เรามาท่องเที่ยวกันต่อครับ ในการเดินทางตามรอยตำนานแห่งขุนเขาเมืองลพบุรี ในตอนเจ้ากงจีน และก็มาถึงวัดนาจานหรือวัดเขาหนีบกันแล้วครับ วัดแห่งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวข้องในตำนานที่กล่าวว่า เมื่อเรือเจ้ากงจีน บรรทุกสินสอดมาสู่ของนางนงประจันทร์ และล่มลงนั้น ผ้าชั้นดีต่างๆ ได้ล่องลอยตามท้องทะเล และมาจมลงบริเวณใกล้เคียงกับวัดนาจานแห่งนี้ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “เขาพับผ้า” หรือ “เขาหนีบ”
วัดนาจาน จะตั้งอยู่อยู่ด้านหน้าเขาพับผ้า หรือเขาหนีบ ซึ่งด้านบนจะประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ สามารถเดินขึ้นไปกราบไหว้บูชากันได้
วัดเขาหนีบอยู่ไม่ห่างจาก วัดศรีรัตนคีรี (เขาแก้ว) เท่าไหร่นัก โดยเราเดินทางไปที่บ้านเขาหนีบตาม GPS ขับรถไปได้ไม่นานนัก ก็จะเห็นขุนเขา มีลักษณะเป็นชั้นๆ เหมือนตามตำนานที่ว่า เหมือนชั้นของผ้าที่พับไว้
เมื่อเดินทางมาถึงวัดนาจานหรือวัดเขาหนีบแล้ว กลุ่มของเราก็หาที่จอดรถซึ่งก็กว้างขวางครับ เลยจอดไว้ใกล้ปากทางเข้าวัด
มาถึงวัดซึ่งก็มีบรรยากาศเงียบเหงาครับ เพราะไม่ใช่ช่วงงานบุญ เราก็เลยเดินไปยังเขาหนีบหรือเขาพับผ้ากันเป็นอันดับแรก
ลักษณะภูเขา จะมีความสูงไม่มากนัก แต่ด้วยอากาศร้อนๆ ก็คงจะเหนื่อยเอาการเหมือนกัน …มีเรื่องที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งคือ บ่อยๆครั้งที่ผมเดินทางไปเที่ยววัดและเดินขึ้นเขา มักจะมีแดดร่มลง ซึ่งผมก็นึกแปลกใจเหมือนกัน และก็มีผลดีกับการเดินทางในทุกๆครั้ง
ป้ายด้านล่าง จะติดรูปพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านบน มีพระนามว่า “หลวงพ่อใหญ่อนันตพุทธอุดมเขตต์”
เนื่องจากการเดินขึ้นเขาไม่สูงนัก จึงพากันเดินขึ้นได้แบบสบายๆ
เมื่อขึ้นมาถึงเป้าหมายกันแล้ว ก็เดินชมบรรยากาศ แม้จะร้อนแต่ก็แดดร่ม ถ้าแดดออกมีหวังได้รีบเดินลงดันเลยทีเดียว เพราะแทบหาร่มเงาหยุดพักกันไม่ได้เลย
ด้านบนจะมีคล้ายทีพักสงฆ์ 1 หลัง แต่ไม่เห็นพระอยู่ครับ เราก็เลยต้องเดินถ่ายรูปกันอย่างรีบเร่ง เกรงว่าแดดจะออกมาเสียก่อน ซึ่งก็ได้บรรยากาศดีครับ ได้ชมวิวทิวทัศน์ด้านบน ที่น้อยคนจะเดินขึ้นมา
หลังจากพากันเก็บภาพกันได้หนำใจกันหมดแล้ว ก็ได้เวลาเดินลงไปด้านล่าง เพื่อไปชมพื้นที่วัดนาจานกันสักเล็กน้อย
ด้านหน้าวัดนาจาน จะมีศาลหลงปู่อิ่ม ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านคือใคร ซึ่งอาจจะเป็นอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนๆ ซึ่งตอนนี้ผมยังหาข้อมูลไม่ได้ครับ
กลุ่มของผมไม่ได้เดินเข้าไปในวัดนะครับ เพราะค่อนข้างกว้าง จึงได้พักร้อนกับสักเล็กน้อย และได้เดินทางไปตามรอยตำนานลพบุรีในวัดที่เหลือต่อไป
ก่อนจบบทความ ผมจะขอยกเรื่องราวตำนานขุนเขาลพบุรีมาไว้อีกครั้ง
ตำนานเมืองลพบุรี เกี่ยวกับภูเขาต่างๆ จากตำนานเจ้ากงจีน
ตามตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมานานแสนนาน เมื่อครั้งที่ลพบุรีเป็นเมืองท่าสำคัญได้มีการทำการค้ากับชาวจีน โดยชาวจีนจะล่องเรือสำเภานำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกับชาวลพบุรี ครั้งหนึ่งเศรษฐีจีนที่ทำการค้า บางคนเรียกว่าเจ้ากงจีน เป็นชาวจีนที่มีบทบาทในการทำการค้าในสมัยนั้น และบ่อยๆครั้งมักจะสู่ขอหญิงสาวมาเป็นภรรยาของตนในทุกที่ ที่ตนเดินทางไป และครั้งนี้ก็เช่นกัน…เศรษฐีจีนได้ตกหลุมรักนางนงประจันทร์ ชาวเมืองลพบุรี จึงได้เดินทางไปสู่ขอนางกับพ่อของนาง ฝ่ายพ่อของนางนงประจันทร์เห็นว่าสินสอดที่มาสู่ขอนั้น มีจำนวนมากจึงได้ตอบตกลงไป
ฝ่ายนางนงประจันทร์ มีคนรักอยู่แล้ว จึงไม่ได้คล้อยตามพ่อและไม่มีความต้องการที่จะแต่งงานกับเศรษฐีจีน…เรื่องการสู่ขอนี้ ทราบไปถึงคนรักของนางนงประจันทร์ซึ่งเป็นคนที่มีวิทยาคมแก่กล้า สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ จึงได้คิดขัดขวางการสู่ขอครั้งนี้
เมื่อถึงฤกษ์การสู่ขอ ฝ่ายเศรษฐีจีนได้ยกขบวนเรือสำเภาเดินทางมาจากจีน ในขณะเรือใกล้จะถึงฝั่ง คนรักของนางนงประจันทร์ได้แปลงกายเป็นจรเข้ยักษ์ขวางขบวนเรือสำเภา ทำให้เรือสำเภาหันหัวเรือหลบหนีเส้นทาง ฝ่ายจรเข้เห็นว่าเรือสำเภาเปลี่ยนเส้นทางหนี จึงได้ไล่กวดเรือสำเภานั้น จนเรือใกล้ล่มฝ่ายลูกเรือจีนจึงพากันกระโจนลงจากเรือซึ่งบรเวณตรงนี้ไก้เกิดภูเขาที่ชื่อว่า “เขาจีนโจน” และได้พากันว่ายน้ำหนีเอาตัวรอด และชะเง้อมองขันหมาที่ล่องลอยในทะเล ตรงบริเวณนั้นได้เกิดภูเขาชื่อ “เขาจีนแล” ปัจจุบัน เขาจีนโจนและเขาจีนแลอยู่ในเขตห้วยซับเหล็ก อำเภอเมืองลพบุรี และมีวัดเขาจีนแลหรือวัดเวฬุวันในลพบุรี
ส่วนเรือสำเภาได้ค่อยๆล่มลง บริเวณที่เรือสำเภาล่ม ต่อมาได้กลายเป็น “เขาตะเภา” ปัจจุบันอยู่ที่ ตำบลเพนียด อำเภอโคกสำโรง ซึ่งมีวัดราชบรรทม ตั้งอยู่ที่เชิงเขา
หลังจากเรือสำเภาล่ม ข้าวของสินสอดมากมายได้ลอยกลางเทไปตามคลื่นลม ผ้าแพรอย่างดีที่เก็บพับมาสู่ขอได้ล่องลอยไปติดบริเวณหนึ่งและได้เกิดเป็นภูเขาที่ชื่อ “เขาพับผ้า” หรือ “เขาหนีบ” ปัจจุบันเขาลูกนี้ตั้งอยู่ห่างเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันออกราวๆ 8 กิโลเมตร และมีวัดนาจาน (เขาหนีบ)
ส่วนแก้วแหวนเงินทองต่างๆ ได้จมลง และได้เกิดภูเขาที่ชื่อ “เขาแก้ว” เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว… บนยอดเขามีวัดชื่อ วัดแก้วหรือวัดศรีรัตนคีรี
ตะกร้าใส่ของต่างๆ ได้ล่องลอยไปและจมลง เกิดภูเขาที่ชื่อ “เขาตะกร้า” ปัจจุบันตั้งอยู่ติดอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก และมีวัดเขาตะกร้าทอง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสุวรรณคีรีปิฎก ส่วนขนมต่างๆ ได้ลอยและจมใกล้ๆกัน เกิดภูเขาชื่อ “เขาขนมบูด” ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าเมื่อหยิบหินบริเวณนี้มาดม จะมีกลิ่นเหม็นบูด (ทริปต่อไป ผมจะไปพิสูจน์ครับ น่าสนุกดีจริงๆ ฮ่าๆ)
ที่นี้เรามาต่อเรื่องราวของนางนงประจันทร์ซึ่งคอยเฝ้าสังเกตุการณ์บนฝั่ง ได้มองเห็นเรือสำเภาล่มลง ก็ดีใจกระโดดโลดเต้นจนพลาดตกทะเลถึงแก่ชีวิต บริเวณที่นางนงประจันทร์เสียชีวิตได้เกิดภูเขาชื่อ “เขานางประจันทร์” ต่อมาได้เพี้ยนเป็นเขาวงพระจันทร์ในปัจจุบัน และเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ ที่เหล่านักเดินทางนิยมเดินขึ้นเขาเพื่อทดสอบกำลังใจ ด้วยความสูงถึง 3,790 ขั้นบันได
ฝ่ายจระเข้ เมื่อเห็นนางนงประจันทร์ตกทะเลเสียชีวติก็เกิดความเสียใจ รวมถึงความเหน็ดเหนื่อยในการไล่ล่าเรือสำเภาจึงขาดใจตายใกล้บริเวณเรือสำเภาล่ม เกิดเป็นภูเขาชื่อ “เขาจรเข้” ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่วัดเขาจรเข้ ใกล้กับวัดราชบรรทมที่เขาตะเภานั่นเอง
ที่มา : www.faiththaistory.com/lopburi-legend-1
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด