วัดสีฟัน วัดร้างในประวัติกบฏธรรมเถียร สมัยพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา… โอกาสนี้ ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปตามรอยวัดร้าง ที่มีชื่อว่า “วัดสีฟัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดร้างที่เหลือเพียงโคกเนินดินธรรมดาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีนับสิบ นับร้อยวัด เพราะเคยเป็นดินแดนที่มีความรุ่งเรืองแห่งราชธานีในอดีต
แม้ว่าวัดสีฟัน จะเหลือเพียงเนินดินและซากโบราณวัตถุแตกหักบางส่วน แต่ก็มีบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่ามีความเกี่ยวข้องในเรื่องราวของ กบฏธรรมเถียร(ข้าหลวงเดิมของเจ้าฟ้าอภัยทศ) ที่ก่อกบฏในสมัยพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา เนื่องด้วยมีความเคียดแค้นที่เจ้าฟ้าอภัยทศ พระราชอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถูกฝ่ายพระเพทราชาลวงให้เสด็จไปลพบุรี และถูกสำเร็จโทษที่วัดซาก
วัดสีฟันมีชื่อพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์(จาด) ซึ่งผมจะขอคัดลอกมาจากเพจ กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ที่ได้เขียนเรียบเรียงไว้แล้ว ดังนี้
…. “ลุศักราช ๑๐๖๐ ปีขาล สำเรทธิศก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอกรมพระราชวังบวร (อดีตหลวงสรศักดิ์หรือพระเจ้าเสือ : ผู้เขียน) เสด็จไปทอดพระเนตรมวยอยู่ ณ เพนียด ไอ้ธรรมเถียรปลอมตัวว่าเป็นเจ้าฟ้าอภัยทศ ซึ่งเอาไปทุบเสีย ณ วัดซาก ช้างมงคลรัตนาศ ซึ่งอยู่ลพบุรีขี่เข้ามา ไพร่ซึ่งมาด้วยนั้นประมาณ ๕๐๐ ไพร่ ชาวนาเกี่ยวข้าวถือหอกบ้างคานหลาวบ้าง ขุนหลวงกรมพระราชวังบวรกราบทูลแก่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวๆ ตรัสว่า ถ้าผู้มีบุญมาจริงแล้วเราจะยกให้…. กรมพระราชวังเสด็จอยู่ป้อมมหาชัย ธรรมเถียรยืนช้างอยู่ตีนรอ มีพระบัณฑูรให้ตำรวจไปพิเคราะห์ดูตัวให้แน่ ตำรวจกลับมากราบทูลว่ามิใช่เจ้าฟ้าอภัยทศ จึงมีพระบัณฑูรให้วางปืนใหญ่ออกไปพร้อมกันทั้งแปดบอก พวกธรรมเถียรก็แตกไปในเพลาค่ำ รุ่งเช้าจับตัวธรรมเถียรได้ในสวนดอกไม้วัดสีฟัน เอาไปประหารชีวิตเสีย พรรคพวกทั้งนั้นเอาไปเป็นตะพุ่น……”
จากข้อมูลในพงศาวดาร กบฏธรรมเถียรคงได้รับบาดเจ็บแล้วหนีมายังสวนดอกไม้ในวัดสีฟันและถูกจับตัวประหารในที่สุด
ทั้งนี้ เรื่องราวของกบฏธรรมเถียร ในพงศาวดารฉบับพระจักรพรรดิพงศ์(จาด) มีความแตกต่างจากพระราชพงศาวดารฉบับที่ชำระใหม่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตรงที่ฉบับหลังให้รายละเอียดไว้ว่า ธรรมเถียร ยกทัพมายืนช้างอยู่ที่วัดมณฑป และกรมพระราชวังบวร (พระเจ้าเสือ) ยิงปืนใหญ่ถูกช้างที่ธรรมเถียรนั่งมา แล้วธรรมเถียรตกจากช้างบาดเจ็บสาหัส หนีไปถึงวัดทะนานป่าข้าวสาร และข้าหลวงก็ไปตามจับมาได้ที่วัดนี้
ปัจจุบัน (2563) วัดสีฟันเหลือเพียงชื่อและโคกเนินดิน ที่ยังพอจะพบเศษซากโบราณวัตถุแตกหักอยู่บ้าง เช่น ซากอิฐ ซากภาชนะ ซากกระเบื้อง เป็นต้น
อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ นักโบราณคดีและศิลปินแห่งชาติ ได้เคยมาสำรวจวัดสีฟันเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2510 บันทึกไว้ในหนังสือห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา ไว้เพียงว่า
“…ต่อจากวัดมหาโลก เดินลัดเลาะไปตามทางใน พบวัดร้างอีกสองวัด คือ วัดกุฎีสูง และ วัดสีฟัน ไม่เหลือแม้แต่ซาก ส่วนมากยับเยิน ถูกรื้ออิฐไปจนเกลี้ยง…”
บันทึกนี้จึงบ่งบอกได้ว่า วัดสีฟัน มีสภาพราบเรียบพังทลายหายสิ้นไปนานหลายสิบปีหรือร้อยปีมาแล้ว
แม้จะเหลือเพียงซากโคกเนินดิน แต่ก็ยังเป็นเสน่ห์ในการตามรอยเรื่องราวในทุกสถานที่ และยังคงได้เห็นร่องรอยอดีตอยู่บ้าง เป็นคุณค่าทางจิตใจของนักอนุรักษ์ และจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ได้ให้ข้อมูลว่า สถานที่ตรงนี้ทางกรมศิลปากรได้เข้ามาสำรวจและไม่อนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ เพราะเป็นเขตโบราณสถาน
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณการติดตาม แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไป สวัสดีครับ แอดมินลุงตั้ม – Faiththaistory.com
ช่องทางการติดตาม
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจภารกิจเที่ยววัด ได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel FaithThaiStory ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด