วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปตามรอยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต วัดน้ำฉ่า หรือทางการเรียกว่า วัดบูรณะศรัทธาธรรม อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ ได้รับการแนะนำจากคุณอัฐพงษ์ บุญสร้าง ที่ชำนาญเส้นทางในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นอย่างดี
คุณอัฐพงษ์ เล่าว่า ตำนานหลวงพ่อโต มีความเชื่อว่าดวงพระเนตรของท่านเป็นนิล แต่มีคนแอบมาขโมยดวงพระเนตรหลวงพ่อโตไป และมีลักษณะเหมือนน้ำตาไหลออก
ต่อมาทางกรมศิลปากร ได้มาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงตำนานเล่าขานกันมาเท่านั้น และจากการสังเกตุภายในดวงพระเนตร เหมือนมีลักษณะของอักษรโบราณคล้ายตัว ป.ปลา อีกด้วย
ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อโต ได้ประดิษฐานในมณฑปที่สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณของพระอุโบสถหลังเดิม แต่ในวันที่ผมเดินทางไปนั้น มณฑปได้ถูกปิด ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงได้แต่เพียงถ่ายภาพบรรยากาศภายนอกเท่านั้น
จุดจอดรถของผมจะอยู่บริเวณหน้าพระอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งคุณอัฐพงษ์ได้เล่าว่า พระอุโบสถหลังเก่าจะสร้างใกล้เคียงกัน
จุดที่สำคัญในการเดินทางครั้งนี้ คือหลวงพ่อโต ในมณฑป แต่น่าเสียดายที่เข้าไปไม่ได้ จึงได้ทำการถ่ายรูปลอดผ่านประตูกระจกให้ได้ชมกันเท่านั้น
องค์หลวงพ่อโต องค์จริงจะประดิษฐานด้านหลังองค์เล็กที่สร้างจำลองขึ้น เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เรื่องราวตำนานแต่เดิมชาวบ้านเชื่อว่า ดวงพระเนตรของหลวงพ่อโตเป็นนิลแต่ถูกลักขโมยไป และเกิดลักษณะมีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งเป็นตำนานเล่าขานกันมาแต่นมนานแล้ว และถ้าได้เพ่งมองเข้าไปในพระเนตรของหลวงพ่อโต จะพบว่ามีอักษรโบราณ ลักษณะคล้าย ป.ปลา ในดวงพระเนตรทั้งสองข้างด้วย
อีกทั้ง มีความเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาการเกณฑ์ทหาร มักจะมีชายไทยมาบนบานด้วยหนังตลุง เพื่อไม่ให้ติดทหารเกณฑ์อีกด้วย (โปรดใช้วิจารณญาณ)
ตามเอกสารประวัติวัดน้ำฉ่า ลงวันที่ 13 มิถุนายน รศ.126 (ตรงกับปี พ.ศ.2451) พระกำพูชาชาญศึกพร้อมด้วยเจ้าอธิการและทายก ได้ปักกำหนดเขตพระอุโบสถกระทำกิจผูกพัทธสีมา ตามพระบรมราชานุญาต
เมื่อผมได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับวัดน้ำฉ่าพอสมควร จึงเดินดูภายในบริเวณวัด
ผมเดินชมบริเวณที่เคยตั้งพระอุโบสถเดิม ซึงปัจจุบันไม่เห็นร่องรอย นอกจากการสอบถามและค้นหาข้อมูล จึงจะทราบเรื่องนี้ และเป็นสถานที่ตั้งศาลหลวงปู่ฤาษีนารอด ศีลา ในปัจจุบัน
จากนั้นผมก็เดินไปอีกฝั่งของพระอุโบสถหลังใหม่
เมื่อเดินไปอีกฝั่งของพระอุโบสถหลังใหม่ จะพบรูปปั้นพระสังกัจจายน์ ที่มีเรื่องเล่าว่า ชาวบ้านพบที่ไร่สับปะรด โดยช่วงแรกยังไม่ได้นำมาประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์ และเกิดปัญหาฝนแล้งในท้องถิ่น… ชาวบ้านจึงเชื่อว่าเกิดจากองค์พระสังกัจจายน์ที่อยู่ในไร่สับปะรด จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ใต้ต้นโพธิ์ในวัดน้ำฉ่า…และไม่เกิดปัญหาฝนแล้งขึ้นมาอีกเลย (เป็นเรื่องราวความเชื่อในท้องถิ่น เท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณ)
ส่วนรูปปั้นแม่นางกวัก แอดมินไม่ทราบความเป็นมานะครับ
และใกล้เคียงกัน จะมีลำต้นตะเคียนวางไว้ใต้ต้นโพธิ์ด้วย…จากข้อมูล ในเขตอำเภอดงน้อย จะมีต้นตะเคียนปลูกขึ้นเยอะกระจายทั่วบริเวณ เมื่อมีการทำเกษตรกรรม จึงมักจะพบซากต้นตะเคียนใต้ดิน
ผมใช้เวลาที่วัดน้ำฉ่าไม่นานนัก แต่ก็ได้รับทราบข้อมูลและตำนานความศรัทธาและความเชื่อของชาวบ้านมามากพอสมควร และจึงเดินทางไปท่องเที่ยวตามรอยในเขต อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไป
ขอขอบพระคุณการติดตามอ่านบทความด้วยครับ โอกาสต่อไป เรียนเชิญมาพบกันในบทความต่อๆไปนะครับ สวัสดี…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory