มาถึงจุดที่ 3 ของเส้นทางเดินทัพพระยาตากในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่วัดโกโรโกโส ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานบ้านข้าวเม่า – ธนู เป็นสถานที่สำคัญจุดที่ 3 ที่ทาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประชาสัมพันธ์
ความสำคัญของจุดนี้คือเป็นจุดที่พระยาวชิรปราการ (พระเจ้าตาก) ได้เดินทัพต่อมาจากทุ่งหันตรา ผ่านมาบริเวณวัดโกโรโกโส ที่เรียกว่าบ้านข้าวเม่า ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ บ้านธนู … ทั้งนี้มีคำบอกเล่าต่อๆกันมาว่า ณ บริเวณนี้ พระยาตากได้รับเสบียงจากชาวบ้านเป็นข้าวเม่า และได้รับคันธนูและลูกธนูจากชาวบ้านเป็นอาวุธ ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานบันทึกเรื่องราวนี้
หลังจากที่ได้รับชัยชนะที่ทุ่งหันตราแล้ว พระยาตากได้เร่งทัพไปต่อมาถึงจุดแรกคือ วัดโกโรโกโส หรือ วัดคลังทอง เพื่อทำการอธิษฐานขอพรพระพุทธรูปในพระอุโบสถ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลวงพ่อแก้ว หรือหลวงพ่อดำ ซึ่งปัจจุบันได้ประดิษฐานในพระวิหารที่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ริมคลองข้าวเม่า
สะพานข้ามคลองข้าวเม่า
ทางเข้าวัดโกโรโกโส
ผมเดินทางมาตามเส้นทางตามป้ายบอกทาง จนกระทั่งมาถึงวัดโกโรโกโส แล้วข้ามสะพานคลองข้าวเม่า ไปจอดรถที่วัดสะแก(หลวงปู่ดู่) ซึ่งมีพื้นที่ ที่กว้างขวาง หาที่จอดรถง่ายกว่า ถ้าท่านเดินทางมาที่นี่ควรแวะเที่ยวทำบุญทั้งสองวัดนี้เลยนะครับเพราะตั้งติดกันเลย
ณ ศาลาริมคลองข้าวเม่า วัดโกโรโกโส
ผมเดินทางเข้ามาในวัดโกโรโกโส ซึ่งมีพื้นที่เล็กมากครับ อยู่ในการดูแลของวัดสะแก .. ช่วงเวลาที่ผมเดินทางไปถึงกำลังมีการทำบุญผ้าป่าอยู่ด้วย
พื้นที่ในวัด
วิหารหลวงพ่อแก้ว หรือ หลวงพ่อดำ
เนื่องจากพระวิหารหลวงพ่อแก้ว หรือหลวงพ่อดำ กำลังทำการบูรณะใหม่ผมจึงขึ้นไปกราบขอพรหลวงพ่อแก้วไม่ได้
วิหารหลวงพ่อแก้วหรือหลวงพ่อดำ กำลังทำการบูรณะ
สภาพพระวิหารมีการทรุดลงไปราวๆ 50 เซนติเมตร เพราะอยู่ติดริมคลอง อีกทั้งวิหารไม่มีเสาเข็มจึงเสี่ยงที่จะเกิดการพังทลายลงมา … ทางวัดจึงได้รับปัจจัยจากความศรัทธามาทำการเร่งบูรณะในครั้งนี้
วิวริมคลองข้าวเม่า
ประวัติวัดโกโรโกโส อยุธยา
วัดโกโรโกโส เป็นวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่คนละฝั่งคลองกับวัดสะแก ได้ถูกพม่าเผาทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง พระสงฆ์และชาวบ้านเพิ่งได้ทำการบูรณะเมื่อร้อยกว่าปีมานี้ และได้นำเศียรหลวงพ่อแก้ว หรือหลวงพ่อดำที่หักกองอยู่บนพื้นมาต่อกับองค์พระ แล้วทำการสร้างวิหารอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
วัดโกโรโกโส หรือ วัดคลังทอง เป็นชื่อของวัดเดียวกัน ตั้งอยู่หมู่ 5 บ้านคลองข้าวเม่า ต.ข้าวเม่า อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มี “หลวงพ่อแก้ว” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อดำ” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหาร
แม้ว่าชื่อของ “วัดคลังทอง” จะขึ้นชื่อว่าเป็น สุดยอดแห่งความเป็นมหามงคล แต่คนยังเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดโกโรโกโส” ซึ่งฟังดูแล้วจะไม่เป็นมงคล ทั้งนี้ พจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายว่า “โกรงเกรง, ไม่มั่นคง, เช่น กระท่อมโกโรโกโส; ต่ำต้อย เช่น คนโกโรโกโส แต่ชาวบ้านยังเรียกชื่อเดิม
ตามประวัติการสร้างวัดเล่าสืบกันมาว่า มีชาวจีนสองคน คือ “อาโกโร” และ “อาโกโส” (คนจีนแต้จิ๋วจะเรียกพี่สาวหรือน้องสาวของพ่อ เรียกว่า อาโก) ซึ่งเป็นเพื่อนกันได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นโดยมิได้ตั้งชื่อเสียงเรียงนาม ชาวบ้านที่รู้ว่าท่านทั้งสองสร้างวัดจึงพากันเรียกว่า “วัดอาโกโรอาโกโส” ต่อมาทางการขนานนามให้ว่า “วัดคลังทอง” แต่ชาวบ้านก็ยังนิยมเรียกกันต่อมาว่า วัดอาโกโรอาโกโส นานวันเข้าก็เพี้ยนมาเป็น “วัดโกโรโกโส” ในปัจจุบันนี้
บทสรุป ณ วัดโกโรโกโส
วัดโกโรโกโส เป็นวัดเล็กๆ ที่อยู่ในความดูแลของวัดสะแก มีวิหารหลวงพ่อแก้ว หรือที่ชาวบ้านเรียกหลวงพ่อดำประดิษฐานอยู่ที่นี่ เป็นพระพุทธรูปที่เชื่อว่าพระยาตากได้มาขอพรให้ได้รับชัยชนะ จึงถือได้ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากองค์หนึ่ง … จึงขอเชิญชวนมากราบไหว้ขอพร และทำบุญกันนะครับ
แล้วพบกันในตอนต่อไป ซีรี่ส์เส้นทางเดินทัพพระยาตากตอนที่ 4 วัดขุนทราย ทุ่งชายเคือง คลองชนะ
ภาพหลวงพ่อแก้ว หรือ หลวงพ่อดำ (กลับไปครั้งที่ 2)
หลวงพ่อแก้วหรือหลวงพ่อดำ
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com