สวัสดีครับ ว่างเว้นจากการเขียนเรื่องราวเดินทางท่องเที่ยววัด ไปสักพัก… ครั้งนี้ได้โอกาสกับวันหยุดสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกครั้ง ในวันอาสาฬหบูชา ซึ่งหลายๆท่านก็คงได้หยุดยาวโดยเฉพาะเหล่าข้าราชการ … ส่วนผมก็ได้หยุดเพียง 3 วันเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็น 3 วันที่มีคุณค่า …
โอกาสครั้งนี้ ผมได้เดินทางไกลไปถึงจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเดินทางไปกราบนมัสการสรีระสังขารของหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล หรือที่ชาวบ้านหลายคนอาจจะเรียกท่านว่า หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน หรือ เทวดาเดินดิน … สำหรับคำกล่าวดังกล่าว เนื่องจากว่า ชาวบ้านต่างให้ความศรัทธาหลวงปู่สรวง และเชื่อว่าท่านมีบารมี ที่สามารถให้โชคลาภ แก่ผู้มีจิตศรัทธา เสมือนว่าเป็นเทวดามาโปรด…
เรื่องราวของหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล เป็นปริศนาที่มีมานานมากแล้ว ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากประเทศกัมพูชา มาจำพรรษาที่ประเทศไทยหลายแห่ง จึงไม่มีใครที่จะทราบเรื่องราวประวัติของท่าน มีเพียงคำบอกเล่าปากต่อปาก จนเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2543 โดยสรีระสังขารของท่านนั้น ไม่ได้เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา จึงได้เก็บรักษาร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว ที่วัดไพรพัฒนา จังหวัดศรีสะเกษ
สำหรับมูลเหตุที่ผมเดินทางไกลมาถึงที่นี่ เพราะมีความศรัทธาต่อองค์หลวงปู่สรวง เช่นกัน ผมได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ ของท่านมานานมากพอสมควร แต่ประวัติที่แท้จริงนั้น ผมก็ไม่ทราบได้ … การเดินทางมาครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์การเดินทางจากพี่อมร ที่รู้จักกัน ซึ่งจะเดินทางกลับบ้านที่ศรีสะเกษ จึงได้เชิญชวนกันไปกราบสรีระสังขารของหลวงปู่สรวง และมาท่องเที่ยวดูบรรยากาศชนบท และสังคมไกลเมืองด้วย … ก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้คิดว่าจะได้เดินทางมาท่องเที่ยววัด ไกลถึงศรีสะเกษ เพราะพื้นที่ใกล้กับบ้านพักของผม ก็ยังมีวัดมากมาย ที่ยังไม่ได้เดินทางไป… จึงคิดว่า การไปกราบหลวงปู่สรวง คงเป็นโปรแกรมอีกยาวไกล แต่บังเอิญผมได้นอนแล้วฝันถึงหลวงปู่สรวง ทั้งๆที่ผมไม่เคยได้คิดถึงท่านเลย เป็นเหตุหนึ่งที่ผมมีความมุ่งมั่นที่จะเดินทางมาให้ได้ และก็โชคดี ได้ไปคุยกับพี่อมร โดยคุยกันแบบบังเอิญ จนรู้ว่าบ้านเกิดพี่อมร อยู่ที่ศรีสะเกษ จึงได้นัดแนะเวลาเดินทางกันเลยทันที และถือเป็นโอกาสในการเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดไปในตัว
การเดินทางไปวัดไพรพัฒนา ศรีสะเกษ
ผมออกเดินทางตั้งแต่เวลาประมาณ ตี 4 จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปตามเส้นทางเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ไปจนถึงสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แล้วเลี้ยวรถไปตามเส้นทางจังหวัด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ไปจนถึงแยกนาเจริญ แล้วเลี้ยวขวา จะเห็นป้ายบอกเส้นทางไปนมัสการหลวงปู่สรวง เป็นระยะๆ สามารถดูคลิปการเดินทางที่ผมอัพไว้ให้แล้วด้านบนบทความนี้ครับ
การเดินทางตั้งแต่เช้ามืด เป็นผลดีคือปริมาณรถค่อนข้างน้อย จึงสามารถทำเวลาได้ดี โดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษๆ ผมก็มาถึงนครราชสีมาแล้วหล่ะครับ
บรรยากาศช่วงเช้าแบบนี้ ดูแล้วสดชื่นดีครับ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นบรรยากาศยามเช้าเช่นนี้ … และครั้งนี้ผมก็ยิ่งสบายยิ่งขึ้น เพราะไม่ได้ขับรถเอง ทำให้สามารถถ่ายรูปชมบรรยากาศได้อย่างจุใจ
เมื่อขับรถเข้าใกล้ สู่จังหวัดศรีสะเกษ เราก็จะเห็นป้ายแจ้งงานบุญเกี่ยวกับหลวงปู่สรวงอยู่เป็นระยะ เป็นการบ่งบอกได้ว่า ผู้คนต่างมีความศรัทธาต่อหลวงปู่สรวงนั้น มีมากมายจริงๆ
เมื่อมาถึงแยกนาเจริญ ให้ขับรถเลี้ยวขวาไปสู่บ้านละลม เลยครับ
เมื่อผมเดินทางมาถึงวัดไพรพัฒนา ก็ได้เห็นผู้คนมากมายที่เดินทางมาทำบุญ และกราบสรีระสังขารของหลวงปู่สรวง สำหรับที่จอดรถภายในวัดนั้น ยังจัดสรรพื้นที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงอาจจะดูจอดระเกะระกะขวางทางกัน ยังไงก็ค่อยๆถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะครับ
ด้านหน้าใกล้ทางเข้าวัดไพรพัฒนา จะเห็นศาลาไม้ เป็นสถานที่เก็บรักษาสรีระสังขารหลวงปู่สรวง
เราจะเห็นรูปหลวงปู่สรวง ติดตั้งอยู่โดยทั่วไปในบริเวณวัด
การจุดธูปเทียนบูชาหลวงปู่สรวง จะมีพื้นที่ให้อยู่ด้านล่างหน้าศาลาเก็บรักษาสังขารของหลวงปู่สรวง
ผู้มีจิตศรัทธา จะนำขันธ์ 5 ขันธ์ 8 มาบูชาสังขารหลวงปู่สรวง ด้านหน้าโลงแก้ว จากนั้นจะพากันรอคิวลอดใต้โลงแก้วของหลวงปู่
วันที่ผมเดินทางไปถึง ตรงกับวันเสาร์ จึงได้เห็นผู้คนเดินทางมาวัดกันอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตรงกับวันเข้าพรรษา ทำให้มีผู้คนเดินทางมามากกว่าปกติ หลังจากที่ผมได้ลอดใต้โลงแก้วของหลงปู่สรวงครบ 3 รอบแล้ว ผมก็ดูบรรยากาศของผู้คนมากมายที่เดินทางมาอย่างศรัทธา และเดินไปดูพื้นที่อื่นๆทั่วบริเวณวัด
เท่าที่ผมดูวัตถุมงคลของหลวงปู่สรวง จะพบว่า วัตถุมงคลที่ทันในสมัยหลวงปู่ยังไม่มรณภาพนั้น จะมีราคาที่สูงหลักหลายพันบาท จนถึงหลักหมื่น ส่วนวัตถุมงคลรุ่นหลังๆ ก็มีราคาเช่าบูชาในราคาที่สูงพอสมควร ซึ่งน่าจะเป็นความศรัทธาของผู้คน จึงทำให้มีราคาเช่าบูชาที่ค่อนข้างสูง
