Faiththaistory.com

พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง หลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม

วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม

คำกล่าวที่ว่า “พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง” เป็นคำกล่าวของหลวงตามหาบัว ที่มีต่อองค์หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ซึ่งเป็นการยืนยันได้อย่างชัดเจนในเรื่องของการเข้าถึงหลักธรรมของหลวงปู่เจี๊ยะ โดยส่วนตัวของผมเองนั้น มารู้จักชื่อเสียงของหลวงปู่เจี๊ยะก็หลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้ว ทำให้ผมรู้สึกเสียดายอย่างมากที่ไม่มีโอกาสไปนมัสการตอนที่ท่านยังอยู่

ผมจึงได้มีโอกาสเพียงเดินทางไปวัดป่าภูริทัตตปฏิปทารามในสมัยที่ท่านไม่ได้อยู่แล้วเท่านั้น

จุดเด่นของวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม คือ ภูริทัตตเจดีย์ ที่หลวงปู่เจี๊ยะ ได้สร้างเพื่อระลึกถึงคุณของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านนั่นเอง และเพื่อวัตถุประสงค์ในการบรรจุพระทันตธาตุของหลวงปู่มั่น

สำหรับท่านที่จะเดินทางมาที่วัด จะได้มีโอกาสได้กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุหลายองค์ซึ่งได้ประดิษฐานบนเจดีย์แห่งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีต่อพุทธศาสนิกชน ผู้มีความศรัทธาที่จะได้กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลกันต่อไป

ทำไมจึงควรเดินทางมาที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม

1. เพื่อระลึกถึงคุณธรรรมของพระสงฆ์ ผู้ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติในธรรม

2. เพื่อกราบไว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ และ พระอรหันตธาตุในสมัยพุทธกาล และครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่น หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เป็นต้น

ทุกครั้งที่ผมได้เดินทางมาที่วัด จะรับรู้ถึงความสงบ เนื่องจากผู้คนไม่ได้พลุกพล่าน ส่วนพระสงฆ์ก็แยกย้ายกันปฏิบัติธรรมจึงไม่ค่อยได้เห็นพระสงฆ์ภายในวัดนัก ในพื้นที่วัดนอกจากมีความสงบแล้ว ยังมีความร่มรื่นของต้นไม้ในพื้นที่วัด และผู้ที่มีความศรัทธาก็สามารถที่จะมานั่งสมาธิกันได้ในองค์พระเจดีย์กันได้ โดยทางวัดได้จัดพัดลมหลายเครื่องไว้สำหรับผู้ที่จะมานั่งสมาธิได้ใช้ระบายความร้อน

การเดินทาง

1. ขึ้นทางด่วนปากเกร็ด-บางปะอิน มุ่งหน้าไปลงสุดทางด่วนที่ถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก
(ทางหลวงหมายเลข 9) จากนั้นเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางอำเภอบางบัวทอง เมื่อถึงสะพานรถข้าม
ซ้ายไปอำเภอสามโคก ขวาไปอำเภอเสนา วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารามอยู่ขวามือใกล้เชิงสะพาน

2. มาจากอำเภอบางบัวทอง วิ่งถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) ก่อนถึงสะพานถนนข้าม
ซ้ายมือไปอำเภอเสนา ขวามือไปอำเภอสามโคก วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารามตั้งอยู่ซ้ายมือก่อนถึงสะพาน

3. มาจากถนนติวานนท์หรือมาจากรังสิต ให้มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนหมายเลข 346 จากนั้นวิ่งถึงสี่แยก
ให้มุ่งเข้าสู่ถนนหมายเลข 3111 ที่ระบุว่าไปอำเภอสามโคก ไปอำเภอเสนา เมื่อมาถึงสะพานที่จะ
มุ่งหน้าข้ามไปอำเภอเสนา (ไม่ต้องขึ้น) ให้เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แล้วรีบกลับรถ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทารามอยู่ฝั่งตรงข้าม ตั้งอยู่บนถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9)

แผนที่ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จังหวัดปทุมธานี

ที่มา : www.dhammajak.net

ป้ายทางเข้าวัดวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม

 

