เที่ยว ทำบุญ นมัสการรอยพระพุทธบาท วัดพระบาทน้ำพุ เนื่องจากวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานแห่งชาติ และผมก็เป็นพนักงานบริษัทก็ได้มีโอกาสหยุดงาน จึงได้มีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดลพบุรี โดยมีเป้าหมายไปที่ วัดพระพุทธบาทน้ำพุ หลายๆคนคงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุที่ได้อุปการะผู้ป่วยติดเชื่อเอชไอวี หรือเชื่อเอดส์ โดยมีเจ้าคุณอลงกต เจ้าอาวาส วัดพระบาทน้ำพุ เป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาต่อผู้ป่วยทั้งหลาย จนมีข่าวโด่งดังมากมายถึงความเมตตาของท่าน ปัจจุบันพื้นที่วัดก็มีการพัฒนาไปมากมาย และผมก็ถือโอกาสนี้พาไปเที่ยวชม และทำบุญกันนะครับ
ก่อนที่จะเดินทางไปที่วัดพระบาทน้ำพุ ผมก็ได้ทราบข้อมูลว่า น้อยคนนักที่จะรู้ว่าที่วัดแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่อุปการะผู้ป่วย แต่ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธทั้งหลายให้ความเคารพศรัทธา นั่นก็คือ “รอยพระพุทธบาท” จากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท ของพระชัยวัฒน์ อชิโต ก็ได้กล่าวถึงรอยพระพุทธบาทไว้เช่นกัน
ดังนั้นแล้ว นอกจากการเดินทางมาท่องเที่ยวและทำบุญที่วัดพระบาทน้ำพุแล้ว เรายังจะได้ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทด้วยนะครับ
วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งอยู่เชิงเขาน้ำพุ หมู่ที่ 3 ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี การเดินทางก็ง่ายมากครับ ถ้ามาจากกรุงเทพก็วิ่งตามถนนพหลโยธิน หรือทางหลวงหมายเลข 1 ไปเรื่อยๆเลยนะครับ ให้ดูตามแผนที่เลยครับ
จุดหลักที่สำคัญคือจะผ่านวงเวียนพระนารายณ์ แล้วก็ให้ขับไปทางอำเภอโคกสำโรงนะครับ จะเป็นเส้นทางหลวงหมายเลข 1 เหมือนเดิม
เมื่อถึงวงเวียนพระนารายณ์ ก็ให้วนไปทางขวาไปทางอำเภอโคกสำโรง ขับไปสักพักจะถึงแยกเอราวัณ เป็นสี่แยกไฟแดง แล้วให้ขับตรงไป เราจะเห็นป้ายบอกทางไปวัดพระบาทน้ำพุตลอดทาง และจะมีป้ายบอกให้กลับรถ เนื่องจากวัดพระบาทน้ำพุอยู่คนละฝั่งถนน บริเวณทางกลับรถจะเป็นวิทยาลัยเทคโนโลยีละโว้
ขับไปอีกเล็กน้อยไม่ถึง 1 กิโลเมตรก็จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายไปวัดพระบาทน้ำพุครับ
ทางเข้าวัดเป็นซุ้มประตูของวัดหนองบัวขาว แล้วขับไปอีกราวๆ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดพระบาทน้ำพุแล้วครับ
ระหว่างทางที่ขับรถเข้ามาจนถึงวัดพระบาทน้ำพุ ผมรู้สึกถึงความร่มรื่นของธรรมชาติตลอดเส้นทาง เพราะพื้นที่โดยรอบเป็นภูเขา ประกอบกับช่วงที่ผมเดินทางมาก็เป็นช่วงที่มีฝนตกอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้ดูแล้วไม่แห้งแล้งเลย มีสีเขียวของต้นไม้ให้เห็นมากมายดูแล้วสบายตาดีจริงๆ และยิ่งมาถึงในบริเวณวัด ก็ยิ่งมีความสวยงาม จัดพื้นที่ได้ลงตัว สวยงาม เนื่องจากมีผู้ดูแลเอาใจใส่ ทำให้วัดดูแล้วสะอาดตามาก โดยตัวผมเองไม่คิดว่าที่นี่จะร่มรื่นขนาดนี้ ถ้าพูดตามภาษาวัยรุ่น มันช่างรู้สึกฟินดีจริงๆครับ
