กลับมาพบกันอีกครั้งกับภารกิจเที่ยววัด วันนี้ผมจะพาเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดสุพรรณบุรีกันบ้าง และวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุพรรณบุรีก็คงหนีไม่พ้น “วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” อย่างแน่นอน
“วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร” ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ถ้าผ่านมาที่สุพรรณบุรี จะต้องผ่านวัดป่าเลไลยก์แน่นอน … ที่วัดแห่งนี้จะประดิษฐานหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์องค์ขนาดใหญ่ เป็นที่เคารพศรัทธาของคนในจังหวัดและทั่วประเทศ เป็นแหล่งท่องเที่ยวและทำบุญที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี
เมื่อผมมีโอกาสผ่านมาที่นี่ จึงต้องแวะท่องเที่ยวและกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมการเดินทางครั้งนี้

บริเวณพื้นที่จอดรถ
เมื่อเดินทางมาถึงก็หาพื้นที่จอดรถกันก่อน ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ … ในวันที่ผมเดินทางไปถึง จะเห็นพระอุโบสถหลังใหม่กำลังทำการก่อสร้างอยู่นะครับ มีขนาดใหญ่กว่าพระอุโบสถหลังเดิมมากเลยทีเดียว

ด้านหน้าพระวิหารหลวงพ่อโต
พระวิหารหลวงพ่อโต จะเดินมาทางฝั่งขวานะครับ

องค์ต้นแบบหลวงพ่ออู่ทอง
ด้านหน้าพระวิหารจะประดิษฐาน องค์พระต้นแบบหลวงพ่ออู่ทอง ที่จะทำการสลักบนหน้าผาเขาทำเทียม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

ด้านหน้าวิหารหลวงพ่อโต
พื้นที่ด้านหน้าวิหารหลวงพ่อโต จะเป็นสถานที่ให้จุดธูปเทียนบูชา และทำการปิดทองพระองค์จำลองหลวงพ่อโต

บรรยากาศความศรัทธา
เราจะเห็นผู้คนเดินทางมาทำการกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อโตอย่างต่อเนื่องเลยครับ เป็นการยืนยันได้ว่า สถานที่แห่งนี้ได้รับความศรัทธา และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทำบุญมากมายจริงๆ

วิหารหลวงพ่อโต
หลังจากที่ทำการจุดธูปเทียนบูชาด้านนอกพระวิหารกันแล้ว ผู้มีจิตศรัทธาก็จะเดินเข้าไปยังพระวิหาร เพื่อกราบไหว้องค์หลวงพ่อโต องค์จริงด้านใน

หลวงพ่อโต

หลวงพ่อโต

จุดถวายปัจจัย

วัตถุมงคลและของที่ระลึกของวัด

บ้านขุนช้าง
เนื่องจากว่าวัดป่าเลไลยก์ มีปรากฏชื่อในวรรณคดี “ขุนช้างขุนแผน” โดยขุนแผนเมื่อยังวัยเยาว์ได้บวชเรียนอยู่ที่วัดแห่งนี้ ชื่อว่าเณรแก้ว สำหรับในเสภาบางตอนที่เกี่ยวกับวัดนี้ตอนหนึ่งดังนี้
“ทีนี้จะกล่าวเรื่องเมืองสุพรรณ ยามสงกรานต์คนนั้นก็พร้อมหน้า
จะทำบุญให้ทานการศรัทธา ต่างมาที่วัดป่าเลไลยก์หญิงชายน้อยใหญ่ไปแออัด ขนทรายเข้าวัดอยู่ขวักไขว่
ก่อพระเจดีย์ทรายเรี่ยรายไป จะเลี้ยงพระกะไว้ในพรุ่งนี้นิมนต์สงฆ์สวดมนต์เวลาบ่าย ต่างฉลองพระทรายอยู่อึงมี่
แล้วกลับบ้านเตรียมการเลี้ยงเจ้าชี ปิ้งจี่สารพัดจัดแจงไว้ทำน้ำยาแกงขมต้มแกง ผ่าฟักจักแฟงพะแนงไก่
บ้างทำห่อหมกปกปิดไว้ ต้มไข่ผัดปลาแห้งทั้งแกงบวนบ้างก็ทำวุ้นชาสาคู ข้าวเหนียวหน้าหมูไว้ถี่ถ้วน
หน้าเตียงเรียงเล็ดข้าวเม่ากวน ของสวนส้มสูกทั้งลูกไม้”
ด้วยเหตุนี้ภายในวัดจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับวรรณคดีนี้ นั่นก็คือบ้านขุนช้าง

อนุสาวรีย์ครูสุรพล สมบัติเจริญ
ด้านหน้าทางเข้าบ้านขุนช้าง จะมีอนุสาวรีย์ครูสุรพล สมบัติเจริญอยู่ด้วย

บ้านขุนช้าง

หลวงพ่อทันใจที่บ้านขุนช้าง

หลวงพ่อทันใจ
บ้านขุนช้างจะเป็นบ้านไม้เรือนไทยสวยงามครับ ประดิษฐานหลวงพ่อทันใจ และจัดพิพิธภัณฑ์ไว้ด้านบนด้วย

พิพิธภัณฑ์ บ้านขุนช้าง

พิพิธภัณฑ์บ้านขุนช้าง

มณฑปหลวงพ่อถิร
ตรงข้ามกับบ้านขุนช้าง จะเป็นมณฑปหลวงพ่อถิร ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร รูปที่ 4 ซึ่งท่านได้มรณภาพไปเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2527 ซึ่งสังขารของท่านยังเก็บรักษาไว้ในโลงที่มณฑปแห่งนี้

โลงบรรจุสังขารหลวงพ่อถิร

วังมัจฉา
ถัดจากมณฑปหลวงพ่อถิร จะเป็นวังมัจฉา สามารถให้อาหารปลากันได้

วังมัจฉา
สภาพน้ำ ผมมองดูแล้วไม่ค่อยใสเลยครับ ก็เลยไม่ได้ให้อาหารปลา … ณ จุดตรงนี้ ก็เป็นจุดสุดท้ายที่ผมเดินทางมาท่องเที่ยวที่วัดป่าเลไลยก์
เรื่องราวประวัติวัดป่าเลไลยก์
ชื่อวัดปรากฏในพงศาวดารเหนือ ว่า พระเจ้ากาแต เชื้อสายมอญได้เสวยราชย์ในเมืองอู่ทอง แล้วย้ายราชธานีกลับมาอยู่ที่เมืองพันธุมบุรี ได้มอบหมายให้มอญน้อย (พระญาติ) สร้างวัดสนามไชยและบูรณะวัดลานมะขวิด (วัดป่าเลไลยก์) เมื่อ พ.ศ. 1724
สำหรับการสร้างขึ้นเมื่อไหร่นั้น ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่จากการสันนิษฐานตามโบราณวัตถุของวัด ประมาณอายุตั้งแต่สมัยทวารวดี จนถึงช่วงก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา จึงน่าจะมีอายุระหว่าง 650 – 1,300 ปี
แต่เดิมองค์พระเป็นพระพุทธรูปนั่งกลางแจ้ง พระหัตถ์ขวา ได้หักไป จึงได้มีการบูรณะองค์พระและสร้างวิหารขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com