ตำนานความเชื่อประวัติและความศรัทธาพระพิฆเนศ
ตำนานความเชื่อประวัติและความศรัทธาพระพิฆเนศ มีหลายตำนานเล่าขานต่อๆกันมาตามความเชื่อของศาสนาฮินดู มีตำนานดังนี้ ตำนานที่ 1 พระพิฆเนศปราบอสูรและรากษส ตามตำนานเล่าว่า อสูรและรากษสได้ทำการบวงสรวงพระศิวะ เพื่อขอพรวิเศษ และได้ลำพองในตนเองจนเกิดความวุ่นวายในเมือง เพราะตนเองได้หลงในอำนาจ และไม่มีใครสามารถปราบได้ ทำให้เรื่องร้่อนถึงองค์พระอินทร์ องค์อินทร์จึงได้เข้าเฝ้าพระศิวะ เพื่อช่วยหาทางกำราบเหล่าอสูรและรากษสผู้หลงอำนาจ เมื่อพระศิวะทราบเรื่องจึงแบ่งกายเป็นหนุ่มรูปงาม กำเนินในครรภ์ของแม่นางอุมาเทวี เมื่อถึงเวลากำเนิด ได้ชื่อว่า “วิฆเนศวร” และได้ทำการขัดขวาง ต่อสู้กับเหล่าอสูรและรากษส จนได้รับชัยชนะ หลังการสงบศึกดังกล่าว จึงได้รับหน้าที่จากพระศิวะ ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ป้องกันผู้ใจพาลไม่ให้สามารถไปขอพรต่อองค์พระศิวะได้ รวมทั้งให้เป็นผู้คอยดลบันดาลให้ผู้มีจิตใจดีได้สำเร็จความปรารถนาทุกประการ ตำนานที่ 2 พระนางอุมาเทวี ปั้นเหงื่อไคลเป็นพระบุตร เมื่อคราวที่พระนางอุมาเทวีสรงน้ำอยู่ในอุทยาน พระองค์ทรงนำเหงื่อไคลของพระองค์มาปั้นเป็นหุ่นเทวบุตรรูปงาม และทรงใช้เวทย์มนต์เพื่อให้หุ่นนั้นมีชีวิตขึ้นมา จากนั้นจึงทรงรับสั่งให้เทวบุตรออกไปเฝ้ายังด้านหน้าประตูทางเข้าอุทยาน โดยได้รับสั่งว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาโดยเด็ดขาด เหตุการณ์เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดทุกครั้งที่พระแม่อุมาทรงสรงน้ำ ณ อุทยานแห่งนี้ จนกระทั่งเมื่อถึงวันกำหนดเสด็จกลับของพระศิวะ และเมื่อทั้งสองพระองค์พบกันในคราแรกต่างก็จะเข้าไปในอุทยาน อีกฝ่ายก็ปกป้องมิให้ผู้ใดย่างกายเข้าในอุทยานได้ด้วยเทวบุตรทรงได้รับคำ สั่งของพระอุมา ห้ามมิให้ผู้ใดล่วงละเมิดเข้าไปยังสถานที่สรงน้ำแห่งนี้ เมื่อเป็นดั่งนั้นพระศิวะจึงทรงสั่งให้บริวารเข้าต่อสู้และได้สังหารเทวบุตร (แต่ในบางคัมภีร์ก็ว่าพระศิวะทรงใช้ตรีศูลตัดเศียรเทวบุตรนั้น บ้างก็ว่าพระวิษณุทรงใช้จักรตัดเศียร) เมื่อพระปารวตีทรงพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์ทรงโกรธและโมโหพระสวามียิ่ง จนถึงกับทำศึกใหญ่ระหว่างทั้งสองพระองค์ ร้อนถึงพระฤาษีนารอด (นารท) ต้องออกรับหน้าเจรจาศึกในครานี้ โดยพระปราวตีได้กล่าวให้พระศิวะผู้สวามีต้องหาหนทางให้เทวบุตรฟื้นชีวิตจึง จะยอมสงบศึกให้ พระศิวะจึงทรงมีคำสั่งให้เทวดาผู้เป็นบริวารเดินทางไปทิศเหนือ และให้ตัดศรีษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่พบเพื่อนำมาต่อให้กับเทวบุตรผู้เป็นโอรส ไม่นานนักเทวดาก็เดินทางกลับมาพร้อมกับนำเศียรช้าง (มีงาเดียว) เพื่อมาต่อให้พระโอรส ซึ่งต่อมาจึงทรงตั้งพระนามใหม่ คือ คชานนะ (มีหน้าเป็นช้าง) และเอกทันต (ผู้มีงาเดียว) เมื่อได้ชุบชีวิตฟื้นแล้วพระปราวตีจึงทรงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ทั้งสองพระองค์ได้ฟังว่าทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระบิดาและพระโอรส ซึ่งฝ่ายโอรสได้ฟังดังนั้นถึงกลับหมอบกราบขออภัยโทษเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน พระศิวะทรงพอพระทัยยิ่งนัก ถึงกับประทานพรให้พระโอรสให้เป็นผู้มีอำนาจเหนือเหล่าภูตผีทั้งปวง… Read More »