สำหรับผมก็ได้เช่ามาเพียง แหวนทองเหลืองที่มีราคาเช่าบูชาที่ 299 บาท และซื้อหนังสือประวัติหลวงปู่สรวงในราคา 299 บาท ทั้งนี้วัตถุมงคลที่ทันสมัยหลวงปู่ยังไม่มรณภาพนั้น ผมก็มีอยู่ 1 องค์คือ พระสมเด็จเนื้อข้าวเสก บ้านละลม ซึ่งผมได้อาราธห้อยคอติดตัวอยู่เป็นประจำ
จุดเด่นสำคัญของวัดไพรพัฒนาอีกจุดหนึ่งก็คือ มณฑปปราสาท ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เพื่อประดิษฐานสรีระสังขารของหลวงปู่สรวง
รูปแบบการออกแบบจะเป็นในแบบศิลปะแบบขอม ซึ่งดูสวยงามแปลกตาดีครับ
เรื่องราวของหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล
อย่างที่ผมกล่าวไว้ในเบื้องต้น เกี่ยวกับหลวงปู่สรวง ในเรื่องราวประวัติของท่านนั้น ไม่มีใครที่รู้จริง เพราะท่านเดินทางมาจากประเทศกัมพูชา จะมีก็แต่เรื่องเล่าสืบทอดกันมาเท่านั้น จะจริงเท็จแค่ไหนนั้น ผมก็ไม่สามารถจะกล่าวได้เพราะผมเองก็ทราบเรื่องราวมาจากการค้นหาข้อมูลทั้งจากอินเตอร์เน็ตและหนังสือเท่านั้น
จากข้อมูลที่ค้นหามาได้ กล่าวว่า หลวงปู่สรวงเป็นชาวกัมพูชา เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมาที่ อ.ขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ และได้พักอาศัยอยู่ตามกระท่อมที่นาของชาวบ้านโคก และเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆอีกมากมาย ชาวบ้านแถบนั้นจะมองว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่ดี แม้ว่าจะมีกิจวัตรที่แตกต่างจากพระสงฆ์ทั่วไป ชาวบ้านก็ยังมีความศรัทธาต่อท่านเสมอมา และหลายๆคนจะเรียกท่านว่า “ลูกตาเบ๊าะ” แปลว่า พระดาบสที่รักษาศีลตามป่าเขา ซึ่งเป็นภาษากัมพูชา
เนื่องจากหลวงปู่สรวง มักจะเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา ลำเนาไพร เพียงลำพัง ทำให้ยิ่งเป็นเหตุไม่มีผู้ใดที่จะรู้ถื่นกำเนิดและอายุของหลวงปู่อย่างแท้จริง ถึงขนาดที่ว่า คนแก่คนเฒ่าบอกว่า เห็นหลวงปู่มาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งก็มีสภาพแบบนี้มานานแล้ว ยิ่งเป็นปริศนาเรื่องราวมาจนทุกวันนี้
เรื่องราวความอัศจรรย์เกี่ยวกับหลวงปู่นั้น ก็มีความเชื่อมากมาย แม้กระทั่งเชื่อกันว่า ท่านเป็นร่างหนึ่งของหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่เป็นปริศนามานานแสนนาน
บุคลิก และกิจของหลวงปู่สรวง จะมีลักษณะความสันโดษ แม้ว่าท่านจะมีผู้คอยติดตามรับใช้ ท่านก็ไม่เคยยึดติด หลวงปู่ยังคงใช้ชีวิตธรรมดา พักอาศัยตามกระท่อมของชาวบ้าน เมื่อท่านได้รับปัจจัยมา ท่านก็ไม่ยึดติด และทำการให้ทานแก่คนยากไร้ มาโดยตลอด และหลายๆครั้งท่านก็แทบจะไม่สนใจลาภสักการะเงินทองอะไรเลย มีเรื่องเล่าว่า บางครั้งหลวงปู่ยังนำเงินบริจาคลงบนกองไฟก็มีมาแล้ว … มีผู้ติดตามเล่าให้ฟังว่าไม่เคยเห็นหลวงปู่นอนหลับเลย บางครั้งไม่ฉันเป็นสิบๆ วันก็ยังอยู่ได้เป็นปกติ … บางครั้งไม่เห็นท่านนานหลายวัน อยู่ดีๆ ก็เห็นท่านกลับมาอีกครั้ง โดยจะสังเกตุได้จากว่าวที่แขวนหน้ากระท่อม… ถ้าหลวงปู่สรวงไม่อยู่ ว่าวนี้ก็จะหายไปด้วยเช่นกัน…
