เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2557 ผมมีโอกาสได้เดินทางผ่านนครราชสีมา แถวๆอำเภอปากช่อง เพื่อจะได้ไม่ให้เสียเที่ยวในการเดินทางครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิงก็แพงขึ้นมาก จึงได้ค้นหาข้อมูลจากหนังสือ “ตามรอยพระพุทธบาท” ของพระชัยวัฒน์ อชิโต เผื่อจะมีสถานที่ให้ได้ไปสำรวจและกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็มีข้อมูลว่ามีรอยพระพุทธบาทแห่งหนึ่งอยู่ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวผมก็ได้เปิดอินเตอร์เน็ต เผื่อจะมีใครได้เดินทางไปมาแล้ว และก็มีคณะเดินทางไปมาแล้วเช่นกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 และครั้งล่าสุดที่หาได้จากอินเตอร์เน็ตคือ ปี พ.ศ. 2550 โดยคณะของเว็บ แดนพระนิพพาน จึงขอขอบพระคุณเว็บแดนพระนิพพานที่ได้เดินทางไปสำรวจ ทำให้พอมีข้อมูลในการเดินทางมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว
แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ประสบความสำเร็จในการเข้ากราบนมัสการรอยพระพุทธบาทได้ เนื่องจากพอไปถึงสถานที่แล้ว มีเจ้าถิ่นคือสนุขจำนวนมาก วิ่งไล่เห่า จนผมต้องใส่เกียร์วิ่งหนึแทบจะไม่ทัน ถ้าผมเดินออกจากรถไปไกลกว่านี้ เห็นทีจะคงถูกพวกเจ้าถิ่นกัดเข้าให้แล้ว แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ตรงไหน และผมจะต้องกลับไปอีกให้ได้ และจะต้องทำให้บรรลุเป้าหมายให้ได้
ผมเริ่มออกเดินทางตามแผนที่ของเว็บแดนพระนิพพาน
เส้นทางเดินทางไม่ยากครับ ให้ดูเส้นทางตามแผนที่ ให้เดินทางตามป้ายเดินทางไปวัดป่าเพิ่มบุญ
ทางเข้าจะอยู่ติดถนนมิตรภาพ ปากทาง จะมีป้ายบอกทางหลายวัดมากครับ แต่ไม่มีป้ายบอกทางสถานปฏิบัติธรรมรอยพระพุทธบาทกลางดงเลยครับ จึงต้องใช้เส้นทางที่บอกทางไปวัดป่าเพิ่มบุญแทน เพราะเป็นเส้นทางเดียวกัน
เดินทางเข้ามาจะพบว่ามีต้นไม้ระหว่างทางปกคลุมเยอะพอสมควรและมีพื้นที่เกษตรกรรมตลอดเส้นทาง ผมจึงไม่แปลกใจเลยทำไมจึงเรียกว่า ต.กลางดง เพราะพื้นที่อยู่กลางดงป่าจริงๆครับ
ป้ายบอกทางเข้าสำนักปฏิบัติธรรมรอยพระพุทธบาทกลางดง (สาขาวัดมิตรภาพ) จะอยู่ฝั่งขวา จะเป็นป้ายค่อนข้างเก่า คาดว่าป้ายนี้จะมีอายุมากกว่า 10 ปีแน่ๆ
พอผมได้ขับรถเข้ามา บอกเลยว่าเปลี่ยวมาก สภาพกลางดงจริงๆ ยอมรับความสามารถของคนที่มาค้นหาและตั้งสถานปฏิบัติธรรมจริง ถ้ามาโดยรถเก๋งหรือรถตู้ก็ระวังๆด้วยนะครับ เพราะมีเนินดินเป็นระยะๆ
เส้นทางเหมือนไม่ค่อยมีใครจะเข้ามากันนัก ทำให้มีสภาพขาดการพัฒนามากพอสมควร สงสัยผมจะเป็นเพียงไม่กี่รายที่เข้ามา ในใจก็ตุ้มๆต่อมๆ พอสมควร แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็ต้องเข้าไปให้ถึงแล้วกัน ระหว่าง 2 ข้างทางก็จะมีพื้นที่ทำไร่ของชาวบ้าน
สักพักก็ถึงปากทางเข้าสำนักปฏิบัติธรรม มีศาลเจ้าพ่อขุนด่านอยู่ปากทาง และเขียนป้ายว่าเป็นเขตอภัยทาน
จุดที่ผมจอดรถ จะเป็นจุดเดียวกับรูปด้านบนนี้ แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เนื่องจาก พอลงมาจากรถ เดินไปสักระยะ ปรากฏว่ามีเหล่าสุนัขเจ้าถิ่น ประมาณ 4 – 5 ตัว วิ่งไล่เห่าหอน จนผมแทบจะวิ่งหนีไม่ทัน ดีนะที่ผมไม่เดินห่างจากตัวรถไกลกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงโดยมันรุมกัดแน่ๆ จึงขออธิบายสภาพ ในวันที่ 21 มิถุนายน 2557 โดยใช้ตัวหนังสือแทนคือ สภาพตอนนี้ รกร้างมากพอสมควร เหมือนขาดการดูแลมานานมาก ผมดูแล้วคงไม่ค่อยมีคนเดินทางมาเป็นปีๆ แล้วแหละครับ
สองข้างจะรกด้วยพงหญ้าต้นไม้ ไม่เหมือนในรูปด้านบนแล้ว แต่ก็สังเกตเห็นสภาพอาคารสิ่งปลูกสร้างตามรูป ในระหว่างที่ผมนั่งหลบเหล่าสุนัขบนรถ ก็เห็นมีพระสงฆ์เดินออกมา และเรียกสุนัขเหล่านั้นไป แต่ท่านก็ไม่ได้เดินมาหาผมนะครับ (ในใจผมคิดว่าท่านน่าจะเดินมาหาโยม เพราะโยมกลัวสุนัขจริงๆ) หลังจากที่ผมตั้งสตินั่งในรถนานพอสมควร และรู้สึกเสียดายโอกาสนี้มาก อุตส่าห์เดินทางมาถึงที่ แต่ไม่ได้ไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท จากนั้นผมก็ได้ตัดสินใจหันรถกลับออกมาด้วยใจที่นึกเสียดายไม่หาย
