สวัสดีครับ วันนี้ผมเดินทางมาถึงจังหวัดฉะเชิงเทราและเป็นช่วงจังหวะพายุเข้าประเทศไทยพอดิบพอดี เล่นเอาผมถึงกับเซ็งไปพอสมควรเพราะหลายๆโปรแกรมที่ตั้งใจไว้ก็ได้ยกเลิกไปด้วยเพราะสภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวย
แต่ก็ได้เดินทางไปเที่ยววัดบ้างเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ “วัดสาวชะโงก” ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.สาวชะโงก อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่ผมตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวที่วัดแห่งนี้ ก็เนื่องด้วยเหตุผล 2 ประการหลักคือ
- ที่วัดแห่งนี้มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการสร้างวัดในชื่อว่า “วัดสาวชะโงก” ซึ่งเป็นตำนานโศกนาฏกรรมความรัก ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่หนึ่ง
- ตำนานเครื่องรางวัตถุมงคลอันลือลั่น นั่นก็คือ “ปลัดขิก” ของหลวงพ่อเหลือ ที่เชื่อกันว่าเป็นปลัดขิกอันดับหนึ่งของเมืองไทย
การเดินทางไปวัดสาวชะโงก
ผมได้เดินทางตามเส้นทางมาจากวัดสมานรัตนาราม มาตามเส้นทางถนนหมายเลข 304 ซึ่งท่านสามารถดูตามแผนที่การเดินทางด้านล่างนี้
บริเวณที่จอดรถ ผมจอดอยู่ใกล้กับศาลแม่เฒ่าซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง
ศาลแม่เฒ่า ได้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อเหลือ เป็นเจ้าอาวาส… ครั้งนั้นกำลังมีการก่อสร้างกุฏิพระในวัด จึงมีการลอยท่อนซุงมาตามลำแม่น้ำบางปะกง เพื่อใช้ในการก่อสร้าง แต่ปรากฏว่ามีท่อนซุงตะเคียนท่อนหนึ่งได้เกิดการแสดงปาฏิหาริย์ ไม่สามารถลากขึ้นมาบนฝั่งได้ … จึงได้แจ้งหลวงพ่อเหลือ จึงมีพิธีอัญเชิญท่อนซุงท่อนนั้นขึ้นจากน้ำ และทำการตั้งศาลแม่เฒ่าไว้บริเวณหน้าวัด ริมแม่น้ำบางปะกงตั้งแต่นั้นมา … เป็นศาลที่ได้รับความเคารพนับถือของผู้คนในท้องถิ่นมาเป็นเวลาช้านาน
ผมเดินวนเวียนที่ริมแม่น้ำบางปะกง สังเกตุเห็นปริมาณน้ำที่เยอะมากพอสมควร อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังๆ มีพายุเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปไม่ได้ไม่นาน ซึ่งก่อนหน้านี้น้ำแล้งมาก แต่ตอนนี้น้ำเยอะมากจริงๆ
ภายในพระวิหารหลวงพ่อเหลือ จะมีรูปหล่อหลวงพ่อเหลือและอดีตเจ้าอาวาสรูปอื่นๆ ให้กราบไหว้บูชาและปิดทอง ส่วนด้านหลังเป็นองค์หลวงพ่อโสธรจำลอง และพระพุทธชินราชจำลอง
หลวงพ่อเหลือ หรือพระครูนันทธีราจารย์ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสาวชะโงก ดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2474 ท่านได้มรณภาพเมื่อวันศุกร์ ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2488 ขึ้น 7 ค่ำเดือน 2 ปีระกา เวลา 04.00 น. ด้วยโรคประจำตัวและแก่ชรา
ความโ่งดังของหลวงพ่อเหลือ นอกจากจะเป็นพระนักพัฒนา และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ก็ยังมีชื่อเสียงในเรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคล โดยเฉพาะ “ปลัดขิก” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นปลัดขิกอันดับ 1 ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมวัตถุมงคลอย่างมาก และเป็นวัตถุมงคลที่หายากมากในปัจจุบันนี้
หลังจากที่ผมกราบไหว้บูชาพระในวิหารหลวงพ่อเหลือแล้ว ก็ได้เดินชมวัตถุมงคลสมัยที่หลวงพ่อเหลือยังไม่มรณภาพในตู้แสดงโชว์ และจึงเดินไปด้านหลังวิหารหลวงพ่อเหลือเพื่อไปกราบไหว้พระเจดีย์หลวพ่อเหลือต่อไป
เนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ผมจึงต้องรีบเดินเข้าร่ม ซึ่งตั้งอยู่หน้าพระเจดีย์หลวงพ่อเหลือพอดีเลยครับ ส่วนพระเจดีย์องค์อื่นๆ ก็เป็นพระเจดีย์ของอดีตเจ้าอาวาสรูปอื่นๆครับ
ผมได้กราบไหว้บูชาพระเจดีย์แล้วจึงเดินไปกราบไหว้บูชาพระที่มณฑปพระพุทธบาทจำลอง
ในมณฑปพระพุทธบาทจำลอง จะประดิษฐานพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาทจำลองให้กราบไหว้บูชาและปิดทอง … ฝาผนังมีความสวยงามของจิตรกรรมศิลป์ และมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุในผนังให้กราบไหว้บูชากันอีกด้วย
ที่พระมณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง เป็นจุดสุดท้ายที่ผมได้เดินชมสถานที่ แต่ฝนก็ยังเทลงมาไม่ขาดสาย เรื่องเปียกผมไม่กลัวเท่าไหร่นัก แต่กลัวกล้องจะพังนี่แหละครับ เลยต้องรอจังหวะฝนซาแล้วรีบเดินกลับ
แม้ฝนจะตกลงมาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังมีผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อเหลือกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการบ่งบอกว่า วัดสาวชะโงก เป็นวัดหนึ่งที่มีชื่อเสียง และได้รับความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนเช่นกัน
ประวัติวัดสาวชะโงก พอสังเขป
เรื่องราวของประวัติวัดสาวชะโงก มีตำนานเล่าขานกันมาแต่โบราณ ถึงเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่หนึ่ง โดยมีเรื่องเล่ากันว่า ได้มีการจัดพิธีแต่งงานโดยเจ้าบ่าวเป็นคนอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี ได้ล่องเรือใหญ่มาตามแม่น้ำบางปะกง เพื่อแห่ขบวนขันหมากมาขอเจ้าสาว และได้มาจอดเรือบริเวณคุ้งน้ำใกล้บ้านเจ้าสาวเพื่อรอฤกษ์
ฝ่ายครอบครัวเจ้าสาวก็รู้สึกดีใจ ที่มีขบวนขันหมากจัดมาใหญ่โต ดูสนุกสนาน ด้วยเจ้าสาวอยากเห็นหน้าเจ้าบ่าว จึงได้ชะโงกหน้าออกทางหน้าต่างออกมาดู และได้เกิดอุบัติเหตุทำให้เจ้าสาวพลัดตกจากเรือนไทยลงมาเสียชีวิต
เหตุการณ์นี้ ทำให้พ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวเสียใจอย่างยิ่ง จึงได้ทำการถวายที่ดิน 6 ไร่ ในการสร้างวัด เพื่อเป็นอนุสรณ์และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ลูกสาวของตน และตั้งชื่อว่า “วัดสาวชะโงก” ตั้งแต่นั้นมา
ทั้งนี้วัดสาวชะโงก เป็นวัดในสังกัดมหานิกาย ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2356 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยการบริจาคที่ดิน 6 ไร่ ของนายนุช และนางยัง ผู้เป็นพ่อแม่ของเจ้าสาว
บทสรุป
วัดสาวชะโงก มีพื้นที่ใช้สอยกว้างพอสมควร ติดริมแม่น้ำบางปะกง ทำให้มีทิวทัศน์ที่ดีและสวยงาม เหมาะกับการท่องเที่ยวทำบุญวัดหนึ่ง … มีพระวิหารหลวงพ่อเหลือให้ทำการบูชาพระปิดทองและเช่าบูชาวัตถุมงคลของทางวัด ด้านหลังพระวิหารหลวงพ่อเหลือ จะมีพระเจดีย์ของอดีตเจ้าอาวาสรูปอื่นๆและพระเจดีย์หลงพ่อเหลือ ซึ่งบรรจุอัฐิธาตุของท่านให้กราบไหว้บูชา
ใกล้เคียงกัน จะเป็นมณฑปพระพุทธบาทจำลอง สามารถที่จะปิดทองบูชากันได้และมีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ให้บูชาด้านในอีกด้วย
ในเรื่องเส้นทางเดินทาง จะมีถนนบางช่วงที่ขรุขระ ก็ขอให้ใจเย็นๆนะครับ ไม่ต้องรีบร้อน
เรียนเชิญกันมาทำบุญและเรียนรู้ตำนานวัดสาวชะโงกกันได้นะครับ … แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อๆไป ขอบพระคุณครับ…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com