ตามรอยตำนานดวงพระเนตรและความศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อโต วัดน้ำฉ่า

https://youtu.be/fnOiaxC3qUs วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปตามรอยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต วัดน้ำฉ่า หรือทางการเรียกว่า วัดบูรณะศรัทธาธรรม อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ ได้รับการแนะนำจากคุณอัฐพงษ์ บุญสร้าง ที่ชำนาญเส้นทางในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นอย่างดี คุณอัฐพงษ์ เล่าว่า ตำนานหลวงพ่อโต มีความเชื่อว่าดวงพระเนตรของท่านเป็นนิล แต่มีคนแอบมาขโมยดวงพระเนตรหลวงพ่อโตไป และมีลักษณะเหมือนน้ำตาไหลออก ต่อมาทางกรมศิลปากร ได้มาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงตำนานเล่าขานกันมาเท่านั้น และจากการสังเกตุภายในดวงพระเนตร เหมือนมีลักษณะของอักษรโบราณคล้ายตัว ป.ปลา อีกด้วย ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อโต ได้ประดิษฐานในมณฑปที่สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณของพระอุโบสถหลังเดิม แต่ในวันที่ผมเดินทางไปนั้น มณฑปได้ถูกปิด ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงได้แต่เพียงถ่ายภาพบรรยากาศภายนอกเท่านั้น จุดจอดรถของผมจะอยู่บริเวณหน้าพระอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งคุณอัฐพงษ์ได้เล่าว่า พระอุโบสถหลังเก่าจะสร้างใกล้เคียงกัน จุดที่สำคัญในการเดินทางครั้งนี้ คือหลวงพ่อโต ในมณฑป แต่น่าเสียดายที่เข้าไปไม่ได้ จึงได้ทำการถ่ายรูปลอดผ่านประตูกระจกให้ได้ชมกันเท่านั้น องค์หลวงพ่อโต องค์จริงจะประดิษฐานด้านหลังองค์เล็กที่สร้างจำลองขึ้น  เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรื่องราวตำนานแต่เดิมชาวบ้านเชื่อว่า ดวงพระเนตรของหลวงพ่อโตเป็นนิลแต่ถูกลักขโมยไป และเกิดลักษณะมีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งเป็นตำนานเล่าขานกันมาแต่นมนานแล้ว และถ้าได้เพ่งมองเข้าไปในพระเนตรของหลวงพ่อโต จะพบว่ามีอักษรโบราณ ลักษณะคล้าย ป.ปลา ในดวงพระเนตรทั้งสองข้างด้วย อีกทั้ง มีความเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาการเกณฑ์ทหาร มักจะมีชายไทยมาบนบานด้วยหนังตลุง เพื่อไม่ให้ติดทหารเกณฑ์อีกด้วย (โปรดใช้วิจารณญาณ) ตามเอกสารประวัติวัดน้ำฉ่า ลงวันที่ 13 มิถุนายน รศ.126 (ตรงกับปี พ.ศ.2451) พระกำพูชาชาญศึกพร้อมด้วยเจ้าอธิการและทายก ได้ปักกำหนดเขตพระอุโบสถกระทำกิจผูกพัทธสีมา ตามพระบรมราชานุญาต เมื่อผมได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับวัดน้ำฉ่าพอสมควร จึงเดินดูภายในบริเวณวัด ผมเดินชมบริเวณที่เคยตั้งพระอุโบสถเดิม ซึงปัจจุบันไม่เห็นร่องรอย นอกจากการสอบถามและค้นหาข้อมูล… Read More »

ตามรอยสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำนางสิบสอง ที่ฉะเชิงเทรา

https://youtu.be/FmoN6ZfegK8 วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางตามรอยสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและตำนานถ้ำนางสิบสอง ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งผมได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประจำ เพราะเป็นบ้านญาติพี่น้องของผมหลายคน การเดินทางครั้งนี้ ในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2560 เกิดจากความสนใจเรื่องราวความสำคัญของสถานที่ ที่มีเรื่องราวของความเชื่อและความศรัทธาเป็นทุนเดิมของผม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวตามวัดวาอารามต่างๆ  ผมจึงได้ค้นหาข้อมูลเรื่องราวสถานที่ ที่น่าสนใจในจังหวัดฉะเชิงเทรา ก็พบว่า มีเรื่องราวแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ 6, 7 และ 9 ในจังหวัดฉะเชิงเทราถึง 2 แห่งด้วยกัน จากข้อมูลบนเว็บไซต์ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ไว้อย่างละเอียด โดยมีบันทึกเกี่ยวกับแหล่งน้ำในจังหวัดฉะเชิงเทราไว้ 2 แห่งคือ น้ำสระมหาชัยและ น้ำสระหินดาษ โดยทำพิธีเสกน้ำที่วัดยโสธร เมืองฉะเชิงเทรา มณฑลปราจีนบุรี ซึ่งแต่เดิมจังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ในมณฑลปราจีนบุรี และแต่เดิมวัดโสธรวรารามวรวิหาร เรียกว่า วัดยโสธร หรือที่เรารู้จักกันดี ก็คือวัดหลวงพ่อโสธรนั่นเอง ด้วยความสนใจเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาและความเชื่อต่างๆอยู่แล้ว ผมจึงได้ติดต่อคุณอัฐพงษ์ บุญสร้าง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกทั้งยังมีความชำนาญในเรื่องเส้นทาง เพื่อเป็นผู้นำทางในการท่องเที่ยวครั้งนี้ จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ แหล่งน้ำแหล่งแรกที่เราเดินทางไปคือ สระหินดาษ อยู่ที่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ใกล้กับวัดหินดาษ  และใกล้กับถ้ำนางสิบสอง ตามตำนานพระรถเมรี  ปัจจุบันยังมีสภาพเป็นสระน้ำ ที่เต็มไปด้วยใบบัว  และมีป้ายบันทึกเรื่องราวไว้อย่างชัดเจนด้วยว่า สระน้ำแห่งนี้ เป็นน้ำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอีกด้วย ตามตำนานเล่าว่า ถ้ำนางสิบสองตรงนี้ สามารถทะลุได้ถึงลานพระรถชนไก่ และหาที่สุดไม่ได้ ถัดไปใกล้เคียงกับถ้ำนางสิบสอง จะเป็นสระน้ำที่มีประวัติว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก… Read More »

วัดป่าห้าพระองค์ สถานที่พระกรรมฐานมรณภาพ 5 รูปจากเครื่องบินตก

https://youtu.be/If9N26LoAOU สวัสดีครับท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาที่วัดป่าห้าพระองค์จากเหตุการณ์ความสูญเสียของพุทธศาสนิกชนครั้งสำคัญ คือการมรณภาพของพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นถึง 5 รูปจากเหตุการณ์เครื่องบินตกในเขตจังหวัดปทุมธานี เหตุการณ์เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2523 ในดือนเมษายน พระกรรมฐาน 5 รูป  ได้แก่ พระอาจารย์วัน อุตตโม, พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม, พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร, และ พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม ได้รับอาราธนานิมนต์ทางกรุงเทพมหานครจึงได้รวมกันที่ จังหวัดอุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบิน เพราะลูกศิษย์ต้องการถวายความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง ได้ขึ้นเครื่องบินที่อุดรธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2523 เมื่อเครื่องบินมาถึงเขตจังหวัดปทุมธานี อำเภอคลองหลวง เหลือระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรเศษ เครื่องบินได้ตั้งลำและลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงสู่สนาม แต่เนื่องจากเครื่องบินได้ประสบพายหมุนและประกอบกับฝนตกหนัก เครื่องบินจึงเสียหลัก ตกลงที่ท้องนาเขตอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พระคณาจารย์ทั้งหลายจึงถึงแก่มรณภาพพร้อมด้วยผู้โดยสารอีกเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ยังความโศกเศร้าเสียใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ และยังความเสียพระราชหฤทัยแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จากเรื่องราวนี้ผมจึงเดินทางตามรอยความศรัทธา เพื่อนำมาแบ่งปันเรื่องราวให้ทุกท่านได้รับรู้ และหาโอกาสเดินทางตามรอยความศรัทธาเพื่อระลึกถึงคุณของพระคณาจารย์ทั้ง 5 รูป ผมได้ทราบว่ามีการก่อสร้างวัดป่าห้าพระองค์ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานจากเหตุการณ์เครื่องบินตก จึงได้เดินทางมาในอีกไม่นาน เมื่อผมเดินทางมาถึงพื้นที่ จะมองเห็นรูปปั้นหลวงปู่มั่นมาแต่ไกล ถือเป็นแลนด์มาร์กของวัดในปัจจุบันนี้ เมื่อผมมาถึงก็ทำการจอดรถในบริเวณวัด ซึ่งปัจจุบัน ปี พ.ศ.2560 ยังมีการก่อสร้างอยู่หลายจุด จากนั้นผมจึงเดินขึ้นไปกราบสักการะรูปปั้นหลวงปู่มั่น วัดป่าห้าพระองค์ ตั้งอยู่ที่ คลองสาม อ.คลองหลวง… Read More »

พระธาตุประจำผู้เกิดวันเสาร์ พระธาตุนคร วัดมหาธาตุ นครพนม

https://youtu.be/vFdy3rSRuNo สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับภารกิจเที่ยววัดตามรอยความศรัทธา วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปถึงจังหวัดนครพนม ดินแดนที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำโขง มีวัดท่องเที่ยวและทำบุญมากมาย โดยเฉพาะพระธาตุพนม พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของเมืองนครพนม ที่ตำนานกล่าวว่า พระมหากัสสปะเถระ ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอกของพระพุทธเจ้า) มาประดิษฐานไว้ แต่สำหรับบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านไปชมความงาม ของพระธาตุนคร วัดมหาธาตุกันก่อน ซึ่งมีความเชื่อกันว่า เป็นพระธาตุประจำของผู้ที่เกิดวันเสาร์ จะด้วยเหตุใดนั้น ผมไม่ทราบข้อมูลเรื่องนี้ แต่ที่สำคัญคือ ผมเกิดวันเสาร์จึงต้องขอนำมากล่าวไว้ด้วยครับ ผมได้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม โดยมีจุดประสงค์หลักคือมาสักการะ นมัสการองค์พระธาตุพนม และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาอีกหลายๆในนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งใช้เวลาเดินทางมากพอสมควร ผมกลับเข้าที่พักก็มืดค่ำ ผ่านมาในเมืองนครพนม และเห็นองค์พระธาตุนคร ตั้งตระหง่านดูสวยงามในยามค่ำคืน และที่สำคัญคือ ผมเดินทางในช่วงเข้าฤดูหนาว ก็ได้สัมผัสถึงบรรยากาศอันเย็นสบาย มีลมพัดเข้าฝั่งได้บรรยากาศดีจริงๆครับ ผมได้สอบถามเพื่อนที่พาผมเที่ยว เขาก็บอกว่าเรื่องลมจากแม่น้ำโขงมีตลอดทั้งปี   วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง บนถนนสุนทรวิจิตร เลียบเขื่อนหน้าเมืองนครพนมหรือถนนเลียบริมแม่น้ำโขง มี “พระธาตุนคร” เป็นปูชนียสถานอันสำคัญ พระธาตุนคร มีลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ 4.85 เมตร สูง 24 เมตร มีรูปร่างตามพระธาตุพนมองค์เดิม รูปทรงตั้งบนฐานใหญ่ 2 ฐาน ต่อลดหลั่นกันตามลำดับ แต่ละฐานมีรูปประตูอยู่ตรงกลางบนประตูเป็นรูปคล้ายบัวบาน มีรูปและลายต่างๆ ข้างประตูทำเป็นเครื่องไม้ดอกไม้ผล รูปพระราชาทรงช้างทรงม้า ต่อจากฐานใหญ่ทั้ง 2 ขึ้นไป แล้วก็มีลักษณะแหลมเรียวขึ้นตามลำดับ ตอนกลางในด้านทั้ง 4… Read More »

ตามรอยประทับพระบาทและพระหัตถ์ ในหลวง ร.9 ร.10 ณ เกาะสาก พัทยา

https://youtu.be/0K2uwzMxGcg สวัสดีท่านผู้รักการท่องเที่ยวตามรอยศรัทธาทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปตามรอยความศรัทธาของคนไทยที่มีต่อพระมหากษัติริย์ โดยกลุ่มนักเดินทางได้ทราบข้อมูลว่าที่เกาะสาก พัทยา มีรอยประทับพระบาทและพระหัตถ์ของในหลวง 2 รัชกาล คือรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ซึ่งข้อมูลนี้ น้อยคนนักจะทราบเรื่องราว … ทำให้กลุ่มนักเดินทางมีความสนใจอย่างมาก จึงได้นัดหมายการเดินทางในเดือนพฤศจิกายน 2559 การเดินทางได้นัดหมายกันที่ไมค์ ช้อปปิ้งค์มอลล์ เมื่อผมเดินทางมาถึงก็ได้พบกับบรรยากาศการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มากมายโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ผมเดินทางมาถึงพัทยาราวๆ เที่ยง ได้เห็นบรรยากาศการท่องเที่ยวกับทิวทัศน์ท้องทะเลอันสวยงาม ผู้คนคึกคัก แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าออกจากฝั่งไปสู่เกาะสาก มีสิ่งที่สำคัญประทับอยู่ การเดินทางจะต้องนั่ง Speed Boat โดยได้จองเรือไว้และนัดเรือมารับที่หน้าหาด ค่าบริการไปกลับสำหรับการเดินทางไปเกาะสากอยู่ที่ 2,800 บาท  แต่ไปกันหลายคน จึงช่วยกันเฉลี่ยค่าเดินทางกันได้ครับ เนื่องจากเป็นเรือเร็ว จึงต้องประจำที่และยึดจับให้มั่นคง เพื่อความปลอดภัย การเดินทางใช้เวลาราวๆ 15-20 นาทีก็ถึงที่หมายเกาะสาก ต้องยอมรับว่าพี่โชเฟอร์ขับเรือ ได้รวดเร็วมาก ผมคิดว่านั่งรถฟอร์มูล่าวัน ซะอีก… พี่แกขับเรือได้ซิ่งมาก ขับไปก็กระทบคลื่น ทั้งตัวและหัวสั่น กระโดดกระเด้งไปตลอดระยะทาง เมื่อมาถึงเกาะสาก ผมก็ได้เห็นถึงความสวยงามของชายหาดที่สวยงาม ทะเลน้ำใส ฟ้าสีคราม ช่างมีความสุขกับการเดินทางซะจริงๆครับ เมื่อมาถึง กลุ่มนักเดินทางก็พากันถ่ายรูปความสวยงามของชายหาดสวยงามมากๆ หลังจากที่ชมความสวยงามของชายหาดอย่างหนำใจกันแล้ว ทีมนักเดินทางก็มุ่งไปชมรอยประทับพระบาทและพระหัตถ์ ในหลวง 2 รัชกาล เพื่อทำการสักการะ จุดที่กลุ่มนักเดินทางกำลังสักการะคือ จุดประทับพระบาทและพระหัตถ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9, รัชกาลที่ 10, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์,… Read More »

บรรยากาศสุดหลอน สำนักสงฆ์ร้าง อุทยานหุ่นปั้นพระอาจารย์ซ่วน

https://youtu.be/syzqhyAPfaE สวัสดีครับ วันนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ผมจะพาทุกท่านไปชมบรรยากาศความหลอนที่ผมเชื่อว่า หลายท่านไม่กล้าไปคนเดียว รวมถึงผมด้วยครับ… ผมจะเดินทางไปยัง อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อไปชมบรรยากาศที่เขาว่าหลอนมาก นั่นก็คือ “สำนักสงฆ์ร้าง อุทยานหุ่นปั้นพระอาจารย์ซ่วน” ซึ่งเป็นการเดินทางตามรอยความศรัทธาของชุมชนในอดีต ที่มีต่อพระอาจารย์ซ่วน แห่งวัดท่าลาดใต้ การเดินทางครั้งนี้ ได้รับการแนะนำจากสมาชิกนักเดินทางซึ่งเป็นเจ้าถิ่นคือ คุณอัฐพงษ์ บุญสร้าง และเป็นผู้นำในการพาชมสถานที่ ซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ ใกล้วัดท่าลาดใต้ เมื่อเดินทางมาถึง ก็ต้องพยายามหาที่จอดรถให้ชิดขอบทางมากที่สุด เนื่องจากเป็นถนนเส้นแคบๆ จึงต้องเผื่อพื้นที่ให้รถวิ่งสวนผ่านไปได้ หลังจากหาที่จอดรถได้ ก็พากันเดินเข้าพื้นที่ ซึ่งมีความรกพอสมควร ถ้าพากันมายามเย็นโพล้เพล้ รับรองว่าไม่ขอเข้าแน่นอน เพียงแค่ทางเข้า ผมก็เห็นรูปปั้นนักเรียน ก็เล่นเอาหลอนแล้วหล่ะครับ ในใจก็คิดว่า จะเข้าไปดีมั้ย เพราะกลัวๆกล้าๆ สาระพัด ทั้งเรื่องราวอาถรรพ์ (ที่ผมมโนไปล่วงหน้าแระ) แค่ทางเข้าก็เล่นเอาผมหลอนแล้วหล่ะครับ แต่ด้วยมีผู้นำทีม ที่คุ้นเคยสถานที่มาด้วย จึงขอลุย ไหนๆก็มากันแล้ว ขอไม่เสียเที่ยวแล้วกัน แค่ทางเข้าก็พบกับรูปปั้นต่างๆมากมาย ดูแล้วไม่ค่อยเป็นแบบแผนเท่าไหร่นัก ดูแล้วก็หลอนแท้ๆ ต้องขอบอกเรื่องราวสักเล็กน้อยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ผมมีข้อมูลน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย แต่ก็ได้รับฟังเรื่องราวว่าในอดีตนั้น พระอาจารย์ซ่วนเป็นพระที่ได้รับความศรัทธาจากคนในท้องถิ่น เพราะท่านจะเด่นในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ ดูดวง ทำให้มีผู้คนที่มีความเชื่อด้านนี้เดินทางมาพบพระอาจารย์ซ่วนอย่างไม่ขาดสาย พระอาจารย์ซ่วนท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านเมตตามหานิยมและเป็นพระหมอดูที่มีชื่อเสียงมาก ซึ่งมักจะมีคนจากต่างถิ่นมาขอให้ท่านดูดวงให้ ขณะเดียวกันท่านก็จะให้สะเดาะเคราะห์ด้วยการสร้างพระและรูปเทพองค์ต่างๆ ชนิดที่เรียกว่าเกือบจะไม่มีที่เดิน การสร้างพระสร้างเทพในสมัยนั้นไม่ได้มีการวางแผน ใครนึกจะสร้างตรงไหนก็สร้าง การเริ่มปั้นพระและเทพแก้บนน่าจะเริ่มในช่วงปี พ.ศ. 2510 – 2525 นอกจากรูปปั้นเทพ ก็ยังพบว่ามีรูปปั้นเปรต… Read More »