สวัสดีครับเรามาเดินทางไปต่อกับเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด ตามรอยตำนานลพบุรี ตอนเจ้ากงจีนกันต่อ บทความก่อนหน้านี้ผมพาทุกท่านเดินทางไปที่วัดราชบรรทม (เขาตะเภา) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องกันในตำนานลพบุรี โยงมาถึงวัดเขาจรเข้ ที่ผมกำลังจะพาทุกท่านเดินทางไป
วัดเขาจรเข้ตั้งอยู่ที่อำเภอโคกสำโรง ไม่ห่างจากวัดราชบรรทมมากนัก ราวๆไม่เกิน 3 กิโลเมตร จะเห็นเส้นแนวภูเขาใกล้เคียงกันอย่างชัดเจน มีลักษณะคล้ายหัวจรเข้ ทอดตัวยาวไป
วัดเขาจรเข้ ถ้าเรามองจากระยะไกลๆ จะมองคล้ายหัวจระเข้พาดตัวยาว ใกล้เคียงกับเขาตะเภา จึงมีตำนานที่เกี่ยวเนื่องกัน
เขาจรเข้ มีความสูงไม่มากนัก เท่าที่ผมกะประมาณด้วยสายตา น่าจะมีจำนวนขั้นบันได้ราวๆ 100 ขั้นเท่านั้น ซึ่งถือว่าสบายมากในการเดินขึ้นไปครับ
เมื่อเดินขึ้นถึงจุดหมาย แล้วมองไปเบื้องหน้าเราจะมองเห็นเขาตะเภา ซึ่งมีลักษณะเหมือนท้องเรือสำเภาคว่ำอยู่ครับ
เมื่อเดินขึ้นมาถึงจุดหมาย ต้องบอกว่าบรรยากาศตอนนี้ช่างร้อนซะเหลือเกิน เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาราวๆ เที่ยงกว่าๆ พอมีร่มไม้ให้นั่งพักอยู่ 1 ต้น ต่างคนก็ต่างเดินชมบรรยากาศโดยทั่วไป
สภาพด้านบนเงียบมากเพราะมีเพียงผมและกลุ่มเพียง 3 คนเท่านั้น อาจจะเป็นเพราะเนื่องจากปัจจุบันกำลังทำการก่อสร้างบันไดทางขึ้นไหว้พระด้านบน จึงทำให้มีผู้คนเดินทางมากันน้อย
สำหรับท่านที่จะเดินทางมาชมบรรยากาศ ก็สามารถเดินทางมาได้ปกตินะครับ เพราะการก่อสร้างนั้นเกิน 90% ไปแล้วหล่ะครับ
บรรยากาศด้านบนแม้จะร้อนแรงจากแสงแดด แต่พวกเราก็มีความสุขใจและอิ่มเอมใจเสมอในการเดินทาง ถ้าจะให้นอนพักผ่อนที่บ้านคงจะเซ็งเต็มทน ต้องบอกตามตรงว่าพวกเราเสพติดการท่องเที่ยวไปแล้วหล่ะครับ
ด้านบนจะมีวิหาร แต่เราไม่สามารถเดินเข้าไปได้เพราะถูกล็อคอยู่จึงได้แต่เพียงเดินวนเวียนด้านนอกเท่านั้น แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะเรียกว่าบังเอิญหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ ถ้าเราได้ใช้เวลาในวิหารนานกว่านี้คงมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสูญเสียเรื่องราวมีอยู่ว่า มีน้องในกลุ่มคนหนึ่งเดินไปยังบ่อน้ำปูนซีเมนต์ ที่อยู่หน้าวิหาร ภายในมีน้ำปริมาณหนึ่ง สังเกตุเห็นสิ่งมีชีวิตดำผุดดำว่าย มามองไปก็แน่ชัดแล้วว่ามันคือเจ้าพังพอนที่ตกลงไปในบ่อน้ำแล้วพยายามว่ายน้ำเอาตัวรอด จึงได้เกิดภารกิจเล็กๆในการเร่งมือช่วยชีวิตมันทันที
ได้ช่วยชีวิตเล็กๆระหว่างการเดินทางขึ้นเขาไปยังวัดแห่งหนึ่งท่ามกลางแสงแดด แรงกล้า บังเอิญสมาชิกในกลุ่มได้เหลือบมองไปเห็นอ่างน้ำที่ก่อด้วยปูนซีเมนต์ เปิดฝาไว้ข้างหนึ่ง คล้ายๆมีตัวอะไรสักอย่างว่ายอยู่ จึงเดินไปดูกันใกล้ๆ ปรากฎว่าเห็นตัวพังพอนที่พลัดตกลงไปในน้ำ จากการวิเคราะห์ มันคงไม่ร้อนถึงขนาดไปว่ายน้ำเล่นแน่นอน มันกำลังว่ายน้ำเอาตัวรอดขึ้นมาจากอ่าง แต่ก็สุดวิสัยของมันที่จะขึ้นมาได้
ดูทีท่ามันอ่อนแรงเอามากๆ มีบางจังหวะจมน้ำ เห็นเพียงฟองอากาศ …ผมก็รีบหากิ่งไม้ ใกล้มืออย่างเร่งรีบ เพื่อพยุงตัวมันไม่ให้จมน้ำ แต่มันก็ยังมาแยกเขี้ยวใส่ผมอีก กะจะหนีบขึ้นมาก็ทั้งกล้าๆกลัวๆ เพราะขนาดงูมันยังกัดจนตาย แต่ที่สำคัญ สมาชิกทุกคนไม่ยอมปล่อยให้มันตายแน่นอน…พวกเราต่างเร่งรีบช่วยชีวิตมัน พยายามหาทั้งไม้ทั้งถุงกระสอบ แต่มันก็ยังมีทีท่าดุ คงคิดว่าเราจะทำร้ายมัน… สมาชิกทั้ง 3 ต่างวิ่งกระจัดกระจายหาอุปกรณ์โดยด่วน…
จังหวะที่ผมไปลากไม้ท่อนใหญ่หวังว่าจะไปพาดไว้ให้มันขึ้นมา… น้องอีกคนก็ใช้ไม้เกี่ยวตัวมันขึ้นมาและมันก็ฉลาดซะด้วยสิ ใช้กงเล็บเกาะไว้ขึ้นมาอย่างปลอดภัย… ทำให้สมาชิกทุกคนโล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
จากนั้นวางตัวมันลงบนฝาซีเมนต์ มันนอนลงอย่างอ่อนแรง ไม่ขยับตัวแต่ก็ยังมีท่าทีดุร้ายขู่เราเช่นเดิม บางจังหวะมันดูอ่อนแรงหลับตามนอนลง ท่ามกลางแสงแดดร้อน ก็คิดว่ามันคงสิ้นใจเสียแล้ว…ผมก็พยายามหาไม้ไปแหย่กระตุ้นมันเป็นบาง ครั้ง จนมันรู้สึกตัวลืมตาขึ้น…ครั้นจะหาไม้หนีบเพื่อนำตัวมันไปยังใต้ต้นไม้ ร่มๆ มันก็ดิ้นและขู่จะกัดเราอีก… ผมจึงไปหาไม้แล้วเอากระสอบมาครอบให้เป็นร่มเงา รอให้มันมีแรงต่อไป…เราอยู่ดูทีท่าของมันสักพัก ก็เริ่มเห็นมันโงหัวและหวาดระแวงเรา … จึงคิดว่ามันคงรอดตายแล้วหล่ะ… ก่อนจะกลับเราก็หาไม้ท่อนใหญ่จุ่มลงไปในน้ำ เพราะอาจจะมีสัตว์ตัวอื่นๆ หรือตัวมันเองเผลอตกลงไปอีก จะได้ไต่ขึ้นมาได้
วัดค่อนข้างเงียบ แทบไม่มีใครเดินทางขึ้นมา ถ้าเราไม่เดินกันขึ้นมามันคงต้องสิ้นชีวิตแน่นอน
สำหรับเรื่องราวของวัดเขาจรเข้นั้น ต้องบอกตามตรงว่า ผมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวัดเลย จึงสันนิษฐานว่า วัดได้สร้างขึ้นและตั้งชื่อตามชื่อภูเขาแห่งนี้ ซึ่งมีชื่อตามตำนานลพบุรี ตอนเจ้ากงจีน ผมจึงขอยกเรื่องราวตำนานลพบุรี ตอนเจ้ากงจีนมาให้อ่านกันอีกครั้ง
ตำนานลพบุรี ตอนเจ้ากงจีน
ตามตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมานานแสน นาน เมื่อครั้งที่ลพบุรีเป็นเมืองท่าสำคัญได้มีการทำการค้ากับชาวจีน โดยชาวจีนจะล่องเรือสำเภานำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกับชาวลพบุรี ครั้งหนึ่งเศรษฐีจีนที่ทำการค้า บางคนเรียกว่าเจ้ากงจีน เป็นชาวจีนที่มีบทบาทในการทำการค้าในสมัยนั้น และบ่อยๆครั้งมักจะสู่ขอหญิงสาวมาเป็นภรรยาของตนในทุกที่ ที่ตนเดินทางไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน…เศรษฐีจีนได้ตกหลุมรักนางนงประจันทร์ ชาวเมืองลพบุรี จึงได้เดินทางไปสู่ขอนางกับพ่อของนาง ฝ่ายพ่อของนางนงประจันทร์เห็นว่าสินสอดที่มาสู่ขอนั้น มีจำนวนมากจึงได้ตอบตกลงไป
ฝ่ายนางนงประจันทร์ มีคนรักอยู่แล้ว จึงไม่ได้คล้อยตามพ่อและไม่มีความต้องการที่จะแต่งงานกับเศรษฐีจีน…เรื่อง การสู่ขอนี้ ทราบไปถึงคนรักของนางนงประจันทร์ซึ่งเป็นคนที่มีวิทยาคมแก่กล้า สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ จึงได้คิดขัดขวางการสู่ขอครั้งนี้
เมื่อ ถึงฤกษ์การสู่ขอ ฝ่ายเศรษฐีจีนได้ยกขบวนเรือสำเภาเดินทางมาจากจีน ในขณะเรือใกล้จะถึงฝั่ง คนรักของนางนงประจันทร์ได้แปลงกายเป็นจรเข้ยักษ์ขวางขบวนเรือสำเภา ทำให้เรือสำเภาหันหัวเรือหลบหนีเส้นทาง ฝ่ายจรเข้เห็นว่าเรือสำเภาเปลี่ยนเส้นทางหนี จึงได้ไล่กวดเรือสำเภานั้น จนเรือใกล้ล่มฝ่ายลูกเรือจีนจึงพากันกระโจนลงจากเรือซึ่งบริเวณตรงนี้ได้ เกิด ภูเขาที่ชื่อว่า “เขาจีนโจน” และได้พากันว่ายน้ำหนีเอาตัวรอด และชะเง้อมองขันหมาที่ล่องลอยในทะเล ตรงบริเวณนั้นได้เกิดภูเขาชื่อ “เขาจีนแล” ปัจจุบัน เขาจีนโจนและเขาจีนแลอยู่ในเขตห้วยซับเหล็ก อำเภอเมืองลพบุรี และมีวัดเขาจีนแลหรือวัดเวฬุวันในลพบุรี
ส่วนเรือสำเภาได้ค่อยๆล่มลง บริเวณที่เรือสำเภาล่ม ต่อมาได้กลายเป็น “เขาตะเภา” ปัจจุบันอยู่ที่ ตำบลเพนียด อำเภอโคกสำโรง ซึ่งมีวัดราชบรรทม ตั้งอยู่ที่เชิงเขา
หลัง จากเรือสำเภาล่ม ข้าวของสินสอดมากมายได้ลอยกลางเทไปตามคลื่นลม ผ้าแพรอย่างดีที่เก็บพับมาสู่ขอได้ล่องลอยไปติดบริเวณหนึ่งและได้เกิดเป็น ภูเขาที่ชื่อ “เขาพับผ้า” หรือ “เขาหนีบ” ปัจจุบันเขาลูกนี้ตั้งอยู่ห่างเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันออกราวๆ 8 กิโลเมตร และมีวัดเขาหนีบ
ส่วนแก้วแหวนเงินทองต่างๆ ได้จมลง และได้เกิดภูเขาที่ชื่อ “เขาแก้ว” เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว… บนยอดเขามีวัดชื่อ วัดแก้วหรือวัดคีรีรัตนาราม
ตะกร้าใส่ของต่างๆ ได้ล่องลอยไปและจมลง เกิดภูเขาที่ชื่อ “เขาตะกร้า” ปัจจุบันตั้งอยู่ติดอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก และมีวัดเขาตะกร้าทอง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสุวรรณคีรีปิฎก ส่วนขนมต่างๆ ได้ลอยและจมใกล้ๆกัน เกิดภูเขาชื่อ “เขาขนมบูด” ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าเมื่อหยิบหินบริเวณนี้มาดม จะมีกลิ่นเหม็นบูด (ทริปต่อไป ผมจะไปพิสูจน์ครับ น่าสนุกดีจริงๆ ฮ่าๆ)
ที่ นี้เรามาต่อเรื่องราวของนางนงประจันทร์ซึ่งคอยเฝ้าสังเกตุการณ์บนฝั่ง ได้มองเห็นเรือสำเภาล่มลง ก็ดีใจกระโดดโลดเต้นจนพลาดตกทะเลถึงแก่ชีวิต บริเวณที่นางนงประจันทร์เสียชีวิตได้เกิดภูเขาชื่อ “เขานางประจันทร์” ต่อมาได้เพี้ยนเป็นเขาวงพระจันทร์ในปัจจุบัน และเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ ที่เหล่านักเดินทางนิยมเดินขึ้นเขาเพื่อทดสอบกำลังใจ ด้วยความสูงถึง 3,790 ขั้นบันได
ฝ่าย จระเข้ เมื่อเห็นนางนงประจันทร์ตกทะเลเสียชีวติก็เกิดความเสียใจ รวมถึงความเหน็ดเหนื่อยในการไล่ล่าเรือสำเภาจึงขาดใจตายใกล้บริเวณเรือสำเภา ล่ม เกิดเป็นภูเขาชื่อ “เขาจรเข้” ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่วัดเขาจรเข้ ใกล้กับวัดราชบรรทมที่เขาตะเภานั่นเอง
บทความจาก : www.faiththaistory.com/lopburi-legend-1
หลังจากได้ช่วยเจ้าพังพอนแล้ว เราก็พากันเดินชมบรรยากาศต่อสักพัก ก็มีเพียงสภาพแห้งๆ ของต้นไม้ใบหญ้า จึงได้พากันเดินทางลงจากเขาเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวยังเป้าหมายที่เราตั้ง กันไว้ต่อไป
ติดตามภารกิจเที่ยววัด ตามรอยตำนานลพบุรี ในวัดอื่นๆต่อไปนะครับ… สวัสดี…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด