูปักษ์ ว่า “อดีตท่านเป็นอะไร” ท่านตอบว่า “อดีตผมอยู่ปักษ์ใต้ ประเทศไทยนี่เอง เป็นผู้ชายไทย ฐานะสูงมากสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ฌานสมาบัติแต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ตายแล้วไปเป็นอินทกะเลย เมื่อท่านวิรูปักษ์องค์เก่าขึ้นไปเป็นพรหม ท่านก็ขึ้นเป็นแทน ท่านเก่งมาก

เป็นอันว่าก็ได้ทราบประวัติของท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 แล้วว่าใครเป็นใคร ทำให้ทราบว่าการเป็นเทวดาก็ไม่หนักสำหรับพวกเรา การเป็นพรหมก็ไม่หนัก การไปพระนิพพานก็ไม่หนัก การไปนรกก็ไม่หนัก ชอบทางไหนก็ไปได้ทั้งนั้น..”

รายละเอียดเกี่ยวกับท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าไว้ก็พบคร่าวๆเพียงเท่านี้นะครับ ก็ให้ใช้วิจารณญาณในการที่จะเชื่อแล้วกันนะครับ แต่ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ก็ได้กล่าวถึงเทพเทวดาว่ามีอยู่จริงและได้กล่าวถึงท้าวจตุโลกบาลไว้ด้วยเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อก็อ่านเป็นนิทานสนุกๆไปก็ได้ ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำเวลาท่านเทศน์ ท่านก็มักกล่าวในสิ่งที่ท่านได้เทศน์ว่าเป็นนิทานเสมอๆครับ

สำหรับเนื้อหา “เที่ยวทำบุญวัดท่าซุง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อุทัยธานี ตอนที่ 2” ผมก็ขอจบไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เนื่องจากแต่ละสถานที่มีเนื้อหาความรู้ค่อนข้างเยอะ ผมจึงไม่อยากให้เนื้อหาที่ท่านได้อ่านนั้นสั้นเกินไป จนไม่ได้ความรู้อะไรกันเลย จึงต้องเขียนให้พอได้ความรู้กันสักหน่อย แล้วผมจะพาทัวร์ทำบุญต่อในตอนที่ 3 ต่อไปนะครับ ขอบคุณครับที่ติดตามอ่าน…

>>>>อ่านต่อใน เที่ยวทำบุญวัดท่าซุง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อุทัยธานี ตอนที่ 3 ครับ<<<<