ความอัศจรรย์มากมาย ที่เล่าต่อๆกันมามีมากมาย ทั้งจากลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาส และพระสงฆ์ ต่างก็พากันยืนยันในเรื่องความดีงามของหลวงปู่สรวง อีกทั้งผู้คนมากมาย มักมีโชคลาภ และเชื่อกันว่าเป็นเพราะบารมีหลวงปู่สรวง… การเล่าปากต่อปาก มากมายในเรื่องราวปริศนา และความอัศจรรย์ต่างๆ เป็นเหตุให้ผู้คนจากทั่วสาระทิศ วนเวียนมากราบไหว้บูชาหลวงปู่สรวงอย่างไม่ขาดสาย
จนกระทั่ง หลวงปู่สรวงได้มีอาการป่วยอย่างหนัก และได้มรณภาพบนรถในขณะที่กำลังนำท่านไปยังโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2543 และได้ทำการเก็บรักษาร่างของท่านไว้ที่วัดไพรพัฒนา จังหวัดศรีสะเกษ เป็นที่น่าอัศจรรย์ แม้ว่าจะไม่มีการฉีดสารเคมีใดๆ เข้าไปในร่างกายของหลวงปู่สรวง แต่ร่างกายสังขารของท่าน ก็ไม่ได้เน่าเปื่อยเลย จะมีเพียงลักษณะแห้งลงไปเล็กน้อย จึงได้เก็บรักษาร่างสังขารของท่านไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้เหล่าผู้มีจิตศรัทธา ได้กราบไหว้บูชา ระลึกถึงคุณความดี ของ่ทาน ที่วัดไพรพัฒนา มาจนถึงทุกวันนี้ และเรื่องราวของหลวงปู่สรวงก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป ตราบนานเท่านาน…
สุดท้าย และท้ายสุด …
ก่อนจบเรื่องราวการเดินทาง ผมขอถือโอกาสนี้ นำคลิปวีดีโอ เดินชมวิถีชีวิตชาวบ้าน มาให้รับชมกัน… เนื่องจากกว่าการเดินทางครั้งนี้ ผมเดินทางไกลไปสู่อีสานใต้ จึงได้ใช้โอกาสนี้เดินชมท่องเที่ยว ดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ที่จังหวัดศรีสะเกษด้วย… อยู่กันอย่างพอเพียง ทำมาหากินด้านเกษตรกรรม อยู่ง่าย กินง่าย อบอุ่นดีมากครับ … เชิญรับชมบรรยากาศที่คลิปวีดีโอ ด้านล่างเลยครับ
แอดมินเล่าเรื่อง หลวงปู่สรวง
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com
หลวงปู่สรวงเกิดที่( ភូមិគូលែនជើង, ឃុំគូលែនជើង, ស្រុកគូលែន,ខេត្តព្រះវិហារ = หมู่บ้านกูแลนเหนือ ต.กูแลนเหนือ .อ.กูแล จ.พระวิหาร)
ตอนนี้ก็ยังมีญาติของท่านด้วย แล้วญาติของท่านบอกว่าหลวงปู่ฯเกิดในค.ศ.1920-1930(ไม่ชัด) ท่านเคยเรัยนที่วัด ( វត្តព្រះឥន្ទធិបតី សិរីពោធិ ហៅវត្តគូលែនព្រហ្មទេព = วัดพระอินท์ธอปตีศรีโพธิ์ เรัยกว่า วัดกูแลนพรหมเทพ) แต่ว่าท่านไม่เคยบวชที่วัดนั้นเลยครับ
(กูแลน)หมายความว่าลิ้นจี่
ด้วยควาเคารพทุกท่านเพื่อนคนไทยครับ (สุวรรณา แซ่เตียว)
ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลมากครับ