วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยววัดเขาสมอคอน เป็นวัดที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี โดยมีพระเกจิชื่อดังคือหลวงพ่อก๋ง และหลวงพ่อบุญมีเคยเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ และที่สำคัญคือเป็นวัดที่เก่าแก่ มีตำนานเล่าขานกันมายาวนาน โดยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับเขาสมอคอนไว้ใน “ตำนานเมืองลพบุรี”
วันที่ผมเดินทางเป็นวันที่แจ่มใสมาก ของช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เว้นว่างจากงานประจำ ระยะทางก็ไม่ไกลากนักเพราะผมพักที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ที่วัดเขาสมอคอน จะมีลานจอดรถกว้างขวาง มองเห็นหนุมานแบกภูเขามาแต่ไกล ถือว่าเป็นจุดเด่นของวัดแห่งนี้เลยหล่ะครับ
ก่อนที่ผมจะพาเดินเที่ยวชมวัดเขาสมอคอนแห่งนี้ เรามารู้ตำนานคร่าวๆกันก่อน ซึ่งผมคัดลอกมาจากป้ายที่วัดดังนี้
ตำนานเขาสมอคอน
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงบันทึกเกี่ยวกับเขาสมอคอนไว้ใน ตำนานเมืองลพบุรี ตามหลักฐานจากกองจดหมายเหตุแห่งชาติ ความแก้ใหม่ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2456 ว่า
เขาสมอคอน เหมือนเกาะอยู่กลางทุ่งไปทางด้านเหนือ มีถ้ำ และมีวัดโบราณ อยู่ที่เขานี้หลายแห่ง และมีตำนานในหนังสือพงศาวดารเมืองหริภุญไชยว่า เมื่อครั้งขอมเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองละโว้ มีฤาษีตนหนึ่งชื่อ สุกะทันต์ จำศีลอยู่ที่เขาสมอคอนนี้ เป็นผู้ทูลให้พระเจ้ากรุงละโว้ตั้งนางจามเทวีราชธิดาไปครองเมืองหริภุญไชย คือ เมืองนครลำพูน ในมณฑลภาคพายัพ
ตามตำนาน เขาสมอคอนถือว่าเป็นสำนักตักศิลาสำคัญในสมัยโบราณเป็นที่อยู่ของสุกกทันตฤๅษี อาจารย์ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพระยางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา เมื่อครั้งทั้งสองพระองค์ยังทรงพระเยาว์ ได้เสด็จมาศึกษาศิลปวิทยา ณ เขาสมอคอน
ถัดมาเล็กน้อย จะเป็นพระอุโบสถ ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นักและถูกปิดอยู่ จะเปิดเมื่อมีพิธีกรรมทางศาสนา ผมจึงไม่ได้แวะเข้าไปชมด้านใน
ผมจึงเดินไปยังวิหารที่เก็บรักษาสังขารของหลวงพ่อฉลวยและหลวงพ่อบุญมี ซึ่งมีสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้ว
ภายในศาลาจะเป็นสถานที่เก็บรักษาสังขารหลวงพ่อบุญมีและหลวงพ่อฉลวยในโลงแก้ว… สังขารหลวงพ่อบุญมีจะตั้งอยู่ด้านบน ส่วนสังขารหลวงพ่อฉลวบจะตั้งอยู่ด้านล่าง ซึ่งทั้งสองรูปมีสังขารไม่เน่าเปื่อยเลยครับ
ภายในศาลาติดแอร์เย็นสบายดีครับ สำหรับท่านที่เดินทางมาร้อนๆ ถือว่าได้โอกาสนั่งพักภายในนี้ … หลังจากกราบสังขารหลวงพ่อแล้ว ผมจึงได้บริจาคปัจจัยบางส่วนไว้เป็นสังฆทานแก่วัดด้วย
จากนั้นก็เดินดูรูปเก่าๆ และวัตถุมงคลทั้งเก่าและใหม่ของวัดเขาสมอคอน
มีดอาคมหลวงพ่อบุญมีถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่นักสะสมต้องการมาก ซึ่งยังมีให้บูชาอยู่หลายเล่มครับ ตามภาพด้านบน
หลังจากที่ผมเดินดูถาพต่างๆ และวัตถุมงคลแล้ว…จึงได้เดินทางไปยังถ้ำพระนอน ซึ่งก็เป็นจุดสำคัญของวัดเขาสมอคอนเช่นกัน
พระพุทธไสยาสน์ มีขนาดความยาวๆราวๆ 10 เมตร … สันนิษฐานกันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ก็ได้รับการบูรณะสมบูรณ์ดีครับ
นอกจากพระนอนแล้ว ภายในถ้ำยังพบชิ้นส่วนแตกหักของพระพุทธรูปเก่าที่สันนิษฐานว่าเก่าแก่ในสมัยอยุธยาอยู่หลายชิ้น
หลังจากได้กราบไหว้พระพุทธรูปกันเรียบร้อยแล้ว เราก็พากันเดินลงไปยังถ้ำด้านล่าง
เมื่อลงมายังถ้ำด้านล่าง ก็จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายมณฑป มีรูปปั้นฤาษีสุกกะทันตะ ตั้งอยู่
ผมได้ทำการบูชาฤาษี เพราะท่านก็เป็นผู้ทรงศีลเช่นกัน มีศีลเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างเราๆครับ
ภายในถ้ำจะมีแสงสว่าง จากปล่องถ้ำด้านบนทำให้ไม่มืด และดูสวยงามดีครับ
นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ก็จะพบเทวรูปมากมาย ทั้งเทพในศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และพุทธ
หลังจากชมความงามของถ้ำกันจนหนำใจกันแล้ว พวกเราก็เดินขึ้นด้านบนเพื่อไปชมความงามของเจดีย์ทรงลังกา ที่สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ทิวทัศน์ด้านบน จะมองเห็นทิวเขาสมอคอนด้วยมุม 360 องศา ปะทะกับลมเย็นๆ ช่างได้บรรยากาศอันสดชื่นซะจริงๆครับ
ระหว่างการเดินชมวัด ก็มีเด็ก 2 คนเดินตามผมต้อยๆ และบอกกับผมว่าเป็นมัคคุเทศน์น้อย แต่ผมก็ไม่ได้ใช้บริการอะไรมากมายนะครับ ก็ดูน่ารักดี เลยให้เงินไปกินขนมคนละ 20 บาท
หลังจากนั้นก็ไป ณ จุดเด่นที่มองเห็นมาแต่ไกลนั่นก็คือ หนุมานแบกภูเขา ซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกราวๆ 300 ขั้น ซึ่งก็ไม่ได้สูงมากมายนักสำหรับผมสบายๆครับ ซึ่งวัดเขาวงพระจันทร์ เดินขึ้นสูงกว่านี้หลายเท่านักก็ยังผ่านมาแล้ว
เรื่องราวของหนุมานแบกภูเขา จะอยู่ในเรื่องราามเกียรติ์
เมื่อครั้งที่พระลักษณ์ซึ่งเป็นน้องพระรามถูกหอกโมกขศักดิ์ของยักษ์อินทรชิต ซึ่งหอกนี้มีฤทธิ์ร้าย ถ้าไม่ถอนหอกอกได้ภายในราตรี พระลักษณ์จะต้องทิวงคตสิ้นชีพ หนุมานขันอาสาไปหาต้นสังกรณีตรีชวา ซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวคือที่ “ภูเขาสรรพยา” เพื่อนำมาฝนเป็นยารักษาพระลักษณ์ แต่ต้นสังกรณีตรีชวาเป็นต้นไม้วิเศษ จึงแอบเล่นซ่อนหากับหนุมาน ด้วยความรีบร้อน หนุมานจึงแปลงกายเป็นร่างใหญ่แบกภูเขาเอาไปทั้งลูก ระหว่างทาง เศษดิน หิน ร่วงหล่นยังทุ่งนาแห่งหนึ่งเกิดเป็นเทือกเขาเล็กๆ ขึ้นกลางทุ่งนาจึงเรียกทุ่งนาแห่งนั้นกันต่อๆ มาว่าเขาสมอคอน มาจนบัดนี้ บางเรื่อง ได้เล่าต่างกันไปว่า ขณะที่หนุมานกำลังเหาะกลับจากเก็บสังกรณีตรีชวา เห็นไฟกำลังไหม้ทุ่งแดงฉานจึงสลัดหินดินทรายที่ติดมากับต้นสังกรณีตรีชวาให้ร่วงหล่นเพื่อดับไฟ หินทรายเหล่านั้นกลายเป็นเทือกเขาสมอคอน
สรุปวัดเขาสมอคอน
ณ จุดนี้จึงเป็นจุดสุดท้ายที่ผมเดินทางมาเที่ยว ทำบุญที่วัดเขาสมอคอน ซึ่งก็ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ถือได้ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาในครั้งนี้ … วัดดูสงบเงียบ ผู้คนเดินทางมาไม่มากนัก อาจจะเพราะห่างไกล แต่สำหรับนักเดินทางก็ถือว่าสามารถมากันได้สะดวก อีกทั้งบริเวณเขาสมอคอนยังมีวัดอีกมากมายที่น่าเข้าไปท่องเที่ยวกันได้ ซึ่งตั้งอยู่เขาสมอคอนทั้งหมด ถ้าผมมีเวลาจะกลับมาท่องเที่ยวให้ครบบริบูรณ์ ณ เขาสมอคอนแห่งนี้… สวัสดีครับ…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory