ความเชื่อตำนานอาถรรพ์ เสือสมิงสู่จอภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของคนไทย
เนื่องจากผมได้ดูรายการทไวไลท์โชว์ เรื่องของภาพยนตร์ “สมิง พรานล่าพราน” ซึ่งเป็นตำนานลี้ลับมาตั้งแต่โบราณของผืนป่า และจากตัวอย่างภาพยนตร์ดูแล้วมสร้างได้ดีมาก เอฟเฟ็ค CGI ครบถ้วน ยิ่งทำให้ผมเองรู้สึกสนใจเรื่องราวของเสือสมิงขึ้นมาทันที ผมจึงได้ลองค้นหาข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับเสือสมิงว่ามีความเป็นมาอย่างไร จากทางอินเตอร์เน็ต และก็ได้สรุปเนื้อหามาเขียนเป็นบทความนี้
เรื่องเสือสมิงเป็นตำนานอาถรรพ์ที่ถูกเล่าขานก็มานมนาม ตำนานพอคร่าวๆจะกล่าวถึงเสือดุร้ายที่คอยจับคนกินเป็นอาหาร จนกระทั่งมีวิญญาณสิงสถิตในตัวเสือ ทำให้เสือตัวนั้นมีอำนาจฤทธิ์เดชมากยิ่งขึ้น ตามตำนานที่เล่าขานกันมานั้น กล่าวไว้ว่าเสือสมิงมีจุดกำเนิดอยู่ 2 แบบ ดังนี้
1. ผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า โดยมีการฝึกวิชาอาคมกับครูบาอาจารย์ ด้วยเชื่อว่าจะมีฤทธิ์เดช อยู่ยงคงกระพัน ไม่เกรงกลัวต่อวิชาคุณไสยใดๆ แต่ด้วยตามคำบอกเล่าจะกล่าวว่า ผู้ที่เรียนวิชานี้มักจะกลายไปเป็นเสือสมิงแทบทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะเพราะการผิดสัจจะกับครูบาอาจารย์หรือเหตุผลอื่นใดก็แล้วแต่
2. เกิดจากวิญญาณผีตายโหง ที่ต้องการไปผุดไปเกิด จึงได้สิงสถิตในตัวเสือแล้วทำการล่ามนุษย์เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน เมื่อได้ฆ่าคนจนครบจำนวนก็จะไปผุดไปเกิด ส่วนวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่า ก็จะเข้าสิงสถิตเป็นเสือสมิงต่อไป จนกว่าจะมีตัวตายตัวแทนหรือถูกผู้เก่งกล้าวิชาอาคม มาทำการปราบเท่านั้น
วิธีปราบเสือสมิงมี 2 วิธี คือ
1. ใช้กระสุนเงินบริสุทธิ์ (เหมือนตำนานมนุษย์หมาป่า ของฝรั่งเลยครับ)
2. ใช้วิชาอาคมปราบ โดยผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า จะทำการปลุกเสกของอาถรรพ์ เช่น วัวธนู หรือหุ่นพยนต์ เข้าทำการต่อสู้ ถ้าผู้ที่เสกของอาถรรพ์มีวิชาแก่กล้าไม่พอ ก็จะพ่ายแพ้หรือเสียชีวิตเอง
เรื่องเล่าเกี่ยวกับเสือสมิง โดยหลวงพ่อลุน วัดโพนแพง จังหวัดขอนแก่น
ในพรรษาที่ 23 ของการอุปสมบทหลวงพ่อลุนได้ทพการเดินธุดงค์ไปที่ป่าภูเขาควายเพื่อเสาะแสวงหาพระอาจารย์ผู้เก่งกล้าทางอภิญญาและคาถาอาคม ท่านมีโอกาสได้กราบฝากตัวเป็น ศิษย์หลวงปู่หวล ฐิตสีโล เป็นพระป่ากรรมฐาน อาจารย์ฝ่ายกสิณธาตุ (ศิษย์สายสำเร็จลุน) เชี่ยวชาญกรรมฐานประเภทกสิณธาตุและคาถาอาคมต่างๆ หลวงปู่หวลท่านสำเร็จอภิญญา อิทธิฤทธิ์ชั้นสูงถือธุดงค์วัตรตลอดชีวิตด้วยความที่ท่านเป็นพระผู้สำเร็จอภิญญา ท่านจึงมีปฏิปทาที่น่าอัศจรรย์ใจคือ
– เวลานอนท่านมักนอนบนยอดไม้สูงเป็นประจำ (โดยที่ร่างกายและเครื่องอัฐบริขารไม่ตกลงมาสู่พื้นดิน)
– ในทุกๆวันพระขึ้น 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ พอตะวันตกดินจะต้องไปเดินจงกรมบนผิวน้ำ
– ไม่เคยบิณฑบาตแต่มีโยมมาถวายอาหารให้ทุกวัน เวลานั่งสมาธิมักนั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 วันต่อหนึ่งครั้ง
– ท่านไม่เคยอาบน้ำและร่างกายท่านไม่มีกลิ่นเหม็น
ดังนั้นเมื่อหลวงพ่อลุนได้พบท่านครั้งแรก จึงเกิดศรัทธามากและตรงเข้าฝากตัวกราบขอเป็นศิษย์ทันทีหลวงปู่หวลได้ให้ความเมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมทั้งหมดให้กับหลวงพ่อลุน จนกระทั่งสำเร็จเพียงพอท่านจึงแยกทางไปจากหลวงพ่อลุน ปล่อยให้หลวงพ่อลุนธุดงค์เพียงองค์เดียวอยู่ในป่าแถบภูเขาควายเรื่อยไปเพื่อฝึกกำลังจิตสมาธิให้เข้มแข็งสืบไป
หลวงพ่อลุนพบเสือสมิง
วันหนึ่งหลวงพ่อลุน ได้เดินธุดงค์เข้าป่าเพื่อปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ในช่วง 3 คืนแรกนั้นไม่ปรากฏสิ่งร้ายหรือวิญญาณร้ายใดๆ พบแต่เพียงวิญญาณเร่ร่อน เปรต ที่คอยมาขอส่วนบุญจากหลวงพ่อ และหลวงพ่อก็ได้อุทิศบุญส่วนกุศลไปให้ วิญญาณเหล่านั้นเมื่อได้รับผลบุญก็ได้บอกกับหลวง่ะอลุนไว้ว่า ให้ระวังเสือสมิงด้วย เพราะมีความดุร้ายและอาคมเก่งกล้าอย่างมาก
ในคืนที่ 4 เวลาประมาณตี 2 ขณะที่ท่านกำลังนอนหลับอยู่ในกลด ท่านก็ได้ยินเสียงชายผู้หนึ่งร้องปลุกท่านว่า หลวงพ่อตื่นเร็วเสือมาแล้ว หลวงพ่อลุนได้กลิ่นสาบเสือเต็มกลด จึงได้ทำการรีบเข้าสมาธิแผ่เมตตาให้กับเสือเหล่านั้น แต่เสียงชายผู้หวังดีได้กล่าวเสียงดังว่า หลวงพ่อครับไม่ทันแล้ว ขอให้หลวงพ่อบริกรรมคาถาป้องกันตัวเถอะครับ สิ้นเสียงชายคนนั้น เสียงฝีเท้าและเสียงคำรณของเสือได้เกิดขึ้นบริเวณรอบๆ กลดของหลวงพ่อลุน และการจู่โจมของเสือร้ายก็เริ่มขึ้น
หลวงพ่อลุนใช้วิชากสิณไฟและหุ่นพยนต์ปราบเสือสมิง
เสือสมิงได้คำราม และกระโจนเข้ามาที่กลดของหลวงพ่อ แต่ด้วยการบริกรรมจริญเตโชกสิณหรือทำสมาธิให้เกิดเปลวไฟขึ้นเต็มที่ เป็นตำรับวิชาของสำเร็จลุน เมื่อเสือกระโจนเข้ามา ก็เกิดไฟลุกโชนจากกองไฟที่หลวงพ่อได้ก่อขึ้นไว้พร้อมการเจริญเตโชกสิณ ทำให้เสือต้องหยุดชะงัก ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็ยังคงเดินวนเวียนรอบกลดของหลวงพ่ออยู่เช่นเดิม และดูเหมือนว่าเสือสมิงทั้ง 2 ตัวจะไม่เกรงกลัวต่อวิชากสิณไฟเลย
หลวงพ่อทราบดีว่าเมื่อไฟมอดลง จะเป็นเหตุร้ายที่เสือ 2 ตัวนั้นจะต้องเข้าจู่โขมอีกครั้งแน่แท้ จึงได้ทำการเสกของวิเศษ นั่นก็คือผ้ารัดอกของท่านเองนำมาลงอักขระอย่างรวดเร็วและชำนาญ จากนั้นจึงนำด้ายมาผูกให้เป็น5 เปราะ สำเร็จเป็นรูปคน จึงเสกเข็มเย็บจีวร ด้วยคาถาที่ร่ำเรียนมาและพุทธคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมดีแล้ว หลวงพ่อลุนท่านจึงใช้เวลาทั้งหมดที่มีอยู่ รวบรวมกำลังสมาธิทั้งหมดเท่าที่มีในตอนนี้บริกรรมคาถาตำรับวิชาผูกหุ่นพยนต์ขึ้นตัวหนึ่งจนกระทั้งบังเกิดนิมิตในกรรมฐานสำเร็จเป็นนักรบหนุ่มฉกรรจ์ถือดาบแหลมยาว 1 คน และได้โยนหุ่นพยนต์ ออกไปนอกกลด เกิดการต่อสู้กันระหว่าหุ่นพยนต์และเสือสมิง และได้ยินเสียงของเสือร้องทรมานด้วยความเจ็บปวด แสดงว่าเสือตัวหนึ่งได้ถูกทำร้าย แต่เนื่องด้วยเสือที่เข้าโจมตี มีอยู่ 2 ตัวทำให้อีก 1 ตัวเข้าเล่นงานหุ่นพยนต์ของหลวงพ่อลุน
เมื่อหลวงพ่อลุนรับรู้เช่นนั้น จึงได้ทำการนำสิ่งของอีกอย่างมาทำการเสกเป็นหุ่นพยนต์ตัวใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยการอาราธนาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ฝ่ายเสือสมิงทั้ง 2 ตัว รับรู้ว่าหลวงพ่อกำลังทำการเสกหุ่นพยนต์อีกครั้ง จึงได้หลบหนีเข้าไปในป่าทันที
หลวงพ่อลุนเสกหุ่นพยนต์ท้าวเวสสุวรรณปราบเสือสมิง
หลังจากวันนั้น หลวงพ่อลุนก็ไม่ได้หนีไปตั้งกลดที่อื่น แต่ได้ตั้งอธิษฐานว่าจะขอสู้ตายอยู่ที่นี่ เมื่อค่ำมืดลงหลวงพ่อลุนท่านได้ทำวัตรเย็นเจริญพระพุทธมนต์เต็มภูมิความรู้ทั้งหมดเท่าที่ท่านท่องจำได้จากนั้นจึงนำฟืนไม้แห้งออกมาสุมไฟไว้เป็นจำนวนมากเสร็จแล้ว
หลวงพ่อลุนจึงนำผ้าสังฆาฏิของท่านออกมาผูกด้าย 5 เปราะสำเร็จเป็นตัวคนแล้วบริกรรมพระคาถาผูกหุ่นพยนต์ครั้งนี้ท่านตัดสินใจผูกหุ่นพยนต์เป็นรูปยักษ์ท้าวเวสสุวรรณและทำการปลุกเสกทั้งคืนจนถึงเวลาประมาณตี 2 ได้เกิดตกลงมาอย่างหนักทำให้กองไฟที่ท่านสุมไว้ดับลงสนิท แต่หลวงพ่อลุนก็ยังคงบริกรรมสมาธิต่อไปไม่หยุด
จนกระทั้งเมื่อฝนหยุดตกได้ปรากฏพรานป่าผู้หนึ่งเนื้อตัวมีสภาพเต็มไปด้วยเลือดวิ่งหกล้มลุกล้มแล้วจึงค่อยๆคลานเข้ามาปากร้องเสียงดังว่าหลวงพ่อครับช่วยผมด้วย หลวงพ่อช่วยผมที เสือครับเสือๆ ทำให้หลวงพ่อลุนลืมตาขึ้นภาพที่ท่านเห็นก่อให้เกิดความสลดใจอย่างมาก ท่านรีบลุกเดินออกมาจากกลดหมายตรงเข้าทำการช่วยเหลือพรานป่าผู้เคราะห์ร้ายทันที แต่ก่อนที่หลวงพ่อลุนจะออกพ้นบริเวณนอกเขตกลดนั้น ได้เกิดลมบ้าหมูอย่างแรงพัดเอาผ้าสังฆาฏิที่ท่านปลุกเสกไว้ปลิวเข้าไปทับร่างของพรานป่าผู้นั้น และในทันทีร่างของพรานผู้นั้นได้กลายเป็นเสียงร้องเจ็บปวดปางตายของเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ ซึ่งกำลังสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อให้ผ้าสังฆาฏิของหลวงพ่อลุนหลุดออกไปจากหัวของมัน แต่ก็เปล่าประโยชน์ยิ่งมันแรงเท่าไหร่ผ้าสังฆาฏิผืนนั้นก็ไม่ยอมหลุด
เมื่อหลวงพ่อลุนเห็นดังนั้น จึงได้นั่งทำสมาธิ บริกรรมคาถาปลุกหุ่นพยนต์ท้าวเวสสุวรรณดังนี้
อะตักโข เวสสุวัณโณมหาราชา ทัตถะทัตถา สะโมคะตา ปิสัจเจ สัพเพยักขา ปะลายันติ
อิสาทะโร เวสสุวัณโณ ภะคะวันตัง เอตะโวจะ เวสสุวัณโณ โลกะวิทู กันนะ กันนา กันนิ กันนี กันนุ กันนู กันเน กันโน กันนัง กันนะ
นะกันนัง กันโน กันเน กันนู กันนุ กันนี กันนิ กันนา กันนะ กันปิสัจเจ สัพเพยักขา ปะลายันติ นะมะพะทะ
และในสมาธิได้ปรากฏรูปยักษ์หนึ่งตน กำลังต่อสู้กับเสือสมิง 3 ตัวอย่างพัลวัน แต่ด้วยอำนาจของยักษ์ที่มีร่างการแข็งแรงทำให้เสือสมิงทั้ง 3 ตัวไม่สามารถที่จะทำร้ายยักษ์ได้เลย แต่ได้ถูกยักษ์เล่นงานอย่างหนักทั้งถูกกระบอกตีกระเด็ดกระดอนไปคนละทิศละทาง และสุดท้ายเสือทั้ง 3 ตัวก็สิ้นใจตายด้วยอำนาจแห่งยักษ์ หลังจากนั้นหลวงพ่อลุนก็ออกจากสมาธิลืมตาขึ้นก็ไม่ปรากฏร่างยักษ์และเสือทั้ง 3 ตัว หลวงพ่อจึงกล่าวว่านี่คงเป็นวิญญาณร้ายที่ได้ถูกยักษ์จับตัวไปแล้ว
ประสบการณ์ตามคำบอกเล่าเสือสมิงของไทย
เรื่องเล่าเสือสมิงเรื่องที่ 1
ชาวบ้านทางภาคเหนือได้รับความเดือดร้อนเพราะมีเสือเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้าน เป็นที่หวาดกลัวแก่ชาวบ้าน จึงได้ไปขอความคุ้มครองจากทหารหน่วย ตชด. เพื่อเข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ทหารจึงส่งกำลังเข้าไปคุ้มครองและได้ล่าเสือตัวนั้น
ในคืนวันหนึ่ง ตชด. ได้จัดกำลังออกตรวจส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือนอนพักบนศาลาที่จัดไว้ กลางดึกคืนนั้นศาลาที่หน่วย ตชด. พัก ได้สั่นไหวโยกเอนผิดปกติ เมื่อทหารลุกขึ้นมาดูก็ได้เห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่พิงสีตัวอยู่ที่เสาศาลา ทหารจึงยิงปืนใส่เสือโคร่งใหญ่นั้น ทำให้เสือตัวนั้นบาดเจ็บและหนีหายไปในความมืด พอรุ่งเช้าทหารจึงติดตามแกะรอยเลือดเสือตัวนั้นไป ปรากฏว่ารอยเลือดนั้นไปสิ้นสุดที่หลุมเนินดินแห่งหนึ่ง เมื่อทหารขุดหลุมเปิดเนินดินนั้นก็พบศพผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน แต่แปลกประหลาดที่ร่างกายท่อนล่างของเขาเป็นเสือลายพาดกลอน จากการสอบถามชาวบ้านบอกว่าสาเหตุที่ตายเพราะผิดผี จึงกลายมาเป็นเสือสมิง
เรื่องเล่าเสือสมิงเรื่องที่ 2
พรานป่าคนหนึ่งซึ่งอดีตเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าตั้งใจว่าจะไปนั่งห้างส่องสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ก่อนจะเข้าป่าได้สั่งเมียไว้ว่าจะเข้าป่า 3 วัน ไม่ต้องเข้าไปตาม จากนั้นก็เก็บสัมภาระที่จำเป็นเข้าไปค้างแรมในป่า ในค่ำคืนแรกผ่านไปด้วยดี ได้เห็นสัตว์มากมายออกมาหากินตามโป่งดิน แต่ในคืนที่สองบรรยากาศแปลกไป ฟ้ามืดสนิทและเงียบผิดปกติ พอตกดึกจึงยินเสียงฝีเท้าคนเดินอยู่ด้านล่าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเมียตัวเองเรียก เมื่อมองลงไปจึงเห็นเมียถือตะเกียงเจ้าพายุมาร้องเรียกบอกว่าลูกไม่สบาย ตัวร้อนจัด จึงเข้ามาตามเขากลับบ้านไปดูลูก
พรานป่าเมื่อเห็นดังนั้นจึงทำท่าจะลงจากห้างลงไปหา แต่เกิดเอะใจว่าทำไมเมียถึงรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้ และทำไมถึงกล้าหาญมาในป่าลึกกลางคืนโดยไม่กลัวสิงสาราสัตว์ นอกจากนั้นเวลาพูดก็จะไม่ยอมสบตาตรงๆ อีกทั้งหากเดินมาจากบ้านน้ำมันตะเกียงน่าจะหมด แต่ทำไมถึงสว่างอยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ หันปากกระบอกปืนส่งให้เมีย และพูดว่า “รับปืนที พี่จะลงไปแล้ว” พอเมียยื่นมือจะรับปืนเขาก็ลั่นไกยิงทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียงเสือคำรามและวิ่งหายไปในแนวป่าลึก
รุ่งเช้าพรานป่าจึงตัดสินใจกลับบ้าน และได้เดินเข้าไปสำรวจแนวป่าลึกที่ได้ยินเสียงเสือวิ่งหนีไปเมื่อคืนนี้ จึงได้เห็นเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่นอนตายอยู่ และเมื่อกลับไปถึงบ้านก็เห็นเมียเลี้ยงลูกอยู่อย่างปกติ นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องเหลือเชื่อของเสือสมิง
จากตำนานเสือสมิง สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของไทย
จากตำนานอาถรรพ์และลี้ลับของเสือสมิง จึงได้เกิดการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “สมิง พรานล่าพราน” ของบริษัท ฟาสไทม์ โมชั่น พิคเจอร์ โดยมีแป้น นรินทร์ วิศิษฎ์ศักดิ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง ที่ลงมือเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง “สมิง พรานล่าพราน” ซึ่งผู้กำกับได้กล่าวว่าการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ คิดมาตั้งแต่เมื่อสมัย 20 ปี ที่แล้ว โดยคิดว่าอยากจะทำภาพยนตร์ที่มีตัวละครไทยที่เป็นอมตะ เหมือนแวมไพร์ และก็มาลงที่เสือสมิงเป็นตัวเอก ซึ่งเป็นตำนานของป่าในเอเชีย อีกทั้งผู้กำกับได้กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้แลกมาด้วยชีวิต ตั้งใจทำออกมาอย่างดีที่สุด
เรื่องย่อภาพยนตร์ “สมิง พรานล่าพราน”
กลางดึกในป่าแห่งหนึ่ง พรานบุญ (พรานผู้มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่บ้านพราน) ได้ช่วยชีวิตเแดง (เด็กในหมู่บ้าน) ให้รอดพ้นจากการใช้ภาพลวงล่าเหยื่อของลูกสมิง และได้ฆ่าลูกสมิงไปโดยหารู้ไม่ว่าการฆ่าครั้งนี้เป็นที่มาของความแค้น แม่สมิงได้เห็นพรานบุญฆ่าลูกตัวเอง มันจึงเข้าหมู่บ้านพรานเพื่อแก้แค้น เป้าหมายหลักของมันคือลำดวน (ลูกสาวพรานบุญ) แต่มันกับฆ่าได้เพียงแต่แม่ปราง (เมียพรานบุญ) ทำให้ความแค้นไม่สิ้นสุด และการล่าเพื่อล้างแค้นจึงเกิดขึ้น จากการตายของแม่ปราง ทำให้พรานบุญตัดสินใจออกล่าสมิงอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของลำดวน เขาได้ฝากลำดวน ไว้กับเพื่อนรักคือพรานหลง (ผู้ใหญ่บ้านของหมูบ้านพรานแห่งนี้) การล่าของพรานบุญครั้งนี้ต้องแลกด้วยความตายเท่านั้น
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้สมิงได้ออกอาละวาดอย่างหนัก มันใช้ภาพลวงหลอกฆ่าเหยื่อ ทำให้ไม่เคยมีใครเห็นตัวมันจริงจริงนอกจากเหยื่อที่มันฆ่าเท่านั้น ข่าวการล่าของมันแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีล่าของมันทำให้กระตุ้นและท้าทายพรานจากที่ต่างๆ ให้พากันมาที่หมู่บ้านนี้ ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ การล่าสมิง แต่วัถตุประสงค์ต่างกันออกไป บางคนล่าเพราะความแค้น บางคนล่าเพื่อปกป้อง บางคนล่าเพื่อสนุก บางคนล่าเพื่อชื่อเสียง คงมีแต่ชาติ (ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้) หนุ่มอนุรักษ์ ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่สืบสวนเรื่องนี้ ที่มีเป้าหมายที่แตกต่างออกไปเพราะเค้าต้องการหยุดการล่า เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ความแค้น การล่า ….ใครคือผู้ล่า ใครคือผู้ถูกล่า
ภาพยนตร์เริ่มเข้าฉายวันที่ 11 กันยายน 2557
ส่วนตัวผมเองแล้วตั้งใจจะไปดูให้ได้เลยครับสำหรับเรื่องนี้ เพราะเห็นถึงความตั้งใจ และลงทุนสร้าง จากคลิปตัวอย่างภาพยนตร์ ด้านล่าง