สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมบรรยากาศตามรอยหลวงพ่อจง พุทธัสสโร แห่งวัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่หลายๆท่านก็คงจะรู้จักกันดี เนื่องจากท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา และมีกิตติศัพท์โดดเด่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมัยนั้น จะมีพระเถราจารย์ที่ชาวบ้านให้ความศรัทธาและติดปากกันว่า “จาด-จง-คง-อี๋”
ได้แก่หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ
ผมจึงได้ถือโอกาสนี้ ที่จะเดินทางไปวัดหน้าต่าง เพื่อไปชมบรรยากาศและกราบไหว้ระลึกถึงคุณหลวงพ่อจง
ทางเข้าวัดหน้าต่างนอก
วัดหน้าต่างนอก ตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา หรือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐ โดย หลวงปู่เณร เป็นผู้ก่อตั้ง วัดหน้าต่างนอกได้รับการรับรองสภาพวัดจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หนังสือรับรองที่ พศ ๐๐๐๓/๖๒๐๕ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยมี นางบุญศรี พานะจิตต์ เป็นรองผู้อำนวยการ ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เซ็นรับรอง
เหตุที่ชื่อ “วัดหน้าต่างนอก” ก็มีการสันนิษฐานมาจากเหตุ ๒ ประการ คือ ประการที่ ๑ ในสมัยนั้นกองทัพพม่าที่ยกมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้ตั้งค่ายใกล้กับสะพานสีกุก ทางกองทัพกรุงศรีอยุธยาก็ได้ให้ทหารหน่วยสอดแนมสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของกองทัพพม่า โดยให้ดูด้วยการเปิดหน้าต่าง หน้าต่างใน หมายถึง ใกล้ชายแม่น้ำน้อย ก็คือตรงที่ตั้งวัดหน้าต่างใน ส่วน หน้าต่างนอก ก็หมายถึง ทางนอกทุ่ง ก็คือที่ตั้งวัดหน้าต่างนอก ประการที่ ๒ ในสมัยนั้น พระภิกษุสงฆ์ท่านมีความเคร่งครัดในแนวทางปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน และได้มีการมีการสันนิษฐานว่า เดิมทีตรงที่ตั้งวัดหน้าต่างนอก เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของวัดหน้าต่างใน ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นที่สำหรับปฎิบัติธรรมกัมมัฏฐาน และ คงจะมีการสร้างเสนาสนะขึ้นด้วย เพื่อความสดวกในการปฏิบัติ ต่อมา หลวงปู่เณร จึงได้ตั้งเป็นวัดขึ้น อาจจะตั้งชื่อวัดโดยอรรถโดยธรรมก็ได้ เช่น วัดหน้าต่างนอก ท่านหมายเอาอายตนะภายนอก คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธัมมารมณ์ วัดหน้าต่างใน ท่านหมายเอา อายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ภาพเปรียบเทียบทางเข้าวัดในอดีต
ผมได้ภาพทางเข้าวัดในอดีตมาจากหนังสือเก่า เลยนำมาลงให้ชมกันด้วยครับ
พระเจดีย์
เมื่อผมเดินเข้ามาในวัดหน้าต่างนอก ก็เห็นความโดดเด่นของพระเจดีย์หน้าวัด ซึ่งมองดูแล้วก็คล้ายๆกับพระธาตุพนมเลยครับ
พระเจดีย์
พระพุทธฉายจำลอง
ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปกราบรูปหล่อหลวงพ่อจง ผมก็ได้เดินมาฝั่งตรงข้าม เพื่อดูรอยอดีต ซึ่งปัจจุบันก็มีการบูรณะไปทั้งหมด ดูสีสวยสด ได้แก่พระพุทธฉายจำลอง เรือ และเจดีย์
พระพุทธฉายจำลอง ในอดีต
รูปนี้คือรูปพระพุทธฉายจำลองเปรียบเทียบในอดีตกับปัจจุบัน(ปี 2559) … จุดนี้ได้ปรากฏในหนังสือพระอภิญญา เมื่อครั้งมีขโมยได้แอบมาลักขโมยเรือแจวของหลวงพ่อจง แต่ท่านก็เมตตามอบให้ขโมยไปโดยกล่าวว่า…
“เอาไปเถอะนะ ฉันหาใหม่ได้ ถ้าไม่มีสตางค์ คืนนี้ ตี 4 ให้ไปที่พระพุทธฉายจำลอง เทวดา นางไม้ตรงนั้น เขาจะสงเคราะห์ให้ จงเอาไปเถิด จะได้ตั้งตัวได้ แล้วจะได้เลิกเป็นโจร เพราะการลักของวัดเป็นบาปหนัก หลวงพ่อไม่อยากให้เป็นบาปกับเธอ”
ขโมยคนนั้นถึงกับร้องไห้โฮแล้วก้มลงกราบหลวงพ่อจงแล้วถวายเรือคืน จากนั้นอีกไม่นาน ขโมยคนนี้ก็ได้เข้ามากราบและขอบวชกับหลวงพ่อจง ภายในพรรษาเดียวเท่านั้น ก็ได้สำเร็จอภิญญา
หลวงพ่อจงจึงเรียกมาพบ และได้บอกว่า นับจากนี้ เธอจงเข้าป่าออกธุดงค์เพื่อขจัดกิเลส เทวดาเขาจะสงเคราะห์ ชาติภพของเธอสิ้นสุดแล้วในอีก 3 พรรษาข้างหน้า ไปเถิดลูกเอ๋ย…
พระรูปนี้แต่เดิมเคยเป็นขโมยแล้วกลับใจกลายเป็นพระอภิญญา เกิดความปลาบปลื้มใจจนระงับน้ำตาออกมาไม่ได้ ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อจง
จากนั้นจึงได้กราบลาหลวงพ่อจงไปแสวงธรรมในป่าและไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย…
เรือหงส์
ภาพเรือหงส์ในอดีต
เศษซากพระพุทธรูป
พระพุทธรูปหน้าวัด
เรือหลวงพ่อจง
หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปในวิหารหลวงพ่อจง เพื่อทำการกราบไหว้บูชารูปหล่อหลวงพ่อจง และบูชาวัตถุมงคลกลับมาเพื่อเป็นสิริมงคล
จุดให้บูชาวัตถุมงคล
เข้าวิหารหลวงพ่อจง
รูปหล่อหลวงพ่อจง
ของใช้หลวงพ่อจง
บรรยากาศในวัด
หลวงพ่อจง พุทธัสสโร
หลวงพ่อจง ท่านเกิดเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ. 2415 ตรงกับต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาชื่อ ยอด มารดาชื่อ ขริบ เป็นชาวอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุ 11 ปี บิดาได้จัดการบรรพชาเป็นสามเณรให้ที่ วัดหน้าต่างในครั้นอายุครบ 21 ปี ได้ทำการอุปสมบท โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อินทร์ วัดหน้าต่างนอก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โพธิ์ วัดหน้าต่างใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พุทฺธสโรอุปสมบทแล้วอยู่จำพรรษาที่วัดหน้าต่างใน เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนวิทยาคมต่างๆ กับหลวงพ่อสุ่นและพระอาจารย์โพธิ์ ซึ่งในสมัยนั้น พระสงฆ์สองรูปนี้มีชื่อเสียงเป็นที่นับถือกันอย่างกว้างขวาง ต่อมาอีกระยะหนึ่งท่านจึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดหน้าต่างนอก ในปี พ.ศ. 2450 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าต่างนอก ท่านถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมสิริอายุได้ 93 ปี 10 เดือน 17 วัน ครองสมณเพศได้ 72 พรรษา
บทส่งท้าย
หลวงพ่อจง ท่านเป็นสหายธรรมที่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อปาน โสนันโท แห่งวัดบางนมโค เนื่องจากมีพระอาจารย์รูปเดียวกันคือหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ และหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล
หลวงพ่อปานได้กล่าวกับคณะศิษย์เสมอว่า หลวงพ่อจงเป็นพระทองคำ มีเมตตาและเป็นพระอริยะรูปหนึ่ง ถ้าใครได้สนทนาธรรมด้วยถือว่าเป็นบุญบารมีของผู้นั้น … ในเรื่องความเมตตาของหลวงพ่อจงนั้น ท่านได้เมตตาต่อเหล่าสาธุชนมาโดยตลอด แม้ว่าใครจะนิมนต์หลวงพ่อจงก็ไปโดยไม่ขัดข้อง อีกทั้งยังมีเรื่องราวอภิญญาจิต มากมายที่เกี่ยวกับท่าน อาทิเช่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทางกองทัพอากาศได้นิมนต์หลวงพ่อจงขึ้นเครื่อวบินไปทำพิธีโปรยดอกไม้บนอากาศ ซึ่งก็เกิดเหตุอัศจรรย์ที่ไม่เกิดเหตุร้ายในพื้นที่นั้นๆ
ยกตัวอย่างเรื่องราวอภิญญาที่โด่งดังเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้ประสบพบเจอโดยตรงก็คือเรื่องราวการย่นระยะทางของหลวงพ่อจง ที่ใช้เวลาไม่นานแต่ก็สามารถเดินทางมาถึงวัดบางนมโคไม่ถึง 15 นาที ซึ่งผมจะเล่าเรื่องราวผ่านคลิปบนยูทูปแทนนะครับ … โอกาสหน้ากลับมาพบกันใหม่ สวัสดี…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก www.faiththaistory.com