พื้นที่ในวัดจัดไว้ได้ลงตัวสวยงามมาก ผมได้ลืมเรื่องราวของผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีไปเลย… เนื่องจากข้อมูลผู้ติดเชื้อเอชไอวี หลายๆคนคงทราบเรื่องดีอยู่แล้วนะผมก็เลยขอพาชมในส่วนอื่นๆ ที่สวยงามของวัดพระบาทน้ำพุแล้วกัน เพราะผมคิดว่าคงมีหลายๆคนที่ไม่เคยเห็นภาพสวยงามแบบนี้ไปชมกันต่อเลยครับ
เมื่อจอดรถแล้วก็จะผ่านจุดแรกคือ ศาลาธรรมสังเวช คือสถานที่ ที่ทำฝึกให้เราเข้าใจถึงความตายเป็นสิ่งที่แน่นอน ไม่มีใครรอดพ้น ด้านในมีศพผู้ป่วยอุทิศไว้ให้ทางวัด แต่ผมไม่ขอถ่ายให้ชมกันนะครับ ฮ่าๆ
ด้านบนเป็นรูปทางเข้าศาลาธรรมสังเวช ที่มองเห็นคนยืนอยู่นั่นก็คือศพ ที่ผู้ตายบริจาคไว้ให้วัด ใครกล้าเข้าก็เข้าไปนะครับ ผมก็เข้าไปเหมือนกัน ไปดูให้ปลง อย่าไปกลัวอะไรเพราะเขาได้อุทิศกายเขาให้เป็นการศึกษาอยู่แล้วครับ
ด้านหลังพระประธานในศาลาธรรมสังเวช ก็เป็นกระดูกของผู้ป่วยเอดส์เต็มไปหมดเลย ผมเข้ามาก็รู้สึกวังเวงดี ถ้ามากลางคืนก็ตัวใครตัวมันนะครับผม
เราจะพบสุนัขมากมายในวัด ผมคิดว่าน่าจะมาจากมีคนมาปล่อย ทางวัดก็ได้ทำการอนุเคราะห์ ความคิดเห็นส่วนตัวว่าไม่ควรนำมาปล่อยให้เป็นภาระของวัด เดี๋ยวจะบาปโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราเดินผ่านสุนัขในวัดก็ไม่ต้องกลัวมันจะกัดนะครับ ผมรู้สึกว่ามันมีมิตรภาพให้เรา
จุดหลักอีกจุดหนึ่งของวัดพระบาทน้ำพุคือพระอุโบสถ ผมเดินมาถึงจุดนี้ก็ได้พบกับความสวยงามของบันไดทางขึ้นไปพระอุโบสถ ซึ่งมีรูปปั้นเทวดาทั้ง 2 ข้างทาง เห็นแล้วได้ความรู้สึกที่ดีถึงศิลปะที่จัดสร้างไว้ ดูแล้วก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก น่าจะไม่เกิน 200 ขั้น เชิญชวนให้ขึ้นไปกันนะครับ เพื่อไปกราบพระประธานในพระอุโบสถด้านบน และชมทิวทัศน์อันสวยงามด้วยครับ
เมื่อเดินมาถึงด้านบน ก็จะถึงวิหารพุทธสาวกก่อนครับ
ถัดจากวิหารพุทธสาวก ก็จะเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ วัดพระบาทน้ำพุครับ
หลังจากที่เราได้กราบนมัสการพระประธานในพระอุโบสถแล้ว ผมจะพาเดินทางไปกราบพระปฐมพุทธประดิษฐานบารมี ซึ่งจะเดินขึ้นไปด้านบนอีกเล็กน้อย ผมรู้สึกถึงบรรยากาศอันร่มรื่นของบริเวณวัดมากๆ พื้นที่มีสีเขียวชอุ่มของต้นไม้ ตลอดทางจะมีรูปปั้นเทวดาวนเวียนมากมายเลยครับ
โดยรอบวิหารด้านบนนี้ จะเป็นทางเดินที่มีรูปปั้นของเทวดาตลอดเส้นทางเลยครับ สวยงามมากๆ
หลังจากที่ผมได้เดินขึ้นไปกราบนมัสการพระปฐมพุทธประดิษฐานบารมีแล้ว ผมก็จะเดินย้อนกลับมาทางพระอุโบสถเพื่อเดินทางไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทต่อครับ
การเดินทางมานมัสการกราบรอยพระพุทธบาทนั้น เราสามารถนำรถขึ้นมาได้ แต่เนื่องจากผมได้เดินดูบรรยากาศในบริเวณวัด ก็เลยไม่ได้นำรถขึ้นมาด้วย เพื่อจะได้ซึมซับบรรยากาศให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าได้เดินกันก็อย่าลืมพกน้ำดื่มมาด้วย เพราะได้เหงื่อพอสมควร ถ้าไม่ได้นำมาก็ให้ซื้อบริเวณด้านล่างได้เลยครับ เพราะมีร้านสะดวกซื้อ 108 Shop บริการอยู่
ผมใช้เวลาเดินมาเล็กน้อย ก็จะมองเห็นมณฑปที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทไว้ครับ
เรื่องราวความเป็นมาของรอยพระพุทธบาท วัดพระบาทน้ำพุ
เมื่อได้กล่าวถึงวัดพระบาทน้ำพุ ผมคิดว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีรอยพระพุทธบาทให้เรากราบนมัสการ เพราะผู้คนก็จะนึกไปถึงเรื่องผู้ป่วยเอดส์เป็นส่วนใหญ่ และผมก็เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน จนกระทั่งผมได้มาอ่านหนังสือตามรอยพระพุทธบาท ของพระชัยวัฒน์ อชิโต ก็ได้ทราบว่าที่วัดพระบาทน้ำพุมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ สำหรับประวัติของรอยพระพุทธบาทนี้ไม่มีใครทราบอย่างแน่ชัด ซึ่งได้รับการบอกกล่าวจากคุณเฉลิมพล พลมุข ไว้ดังนี้
เนื่องจากวัดอยู่บนพื้นที่มีภูเขาล้อมรอบ เป็นลักษณะครึ่งวงกลม มีน้ำพุและรอยพระพุทธบาท จึงได้เรียกว่า “วัดพระบาทน้ำพุ” ซึ่งเดิมแล้วไม่มีคนรู้จัก หรือน้อยคนนักที่จะรู้จัก เนื่องจากทางขึ้นเป็นป่ารก ขึ้นไปได้ยาก แม้ชาวบ้านในบริเวณนี้ก็ไม่มีใครทราบ
ประมาณปี พ.ศ. 2535 คุณเฉลิมพล (ผู้พบรอยพระพุทธบาท) ได้เดินขึ้นข้ามเนินดิน และได้สังเกตุรอยลึกเข้าไปในเนินหิน มีใบไม้ ใบหญ้า ปกคลุมมากมาย และเมื่อได้ทำความสะอาดปัดกวาด ก็ได้มองเห็นรอยพระพุทธบาทชัดเจน มีขนาดกว้าง 9 นิ้ว ยาว 18 นิ้ว เป็นรอยพระพุทธบาทที่นิ้วพระบาททั้ง 5 เรียงยาวเท่ากัน และทั้ง 5 นิ้วมีลายก้นหอย ตรงกลางฝ่าพระบาทมีธรรมจักร โดยปลายพระบาทหันไปทางทิศตะวันออก
จากที่คุณเฉลิมพลได้คุ้นเคยและมีโอกาสไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาทอยู่หลายแห่ง จึงแน่ใจว่า รอยที่เห็นนี้เป็นรอยพระพุทธบาทเก่าแก่ดั้งเดิม
ในแต่ละปี จะมีผู้เดินทางมาวัดพระบาทน้ำพุมากมายหลายแสนคน เพื่อมาทำการบริจาคปัจจัยและสิ่งของเพื่ออุปการะผู้ป่วย จนไม่รู้เลยว่าที่วัดแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ เมื่อได้เดินทางมาถึงวัดแล้ว ยังไงก็อย่าลืมไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทเพื่อเป็นสิริมงคลต่อชีวิตด้วยนะครับ และช่วยบอกต่อไปยังเพื่อนๆ ญาติมิตรของเราด้วยว่ามีสิ่งสำคัญคือรอยพระพุทธบาท ที่เราไม่ควรพลาดจะไปกราบนมัสการ ปัจจุบันนี้รอยพระพุทธบาทได้ประดิษฐานไว้ในมณฑปที่ทางวัดได้สร้างครอบไว้ และมีทางขึ้นที่สะดวกมากขึ้น จึงทำให้ง่ายต่อผู้คนได้เดินทางมากราบไหว้ครับ
อ่านอานิสงส์การบูชารอยพระพุทธบาท ที่นี่
ข้อมูลอ้างอิง : www.manager.co.th
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก ที่ www.faiththaistory.com