ป้ายทางเข้าวัดวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม

ซุ้มประตูเข้าวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม

ถนนทางเข้าเมื่อผ่านซุ้มประตูวัด

เมื่อผ่านเข้าซุ้มประตูวัดก็จะสามารถสัมผัสถึงความสงบร่มเย็นแล้วหล่ะครับ

ภูริทัตตเจดีย์ วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539

บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวางสามารถหาร่มไม้สำหรับจอดรถกันได้ตามสะดวกเลยครับ และเราก็จะพบกับภูริทัตตเจดีย์ที่สวยงาม ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุพระทันตธาตุของหลวงปู่มั่น และยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุอีกหลายองค์ ทั้งในสมัยพุทธกาลและหลังพุทธกาล

ภูริทัตตเจดีย์

บรรยากาศด้านนอก ภูริทัตตเจดีย์

ภายในเจดีย์ มักจะพบผู้ที่มาฝึกนั่งสมาธิอยู่เสมอครับ

ผู้ศรัทธาที่มานั่งสมาธิในเจดีย์

สำหรับท่านที่สนใจหาความสงบ และนั่งสมาธิสามารถที่จะมานั่งสมาธิด้านในเจดีย์กันได้ โดยทางวัดได้จัดสรร พัดลมมาให้เพื่อระบายความร้อนหลายเครื่อง แต่เท่าที่ผมเดินเข้ามา บรรยากาศก็ไม่ได้ร้อนมากมายอะไรนัก

พระพุทธประธานด้านใน

ช่วงที่ผมได้เดินเข้ามาในเจดีย์ ก็ได้พบกับพระสงฆ์กำลังท่องบทสวดมนต์กันอยู่

ประดิษฐานพระอัฐิธาตุหลวงปู่เจี๊ยะ

พระอัฐิธาตุหลวงปู่เจี๊ยะ

ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุหลายองค์

นอกจากประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังประดิษฐานพระอรหันตธาตุและพระอัฐิธาตุของครูบาอาจารย์อีกหลายองค์

สำหรับท่านที่มีความประสงค์จะกราบไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นสิริมงคล ผมขอรับรองเลยว่าท่านจะไม่ผิดหวังเลย

รูปถ่ายขนาดใหญ่ของหลวงปู่เจี๊ยะ

จัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและเครื่องใช้อดิเรกของหลวงปู่เจี๊ยะ

จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ของหลวงปู่เจี๊ยะ

สำหรับประวัติของหลวงปู่เจี๊ยะนั้นมีกล่าวไว้ค่อนข้างยาว ผมจึงได้คัดลอกเนื้อหาอย่างย่อจากคำอธิบายในวัดมาให้อ่านกันดังนี้

ประวัติหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท (อย่างย่อ)

ชาติกำเนิด และปฐมวัย หลวงปู่เจี๊ยะ

กำเนิดในสกุลโพธิกิจ (แซ่อึ๊ง) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 6 ค่ำ ปีมะโรง ที่บ้านคลองน้ำเค็ม ต.คลองน้ำเค็ม อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี โยมบิดาชื่อ ซุ่นแช โยมมารดาชื่อ แฟ โพธิกิจ (แซ่อึ๊ง) มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน โดยหลวงปู่เจี๊ยะ เป็นบุตรคนที่ 4 ท่านเรียนจบประถม 4 ที่โรงเรียนวัดหนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี

การอุปสมบท
หลวงปู่ได้บวชเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 อายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดจันทนาราม อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมีพระครูครุนารถสมาจาร (เศียร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์พิหารการ (เชย) เป็นพระกรรมวาจาขารย์ ท่านพ่อลี ธัมมธโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จุนโท” แปลว่า “ผู้หมดกิเลสเครื่องร้อยรัด”

หลวงปู่กงมาแก้จิต
ในพรรษาที่ 1 -2 หลวงปู่กงมาให้ภาวนา และเดินจงกรมอย่างเอาเป็นเอาตาย จนเกิดธรรมปิติขึ้น หลวงปู่กงมาแก้จิตให้ว่า “ ท่านเจี๊ยะ จิตที่ท่านเป็นอยู่เวลานี้ มันเป็นเพียงปิติที่เดิดขึ้นภายในจิตอย่างแรงกล้า ขอให้ท่านกลับไปภาวนาพุทโธต่อใหม่ ถ้าท่านปฏิบัติตามนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจจะหายไปเอง หลังจากนั้นให้ท่านพิจารณากายโดยการตีให้แตกด้วยอริยสัจ” และหลังจากนั้น ท่านได้ปฏิบัติตามที่หลวงปู่กงมาสอน ปิติก็ได้หายไปจริงๆ ยิ่งพิจารณา ยิ่งรู้เห็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ในพรรษาที่ 3 หลังออกพรรษา ท่านได้กราบลาหลวงปู่กงมา และพ่อท่านลี เพื่อเดินทางไปปฏิบัติกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่จังหวัดเชียงใหม่

เดินทางตามหาหลวงปู่มั่น
หลวงปู่เจี๊ยะได้พบหลวงปู่มั่นที่วัดร้างป่าแดง (ปัจจุบันคือ วัดป่าพระอาจารย์มั่น บ้านแม่กอย ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่) เมื่อท่านได้พบกับหลวงปู่มั่นแล้ว ท่านได้เข้ากราบแล้วเล่าถึงการภาวนาถวายองค์หลวงปู่มั่น ซึ่งหลวงปู่มั่นท่านก็ได้นั่งเฉย นิ่งเงียบ และกล่าวว่าให้ทำอย่างเดิมนั่นแหละดีแล้ว จากนั้นก็ให้โอวาท และรับหลวงปู่เจี๊ยะเป็นศิษย์

ฟันหลวงปู่มั่นหลุด
หลังจากนั้นอีก 3 -4 วันต่อมา หลวงปู่เจี๊ยะได้นำน้ำล้างหน้าไปถวายหลวงปู่มั่นในตอนเช้า ในขณะที่หลวงปู่มั่นได้ใช้ไม้ชำระฟันอยู่ และเกิดฟันกรามหลุด และได้มอบให้หลวงปู่เจี๊ยะไว้ตั้งแต่นั้นมา

ฟันหลวงปู่มั่น

อุปัฏฐากองค์หลวงปู่เสาร์
ครั้งหลวงปู่เสาร์ท่านอาพาธหนัก องค์หลวงปู่มั่นได้สั่งให้หลวงปู่เจี๊ยะไปดูแลอุปัฏฐากอาการอาพาธ หลวงปู่เจี๊ยะไปรอรับหลวงปู่เสาร์ที่วัดอำมาตย์ แขวงจำปาสัก ประเทศลาว ขณะนั้นหลวงปู่เสาร์ท่านได้อาพาธหนักมากแล้ว ในขณะที่หลวงปู่เสาร์ กราบพระประธานในพระอุโบสถลงครั้งที่ 3 สังเกตเห็นท่านกราบนานกว่าปกติ หลวงปู่เจี๊ยะจึงได้นำท่านมาอยู่ในอริยาบทนอน ท่านก็ได้หายใจยาวๆ 3 ครั้ง และท่านก็ได้มรณภาพลง เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 (สิริอายุรวม 83 ปี)

ธุดงค์ลงใต้
ในปี พ.ศ. 2492 พรรษาที่ 13 หลังออกพรรษา หลวงปู่เจี๊ยะ ได้ธุดงค์ไปจังหวัดนครศรีธรรมราช พักที่วัดมเหยงค์ และเดินทางต่อไปที่ จังหวัดสงขลา เข้าพักที่วัดควนจง – เขาล้อม และวัดควนมิตร ซึ่งล้วนเป็ยวัดที่พ่อท่านลีได้เคยจำพรรษาอยู่

ศึกษาธรรมะ กับหลวงปู่ขาว พ.ศ. 2507 – 2509 (พรรษาที่ 29)

เป็นเจ้าอาวาสวัญาณสังวราราม
ปลายปี พ.ศ. 2519 ในพรรษาที่ 40 สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวัฑฒโน) วัดบวรนิเวศ ขณะนั้นยังไม่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราช ได้นิมนต์ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ท่านได้จำพรรษาที่วัดญาณสังวรารามในปี พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2521

องค์หลวงตามหาบัวนิมนต์หลวงปู่เจี๊ยะ
ในปี พ.ศ. 2526 แม่ชีสมปอง เจริญไทยทวี ได้ถวายที่ดินจำนวน 40 ไร่ ที่บ้านคลองสระ ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี แด่องค์หลวงตามหาบัวเพื่อสร้างวัด และได้นิมนต์หลวงปู่เจี๊ยะมาอยู่จำพรรษา ต่อมาคณะศิษย์ได้ร่วมกันซื้อที่ดินเพิ่ม รวมเป็น 146 ไร่ 3 งาน

ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์
หลวงปู่เจี๊ยะท่านได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง จนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสุทธิธรรมรังสีเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2535

สร้างภูริทัตตเจดีย์
หลวงปู่เจี๊ยะได้ระลึกถึงคุณหลวงปู่มั่นเสมอมาและได้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระทันตธาตุของหลวงปู่มั่น เมื่อครั้งที่ท่านได้รับและเก็บรักษาไว้อย่างดี โดยวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539

หลวงตามหาบัว ในพิธีบรรจุทันตธาตุ (ฟัน) หลวงปู่มั่น ณ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จ.ปทุมธานี 21-07-2545

อาพาธหนัก ปี พ.ศ. 2544
เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ส. 2544 เวลาประมาณ ตี 4 ท่านได้ตื่นจากจำวัดและออกกำลังกายตามปกติ เกิดอาการชา ลิ้นแข็ง พูดไม่ได้ คณะศิษย์รีบนำส่งโรงพยาบาลศิริราช แพทย์ตรวจพบว่าท่านมีเลือดคั่งในสมอง จึงได้ทำการผ่าตัด ท่านได้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือน เมื่ออาการทรงตัวคณะสิษย์จึงนิมนต์ท่านกลับวัด โดยมีพระอุปัฏฐากท่านอย่างใกล้ชิด

วาระสุดท้าย
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2547 มีอาการเหนื่อยมาก พบว่ามีน้ำในเยื่อหุ้มปอดทั้งสองข้าง จึงเจาะและดูดออก จนเวลาประมาณ 22.55 น. ท่านได้ละสังขาร อย่างสงบ สิริรวมอายุ 88 ปี 2 เดือน 17 วัน 68 พรรษา ตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 9 ปีวอก

โอวาทธรรมของหลวงปู่เจี๊ยะ
เมื่อฐานของสมาธิมั่นคงดีแล้ว ให้ถอยออกมาหัดพิจารณา ตัดตามอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายของเรานี้ เช่น ตัดตามข้อนิ้วมือถึงนิ้วเท้า ตัดแก้มซ้ายและขวา ตัดลิ้น ตัดฟันจนทั่วร่างกายให้มันหลุดออกไปเลย หลายๆรอบ โดยไม่มีนิวรณ์เข้ามาแทรกแซง ให้พิจารณามากๆเข้า เกิดความเบื่อหน่ายสังเวชสลดใจ แยกเวทนา นั่งสงบสบายเฉย จากนั้นให้ถอยกลับเข้ามาพิจารณาอีก ทำอยู่อย่างนั้นจนแจ้งชัดในหัวใจผู้ปฏิบัติ อย่างนี้เรียกว่าเดินปัญญาอันแท้จริง เหนือสิ่งที่ว่า “รู้” ขึ้นไปอีก เห็นตัวจิตผู้ที่ไปขึดไว้ชัดเจน ไม่เกี่ยวของกับกาย กับเวทนา ต่างคนต่างอยู่ เห็นเอง สันทิฏฐิโก พึ่งตนเองได้

 

ในความรู้สึกส่วนตัว ผมรู้สึกประทับใจในความสงบของวัดแห่งนี้มาก และมักที่จะวนเวียนมาอยู่เรื่อยๆ จึงขอเชิญชวนให้ลองมาเที่ยวทำบุญกันที่วัดแห่งนี้ แม้จะไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากมายนัก แต่ผมคิดว่าสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ และสงบ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหลวงปู่เจี๊ยะ ที่ให้เน้นการปฏิบัติเป็นหลัก และทางวัดก็สืบทอดเจตนารมณ์ของหลวงปู่เจี๊ยะเสมอมา

 

ฟังแอดมินเล่าเรื่อง


https://youtu.be/Y67m49sH-Gg


https://youtu.be/5JxW-7pbb6M

วีดีโอสารคดีบทเพลงพระอรหันต์ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จังหวัดปทุมธานี…
สารคดีที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่เจี๊ยะ…

ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด

ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108

หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory

Exit mobile version