เป็นบทเรียนสำคัญมาก ถ้าจะเดินทางมาในสถานที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่ค่อยนิยมนัก เราควรจะมีเพื่อนร่วมทางเดินทางมาด้วย การเดินทางมาคนเดียวก็จะลำบากสักหน่อย อย่างน้อยจะได้มีเพื่อนคอยช่วยหาแนวทางแก้ปัญหากันได้บ้าง
ผมจึงพอจะวิเคระห์ได้ว่า สำนักปฏิบัติธรรมรอยพระพุทธบาทกลางดง คงจะไม่ค่อยได้มีผู้คนเดินทางมากันสักเท่าไหร่นัก และการมีสุนัขเจ้าถิ่นหลายตัวแบบนี้ คงส่งผลให้นักท่องเที่ยวสำรวจ ไม่อยากจะมากันนัก แต่การที่เลี้ยงสุนัขไว้ ก็คงเป็นการเลี้ยงให้เฝ้าสถานที่ เพราะสถานที่เปลี่ยวมาก อาจจะมีขโมยมาลักของในสถานที่ก็ได้จึงเลี้ยงไว้หลายตัวขนาดนี้
ถ้าสภาพเป็นอย่างที่เห็นในปี พ.ศ. 2550 คงจะดีกว่านี้มาก และอีกอย่างคือ ป้ายทางเข้าจากถนนมิตรภาพก็ไม่มีบอกทางไปสำนักปฏิบัติธรรมพระพุทธบาทกลางดงเลย ยกเว้นทางเข้าสำนักเพียงป้ายเดียว จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่สำนักปฏิบัติธรรม ค่อนข้างรกร้างแบบนี้
แต่เนื่องจากผมเห็นมีพระสงฆ์เดินออกมา ก็คงจะมีการจำพรรษาของพระสงฆ์ในสถานที่แห่งนี้ ในใจผมก็หวังว่าจะกลับมาอีกครั้งให้ได้ จะหาเพื่อนร่วมทางมาด้วย และจะต้องให้บรรลุเป้าหมายให้จงได้ ก็เป็นอันว่าผมได้เดินทางมาถึงแค่บริเวณสำนักสงฆ์เท่านั้น
จึงขอนำภาพจากเว็บแดนนิพพานที่ได้เดินทางมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 มาลงไว้แทน ขอขอบพระคุณเว็บแดนพระนิพพาน www.danpranipparn.com มา ณ โอกาสนี้
รอยพระพุทธบาทกลางดง มีทางแยกจากถนนหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (หรือถนนมิตรภาพ) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 154 – 155 ห่างจากถนนมิตรภาพ 5 กิโลเมตร ตั้งอยู่เชิงเขาหนองเครือคต โดยมีประวัติการพบเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2539 โดยคณะ จ.ส.อ.สัมฤทธิ์ แววมณี (หมอยิ้ม) ชาวปทุมธานีเป็นการค้นพบตามความฝันซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากุกสันโธ พระพุทธเจ้าองค์แรกในภัทรกัปป์นี้
คำว่าภัทรกัปป์คือกัปป์ปัจจุบันนี้ ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดมา 5 พระองค์ ซึงในสมัยปัจจุบันคือ พระโคตมพุทธเจ้า และในอนาคตจะมีพระเมตไตยพระพุทธเจ้ามาบังเกิด หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า พระศรีอาริย์ นั่นเอง
ลำดับพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์ มีดังนี้
1. พระกกุสันธพุทธเจ้า
2. พระโกนาคมพุทธเจ้า
3. พระกัสสปพุทธเจ้า
4. พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน 80 ปีก่อนพุทธกาล)
5. พระเมตไตยพุทธเจ้า (อนาคตอีกหลายล้านปีนับจากที่พระศรีศากยมุนีโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน)
นอกจากนี้ บริเวณรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ยังมีสถานที่ให้เดินชม เพื่อการศึกษาอีกหลายจุด เช่น หินรูปพระแท่นศิลาอาสหน์รูปช้าง หินรูปวานร รอยพระหัตถ์ รอยเท้าไก่ รอยเท้าช้าง รอยเท้าพญานาค ซากสถูปโบราณ หินดวงตา ลานหินผุด กำแพงแก้ว ปล่องเหวลึก หินเสียงกลอง หินเสียงระฆัง ฯลฯ
ผมตั้งใจไว้ว่า จะต้องหาโอกาสกลับมาเพื่อกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทกลางดงให้ได้ และการมาครั้งนี้ก็ได้ประสบการณ์ที่ดี ในเรื่องการเดินทางไปในสถานที่แปลกๆ หรือไม่คุ้นเคยกัน จะต้องมีเพื่อนร่วมาทางไปด้วย เพื่อช่วยกันคิดหาแนวทางให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว
จบการบันทึกตามรอยพระพทุธบาท อีก 1 บท (แต่ไม่สำเร็จตามประสงค์ เศร้าจริงๆ)
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด
ขอบคุณมากนะคะ ให้รายละเอียดทั้งการเดินทางและข้อมูลดีมากเลยคะ