วันนี้เป็นการโพสเรื่องราวการท่องเที่ยววัด ในภารกิจเที่ยววัดเป็นวัดแรกของการออกทริปร่วมกับกลุ่มนักเดินทางจากบทความที่เขียนรวมไว้คือ “ภารกิจเที่ยววัด ณ ลพบุรี ทริปที่ 1 ประจำปี 2559” ซึ่งกลุ่มนักเดินทางมากันที่จังหวัดลพบุรี
สถานที่นัดหมายแห่งแรกของเราคือที่ วัดเขาสนามแจง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี วัดแห่งนี้จะตั้งอยู่บนภูเขา ซึ่งไม่ทางรถขึ้น จะต้องเดินขึ้นบันไดด้วยจำนวนขั้นบันได 606 ขั้น ยังไงก็มาวัดพลังใจกันหน่อยนะครับ
การเดินทางไม่ยากเลยครับ อีกทั้งระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากมายนัก ห่างจากเมืองลพบุรีราวๆ 30 กิโลเมตร จุดแรกที่ผ่านกันคือเขาสนามแจง จะมีลักษระเป็นภูเขาหิน และติดป้ายว่าเขาสนามแจงอย่างชัดเจน ก็เป็นอันว่าเรามาถูกเส้นทางแล้วหล่ะครับ
เมื่อมาถึงวัดเขาสนามแจง จะเห็นป้ายวัดแจ้งว่า เป็นวัดสาขาวัดหนองป่าพง (หลวงพ่อชา สุภัทโท) สาขาที่ 177 ซึ่งผมเองก็เพิ่งทราบในวันนี้ว่า วัดเขาสนามแจงเป็นวัดสาขาวัดหนองป่าพง ยิ่งทวีให้เกิดความศรัทธามากขึ้นไปอีกเพราะโดยส่วนตัวนั้น ผมศรัทธาในองค์หลวงพ่อชา สุภัทโท อย่างมากเช่นกัน
จากนั้นก็เขามาจอดรถด้านล่าง ซึ่งมีลานจอดที่ไม่กว้างขวางนัก แต่ก็มีที่ว่างมากมาย เพราะไม่ค่อยมีผู้คนเดินทางมาเท่าไรนัก นอกจากผู้ที่ทราบเรื่องราวว่าสถานที่แห่งนี้ มีความพิเศษมากมาย
จุดเด่นของวัดเขาสนามแจง
ก่อนเดินทางขึ้นไปยังพื้นที่วัด ผมขอกล่าวนำก่อนว่าสถานที่แห่งนี้มีความพิเศษอย่างไร
- วัดพลังใจในการเดินขึ้นสู่ยอดเขา ด้วยความสูง 606 ขั้น ซึ่งก็ถือว่าเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะครับ แต่ก็ถือว่าสบายๆ สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- มีรอยพระพุทธบาท หลายรอยให้สักการะบูชา (ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อ)
- พระเจดีย์จักรีศรีวิลัย
- ปราสาทศิลปะเขมร
- สรีระสังขารไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อเกษม สันตจิตโต
- สถานที่อื่นๆ บนยอดเขา และวิวทิวทัศน์อันสวยงาม
สำหรับท่านที่รักความสงบเรียบง่าย และสวยงาม รับรองไม่ผิดหวังครับ เพราะเงียบจริงๆ ผู้คนแทบไม่มี ในวันที่ผมเดินทางก็มีพระอาจารย์ได้เมตตาพาเดินชมสถานที่โดยทั่วบริเวณ ซึ่งมีพระจำพรรษาเพียง 2 รูป เท่านั้น อีก 1 รูปคือพระอาจารย์ทนง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
เดินชมสถานที่
และก็ได้เวลาเดินชมสถานที่กันแล้วหล่ะครับ ผมมองดูขั้นบันได ก็พลอยนึกในใจว่า วันนี้ได้ออกกำลังกายอีกแล้วหรือนี่ ลักษณะขั้นบันไดก็ดูมีลักษณะเหมือนวัดเขาวงพระจันทร์ แต่ต้องบอกว่าที่เขาวงพระจันทร์สูงชันกว่านี้เยอะนะครับ ถ้าใครอยากอุ่นเครื่องก่อนเดินขึ้นเขาสูง ให้ลองมาวัดพลังใจที่นี่ก่อนจะดีกว่า
จากนั้นก็เดินขึ้นเขากันหล่ะครับ ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ แม้ว่าผมจะออกทริปบ่อยๆ ผมใช้เวลาไม่นานก็เดินขึ้นไปถึงยอดเขา โดยจะเห็นเจดีย์จักรีศรีวิลัย อยู่เบื้องหน้า
ทั้งนี้ถ้าท่านใดเหนื่อยก็จะมีจุดพักอยู่ 1 จุดระหว่างทาง สามารถหยุดพักผ่อนกันได้ และขอแนะนำอีกเรื่องคือ เตรียมน้ำขึ้นไปกันคนละขวดด้วยนะครับ ด้านบนไม่มีแม่ค้านะ ขอบอกไว้
และก็มาถึงยอดเขากันแล้ว ตรงหน้าคือพระเจดีย์จักรีศรีวิลัย ซึ่งภายในจะครอบรอยพระพุทธบาทไว้นะครับ
ภายในเจดีย์จักรีศรีวิลัย จะมีลักษณะเป็นสภาพหินและมีลักษณะบางจุดคล้ายรอยพระพุทธบาท ซึ่งทางวัดก็จัดไว้ให้เป็นสถานที่ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าครับ
เรื่องรอยพระพุทธบาทที่วัดเขาสนามแจงนั้น มีบันทึกไว้ในหนังสือตามรอยพระพุทธบาทเล่มที่ 1 โดยพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต วัดท่าซุง ได้เขียนไว้
สำหรับเรื่องจะเป็นรอยพระพุทธบาทของแท้หรือไม่นั้น ไม่มีใครพิสูจน์ได้ครับ ยิ่งผมเองที่มีจิตใจหยาบกระด้างนักก็เข้าไม่ถึง ผมจึงได้อ่าหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า จะเป็นรอยพระพุทธบาทแท้หรือไม่แท้ แต่จิตเราเป็นกุศลระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าก็ย่อมเกิดบุญแล้ว… ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่คิดให้รกสมอง ขอเพียงระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าก็เป็นอันเพียงพอแล้วหล่ะครับ
กลุ่มของผมได้วนเวียนกราบไหว้และถ่ายรูปด้านในพระเจดีย์สักครู่จึงเดินออกไปชมยังสถานที่อื่นๆ
จุดต่อไปเราจะไปชมปราสาทศิลปะขอม ซึ่งได้สร้างครอบรอยพระพุทธบาทไว้อีกจุดหนึ่ง ปราสาทแห่งนี้สร้างมานาน 4 ปี แล้วครับ ซึ่งก็ใช้งบประมาณจากพลังศรัทธาของเหล่าสาธุชนในการสร้าง
จุดนี้เราได้รับความเมตตาพาชมจากพระอาจารย์ด้วยครับ
ลักษณะรอยพระพุทธบาท จะเป็นรอยลึกลงไปพอสมควร ซึ่งภายในปราสาทยังไม่แล้วเสร็จดี เพราะอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง
ภายในจะมีพระพุทธรูปหินขาว ซึ่งพระอาจารย์เล่าว่าใช้เวลาถึง 25 ชั่วโมงในการนำขึ้นมาบนยอดเขานี้
กลุ่มเราได้ทำการกราบไหว้บูชาสักครู่และถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นพระอาจารย์ได้พาพวกเราไปกราบสรีระสังขารหลวงพ่อเกษม สันตจิตโต
ภายในวิหารจะประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลองและสรีระสังขารหลวงพ่อเกษม สันตจิตโต ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกสถานที่แห่งนี้ และเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
กลุ่มเราได้สนทนาเรื่องราวกับพระอาจารย์ ก็ได้รู้เรื่องราวมากมายของวัดแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง ห่างไกลความวุ่นวาย และอยู่ในธรรมชาติอันสวยงามอีกด้วย
กุฏิเก่าของหลวงพ่อเกษม ยังอยู่ในสภาพเดิมๆ และมีหลังเล็กสำหรับในการบดยาสมุนไพร
เมื่อเราสนทนาเรื่องราวนานกันพอสมควร ก็ได้กราบลาพระอาจารย์และถวายปัจจัยส่วนหนึ่งให้แก่วัดไว้ด้วย จึงขอแบ่งบุญกุศลนี้มายังทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้ครับ
ประวัติวัดเขาสนามแจง พอสังเขป
วัดเขาสนามแจง เมื่อก่อนก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์เขาสนามแจงเมื่อวันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 (ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 6 ปีชวด) โดย หลวงพ่อเกษม สันตจิตโต ท่านได้ศึกษาค้นคว้ากองหินธรรมชาติโดยได้พิจารณาเป็นนามธรรมแล้ วน้อมเข้าสู่ต้นให้ญาติโยมที่ขึ้นไปกราบไหว้ฟังเสมอ
ในปี พ.ศ. 2530 ท่านได้สร้างมณฑปครอบหินเหล่านั้น เพื่อรักษาไว้ให้ดำรงอยู่ให้สาธุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป และได้เริ่มก่อสร้างเมื่อ เมษายน พ.ศ. 2532 ในปีเดียวกันท่านได้อาพาธเป็นไข้หวัดใหญ่และมรณภาพเช้าวัน เสาร์ ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2532 ปัจจุบันพระทนง กิตติปัญโญ มาเป็นเจ้าอาวาสแทนหลวงพ่อเกษม สันตจิตโต จนถึงปัจจุบัน วัดเขาสนามแจงมีพระจำวัดอยู่ 6 รูป แม่ชี 1 รูป สำนักสงฆ์เขาสนามแจงได้เปลี่ยนสถานะเป็นวัดเขาสนามแจงเมื่อ พ.ศ. 2547
ประวัติหลวงพ่อทนง กิตติปัญโญ
นามเดิม ทนง
เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2497 อายุ 56 ปี ที่อ.เมือง จ.สุโขทัย
อุปสมบทเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2522 พรรษา 31 (พ.ศ.2553)
วิทยฐานะ จบ ปวส.ช่างกลจากอุเทนถวาย
จบ ป.ม.จากเทเวศน์
ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาสนามแจง บ้านเขาวงกต ต.เขาสนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี สาขาที่ 177 ของวัดป่าพง
โทร 036-471 9436,081-659 7957
ขณะที่ท่านกำลังศึกษาอยู่ น้องสาวที่เรียนมหาวิทยาลัยพละศึกษาเกิดอุบัติเหตุในระหว่างซ้อมยูโด ทำให้เป็นอัมพาต เดินไม่ได้ ต้องพาลุกพานั้ง โยมมารดาของท่านศรัทธาในตัวเจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์ จึงอธิษฐานขอให้เจ้าคุณนรรัตน์ ช่วยเหลือทุกวันหลังไหว้พระ อยู่มาวันหนี่งขณะที่ท่านนั่งดูโทรทัศน์ตามปกติวัน ก็บังเกิดปาฎิหารย์น้องสาวของท่านสามารถลุกขึ้นยืนได้เอง และเอ่ยขอน้ำดื่ม ท่านเห็นแต่มีเพียงน้ำร้อนเหลืออยู่ จึงนำน้ำมาให้น้อง และเตือนว่ายังร้อนอยู่ น้องของท่านดื่มโดยที่ยังร้อนอยู่จนหมด และขออีก เมื่อดื่มไปครึ่งแก้ว ก็ได้พูดขึ้นถึงเรื่องวิธีการแก้กรรม ให้ทำบุญปล่อยสัตว์ นั่งสมาธิ ภาวนา และรักษาศีลให้ช่วยกันทำทั้งครอบครัว พอพูดจบก็นอนลงดังเดิม ท่านจึงเอาน้ำร้อนครึ่งแก้วที่เหลือมาดื่มพร้อมอธิษฐาน รู้สึกถึงความเย็น เหมือนหิมะ พลางขนลุกซู่ไปทั้งตัว น้ำในตาก็ไหลพราก ขาดการควบคุมตนเอง ด้วยความฉงน และตกใจ จึงได้ร้องบอกโยมมารดาให้ช่วย ในใจกลับเต็มเปี่ยมด้วยความสุขล้นอย่างประหลาด หลังจากนั้นโยมมารดาได้พาไปที่ห้องพระเพื่อสวดมนต์
เหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อให้เกิดความศรัทธา เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา คิดอยากจะบวชพระ แต่โยมบิดา มารดา ห้ามไว้ เพื่อให้สร้างบ้านเสร็จเสียก่อน ท่านได้เริ่มปฏิบัติสมาธิ ถือศีล 8 ไหว้พระสวดมนต์ภาวนามาโดยตลอด จนอายุ 25 ปี จึงได้บวช
ท่านได้ขอบวชกับทางหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง แต่ในขณะนั้นหลวงพ่อมีกิจต้องธุดงค์ จำพรรษา ณ ประเทศอังกฤษ หลวงพ่อชาจึงได้มีวาจาให้ หลวงพ่อใช่ สุชีโว วัดเขาฉลาก จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสหธรรมมิกของท่าน เป็นผู้อุปสมบทให้
พ.ศ. 2522 พรรษาที่ 1 จำพรรษาที่วัดรำไพพรรณี กับพระอาจารย์ ณรงค์ ที่อยู่จังหวัดระยอง ออกพรรษาแล้วจึงได้เข้าไปกราบหลวงพ่อชา ขณะนั้นท่านยังแข็งแรงอยู่
พ.ศ.2526 จำพรรษาที่วัดคลองสุทธาวาส ได้พบหลวงพ่อเกษม สันตจิตโต
พ.ศ. 2533 เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาสนามแจงจนปัจจุบัน
ที่มา : www.wpp-branches.net
รวมคลิปพาเที่ยว วัดเขาสนามแจง
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด