สวัสดีกันอีกครั้งในภารกิจเที่ยววัด ในรูปแบบของผม จากบทความก่อนหน้านี้ ผมเคยเขียนเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยววัดถ้ำสาริกา ซึ่งเป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ปู่มั่น ภูริทัตโต นั่นก็คือเคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมโดยการเดินธุดงค์มาถึง
และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสเดินทางตามรอยเส้นทางธรรมของพระอริยสงฆ์อีกครั้ง ซึ่งก็เป็นสถานที่ในส่วนภาคกลางนั่นก็คือที่วัดทุ่งสิงห์โต จังหวัดลพบุรี ซึ่งก็เคยเป็นสถานที่เดินธุดงค์และบำเพ็ญเพียรของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกับที่วัดถ้ำสาริกา จังหวัดนครนายก
ต้องขอกล่าวเพื่อทำความเข้าใจกันก่อนว่า ในช่วงที่หลวงปู่มั่นได้เดินทางธุดงค์มายังสถานที่นี้นั้น แต่เดิมไม่ได้มีสภาพเป็นพื้นที่วัด แต่ได้มีการสร้างวัดขึ้นมาภายหลัง โดยหลวงปู่มั่นได้เดินทางขึ้นไปปฏิบัติธรรมบนถ้ำไผ่ขวางหรือถ้ำสิงห์โต บนเขาพระงามซึ่งท่านก็ได้เดินทางมาตานิมิตของท่านเอง
การเดินทางครั้งนี้ ผมมีเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเดินทางที่มีความสุข เพราะได้เพื่อนร่วมทางที่มีทัศนะคติคล้ายๆกัน นั่นก็คือชอบเดินทางท่องเที่ยวไปยังวัดต่างๆ ซึ่งจะใช้เวลาในวันหยุดเดินทางท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ… โปรแกรมการเดินทางในวันนี้ผมได้วางแผนว่าจะเดินทางตามรอยพระอริยะและพระเกจิเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายอยู่ที่จังหวัดลพบุรี…ทั้งนี้จะได้กี่วัดก็ยังไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือ เราจะไม่พลาดที่วัดทุ่งสิงห์โตอย่างแน่นอน
ระหว่างการเดินทาง ได้ชมบรรยากาศธรรมชาติอันสวยงาม ร่มรื่นไม่ร้อน เพราะก็ใกล้ช่วงเย็นมากแล้ว… ถ้าขับรถมาก็จะมองเห็นพระสีวลีบนเขาพระงาม มาแต่ไกลดูสวยงามมากเลยครับ
เมื่อเดินทางมาถึงวัด ก็ยิ่งทำให้รู้สึกมีความสุขในบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ แต่ก็ยังมีผู้คนซึ่งเป็นคนที่ช่วยดูแลพื้นที่วัดและทำความสะอาดวัด อยู่หลายคน
ผมได้ขับรถเข้ามา แล้วหาที่จอดซึ่งมีให้เลือกอย่างกว้างขวาง เพราะมีเพียงกลุ่มผมที่เป็นนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว
หลังจากนั้น ผมก็มองเห็นกลุ่มชาวบ้าน ที่กำลังช่วยกันทาสีอาคารหลังหนึ่ง จึงเดินเข้าไปสอบถามเรื่องราวต่างๆของวัด ซึ่งแต่ละท่านก็มีความเมตตา ยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน และแนะนำสถานที่เรื่องราวต่างๆ ให้ได้รับฟัง
ผมจึงได้สอบถามเส้นทางเพื่อจะขึ้นไปยังถ้ำไผ่ขวางหรือถ้ำสิงห์โต ซึ่งก็ได้คำตอบว่าจะต้องเดินทางขึ้นบันไดอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนความสูงจะยังไม่ถึงพระสีวลี ซึ่งก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถ้าเดินขึ้นไปก็สูงเอาการ
เมื่อพูดคุยเรื่องราวต่างๆ กันเรียบร้อยก็ถึงเวลาเดินทางขึ้นไปยังถ้ำสิงห์โตกันแล้วหล่ะครับ
เนื่องด้วยวันที่ผมเดินทางเป็นช่วงปลายฝนพอดี จึงทำให้มีบรรยากาศแมกไม้ ที่ให้ร่มเงาดีพอสมควร จึงทำให้ไม่ร้อนอย่างที่คิด… ช่วงแรกของการเดินทางขึ้นเขายังพบสภาพของบันไดที่ยังสมบูรณ์ดี
เมื่อเดินขึ้นไปสักพัก ก็ได้เห็นรูปปั้นพระยายมราช และรูปปั้นสัตว์นรกที่มีหัวเป็นสัตว์ต่างๆยกมือไหว้ ซึ่งเป็นไปตามคติความเชื่อตามหลักศาสนาพุทธ ที่กล่าวว่า เมื่อประกอบกรรมไม่ดี เมื่อตายไปย่อมไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดี
เส้นทางเดินขึ้นเขา ส่วนใหญ่จะมีสภาพชำรุดทรุดโทรมไปอย่างมาก ซึ่งก็เป็นไปตามกาลเวลา ที่น่าจะสร้างบันไดไว้นานมากแล้ว … ประกอบกับไม่มีราวบันไดเพื่อช่วยผ่อนแรง จึงต้องระมัดระวังในการเดินให้มากด้วยครับ
เดินมาสักพัก ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เวลานานนักก็มาถึงป้ายถ้ำสิงห์โต จากนั้นก็ให้เดินไปทางขวามือได้เลยครับ … แต่ถ้าอารมณ์ติส หรือมีแรงหน่อยก็สามารถเดินขึ้นไปนมัสการพระสีวลีด้านบนได้ครับ
เพื่อเป็นการยืนยันว่าเดินทางมาถึงจริง ก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้สักนิด
และก็เดินทางมาถึงถ้ำสิงห์โต ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่มั่นในอดีต แต่เดิมนั้นถ้ำแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นชะง่อนผายื่นออกมา แต่ภายหลังได้มีการโบกปูนและประบพื้นที่ให้มีผนังรอบด้านในภายหลัง
ภายในถ้ำสิงห์โต จะค่อนข้างมืดเพราะไม่มีระบบไฟฟ้าด้านบน … ภายในจะมีรูปหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย และรูปหล่อหลวงปู่มั่น
บรรยากาศด้านบน เหมาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ ซึ่งป้าที่อยู่ด้านล่าง ก็ได้บอกว่าจะมีพระขึ้นมาปฏิบัติธรรมที่นี่ทุกวัน
ผมและกลุ่มเพื่อนนักเดินทาง ได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศสักครู่หนึ่ง ซึ่งต่างก็มีความประทับใจในสถานที่อย่างมากและถือว่าเป็นความโชคดีอีกครั้งในชีวิต ที่ได้ทราบเรื่องราวของหลวงปู่มั่นและเดินทางมากันที่นี่
เมื่อเดินลงมา กลุ่มเราก็เดินไปชมพื้นที่พระอุโบสถกันต่อ ซึ่งจากสภาพจะมีช่อฟ้าที่ชำรุดหายไป ซึ่งน่าจะมีการซ่อมแซมกันต่อไป
เมื่อดูพื้นที่ในพระอุโบสถเรียบร้อยแล้ว เราก็เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงได้เข้าไปกราบนมัสการและสนทนากับท่านโดยใช้เวลานานพอสมควร พระในวัดมีจำพรรษาเพียง 6 รูป (ธันวาคม พ.ศ. 2558) ท่านได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังมากมาย ซึ่งท่านสามารถชมบทสนทนาของผมได้ทางคลิปที่ผมอัพไว้ให้ต้นบทความแล้วนะครับ…
หลังจากที่สนทนากับพระได้เวลาอันควร ผมจึงได้กราบนมัสการลากลับบ้าน …
หลังจากการนั้นกลุ่มของเราก็มีความคิดเห็นตรงกันว่า จะทำการจัดบุญทอดผ้าป่ามายังวัดทุ่งสิงห์โต เพื่อนำทุนทรัพย์มาซ่อมแซมพระอุโบสถซึ่งปัจจุบันนั้นหลังคามีสภาพทรุดโทรม มีน้ำรั่วในช่วงฝนตก และการทำบุญครั้งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณหลวงปู่มั่น อีกด้วย
เมื่อเดินมายังรถ ก็ยังได้พูดคุยกับป้า ซึ่งเป็นชาวบ้านในละแวกนี้ ได้คุยเรื่องราวอีกมากมาย… ทำให้การเดินทางมาครั้งนี้รู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะชาวบ้านอัธยาศัยดีมากๆ
บทสรุป ณ วัดทุ่งสิงห์โต
ต้องบอกว่าสุดประทับใจอีกวัดหนึ่ง และเป็นวัดที่เกี่ยวของกับหลวงปู่มั่น ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของพระกรรมฐานสายป่าด้วยแล้วยิ่งทำให้กลุ่มของผมมีความอิ่มเอมใจอย่างมาก จึงขอแนะนำว่า ถ้าท่านเป็นผู้ที่ชอบท่องเที่ยววัดหรือชอบการเดินทางทำบุญ ท่านจะไม่ผิดหวัง ประกอบกับเส้นทางเดินทางมาสะดวก ไม่ไกลกรุงเทพมากนัก … บรรยากาศเงียบสงบมาก เพราะมีผู้คนเดินทางมาน้อย ซึ่งอาจจะเพราะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก… ผมก็หวังว่าหลังจากนี้ จะมีผู้คนรู้จักวัดทุ่งสิงห์โตมากขึ้น … ขอบคุณครับ สวัสดี…
อ่ะๆ ยังไม่จบ แต่เป็นการอัพเดทข้อมูล ซึ่งผมเดินทางกลับไปอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2
มูลเหตุที่ผมต้องเดินทางกลับมาเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากหลังจากทำการอัพคลิปวีดีโอ ( https://youtu.be/1h_3aVrgvwA )ไปแล้ว มีพี่ท่านหนึ่ง นั่นก็คือคุณกิตติ วิบูลย์จันทร์ ได้เขียนแนะนำเรื่องราวที่น่ากลับไปค้นหา ซึ่งเป็นประสบการณ์เมื่อราวๆ 30 ปีก่อน ซึ่งทำให้ผมต้องกลับมาในครั้งนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 … เนื้อหาที่พี่กิตติ แนะนำมีดังนี้
น่าเสียดายมาถึงแล้วน่าจะเดินขึ้นไปถึงพระมาลัย ไปถึงมีศาลาให้นั่งพักมีแท๊งน้ำไว้ล้างหน้า แต่ก็ต้องไปดูข้างบนก่อนเพราตอนนั้นเราขึ้นไปมีกระแตตกไปตายเน่าอยู่ มีถ้ำอีก ทางเข้าเล็กมาก แต่ข้างในเป็นห้องโถงใหญ่กว้างมากขนาดช้างเข้าไปอยู่ได้เป็นโขลง และยังมีคำเล่าลือจากพระที่ปฎิบัติธรรมว่าลึกไปถึงวัดเขาพระงามเลยทีเดียว เป็นกิโล แต่มันมืดกลัวหลงเราก็ไม่ได้เดินไปไกลนักครับ มีทางเข้าออกสองทางอีกช่องทางออกต้องคลานออกมา ที่เรารู้และสะดวกชาวบ้านจริงๆแถวนั้นที่หาหน่อไม่คงรู้ดี ถ้ำนี้อยู่ข้างใต้พระมาลัยเลย ต้องแหวกกิ่งไม่ตามทางมันเป็นหลืบช่องทางเข้าเล็กๆไม่ได้เป็นทางที่เขาถาง ไว้แล้ว แต่อาจจะทำไว้ก็ได้มันนานมากแล้วคนคงรู้กันครับ พื้นถ้ำมีแต่ขี้ค้างคาวมากมาย ต้องเอาไม้ไผ่จุดเป็นคบเข้าไป เวลามาที่นี่ครั้งใดก็จะขึ้นไปชมทุกครั้งบันไดประมาณ 300หรือ500ขั้นจำไม่ค่อยจะได้เพราะเดินขึ้นไวมากตอนหนุ่มๆ มีต้นไม้แปลกๆเช่น เล็บครุฑ ที่มีเขาแหลมคม ทานตะวันหนามคลายปลาปั๊กเป้า และต้นไม้แปลกๆอีกมากมายกล้วยไม้ป่าต้นเล็กๆ น่าเสียดายที่ไปดูก็แต่เพียงแค่ใกล้หน้าประตูเท่านั้นยังไม่ได้ครึ่งทางเลย คนที่นำทางก็คงไม่เคยมาถ้าพระหรือคนที่นั่นนำทางจะดีกว่ามาก ถามใครก็ควรติดต่อเจ้าอาวาส หรือ พระอาวุโส ที่อยู่มานานท่านทราบรายละเอียดดีและให้คำแนะนำดีกว่า ถามคนแบบถามทางเขาก็ไม่รู้อะไรมากนักไหนๆก็ขับรถมาไกลถึงนี่แล้วถ้าสนใจออม แรงไว้มาดูใหม่ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ต้องบรรยายตลอดทางมันจะเหนื่อยมากเดินไปเรื่อยๆบันทึกภาพไปพูดเป็นจุดไป จะดีกว่า ศาลาข้างบนที่มีรอยพระพุทธบาทจำลองนั่นแหละเอาไว้พักเหนื่อย…. อีกเล็กน้อย เลยจากบริเวณวัดทั่งสิงห์โตไปนิดเดียวก็จะถึงวัดเขาช่องลมมีพระพุทธบาทที่ เป๊นรอยลึกลงไปในหินชัดเจนมากเราเคยเดินไปถึงที่นั่นไม่ไกลนักจะได้กราบรอย พระพุทธบาทจริงๆอีกด้วยลองถามท่านเจ้าอาวาสหรือพระที่ท่านอยู่มานานดูนะครับ และขอขอบคุณในวิดีโอด้วยทำให้คิดถึงที่นั่นจับใจเลยถ้าจะเล่าให้ฟังจริงๆยาว มากนี่แค่คำนำครับ
เดินทางไปวัดทุ่งสิงห์โต ครั้งที่ 2
การเดินทางมาวันนี้ ผมจะขึ้นไปจนถึงพระมาลัย เป็นการเดินทางต่อจากการขึ้นเขาวงพระจันทร์มาหมาดๆ ก็ต้องยอมรับว่าปวดเมื่อยพอสมควร แต่ก็ด้วยศรัทธาจึงต้องมาอีกครั้ง … ซึ่งผมจะอัพเดทรูปภาพต่อจากบริเวณถ้ำสิงห์โต ไปเลยนะครับ พร้อมคลิปการเดินทางครั้งที่ 2 ด้านล่าง…
ลักาณะบันไดจะพังทรุดโทรมไปมากกว่าเดิม จึงต้องระวังให้มากครับ
ศาลาร้างด้านบนนี้ เป็นศาลาเก่า ที่พี่กิตติได้บอกไว้ซึ่งมีอายุมาไม่ต่ำกว่า 30 ปีแน่นอน แต่ปัจจุบันถูกทิ้งรกร้างไปแล้วครับ เพราะไม่มีผู้คนเดินทางกันขึ้นมาเท่าไรนัก
การเดินขึ้นมาจะสูงราวๆ 500 ขั้นบันได แต่ที่ลำบากคือบันไดพังไปเยอะครับ
ผมมานั่งพักรับบรรยากาศดีๆ ในช่วงเช้า รู้สึกสดชื่นมากๆเลยครับ… จึงขอแนะนำว่ามาช่วงเช้าจะเหมาะสมที่สุดเพราะแสงแดดจะยังไม่โผล่พ้นเทือกผา ทำให้ไม่ร้อนครับ
หลังจากนั่งพักเหนื่อยสักระยะหนึ่ง ผมก็เดินวนเวียนตามหาถ้ำที่พี่กิตติได้บอกไว้ แต่ก็ต้องบอกว่าหากันไม่เจอเลยครับ แต่มองเห็นซอกหินที่น่าสงสัย ซึ่งตัวคนสามารถลงไปได้ แต่ทีมผมก็ไม่กล้าลงไปเพราะเกรงอันตราย จึงได้แต่วนเวียนมองดูเท่านั้น
กลุ่มของเราจึงได้ปรึกษากันว่า คงต้องกลับมาอีกครั้ง และหาชาวบ้านนำทางกันจะดีกว่าและเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้… ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าพื้นที่จะมรสภาพป่าขึ้นรกขนาดนี้
เมื่อภารกิจไม่สำเร็จผมจึงต้องเดินลงมา และมาพบกับพระที่วัดซึ่งท่านได้เดินจงกรม ที่ปากถ้ำสิงห์โต ที่หลวงปู่มั่นได้บำเพ็ญเพียรในอดีต จึงได้สอบถามกับพระ…ซึ่งท่านก็บอกว่ามีถ้ำจริงแต่ไม่เคยเข้าไป และท่านก็แนะนำว่าให้ลองไปคุยกับชาวบ้านแล้วให้เขานำทางขึ้นมาจะดีกว่า เพราะเราไม่ชำนาญทาง
จึงเป็นอันว่า ผมจะต้องกลับมาใหม่เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งคงจะมาทำบุญทอดผ้าป่าไปด้วยเลยหล่ะครับ… มาที่นี่แล้วรู้สึกศรัทธาอย่างเหลือล้นจริงๆ และยิ่งทราบว่ามีเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่มั่น จึงเป็นการหนุนแรงศรัทธาขึ้นไปอีก
โอกาสหน้าต่อไปผมจะมาอัพเดทเรื่องราวให้รับชมกันอีกนะครับ… ขอบคุณครับ…
คลิปการเดินทางสู่วัดทุ่งสิงห์โต ครั้งที่ 2 : EP2
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แชร์เรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com