Faiththaistory.com

ตามรอยกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา วัดหัสดาวาส (วัดช้าง) วัดร้างหลังเสียกรุงครั้งที่ 2

YouTube Poster

https://youtu.be/556YV9Q5XJA

วัดหัสดาวาส หรือวัดช้าง เป็นวัดร้างวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถ้าเราจะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก็สามารถที่จะไปได้ง่ายมาก เพราะอยู่ติดกับวัดหน้าพระเมรุ และผมเองได้ตั้งใจว่าจะไปเที่ยววัดหน้าพระเมรุ จึงตั้งใจว่าจะไปเที่ยวดูซากโบราณที่วัดหัสดาวาสด้วยเช่นกัน

ความสำคัญของวัดหัสดาวาส มีบันทึกไว้ว่าเป็นสถานที่ทำสัญญาสงบศึกระหว่างพระเจ้าจักรพรรดิและพระเจ้าบุเรงนองเมื่อปี พ.ศ.2092

แผนที่วัดต่างๆ ในอยุธยาสามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ ===> แผนที่วัดต่างๆ ในอยุธยา

ภาพจากแผนที่ภูมิสถานอยุธยา

วัดหัสดาวาส หรือวัดช้าง จะมีถนนเส้นเล็กๆกั้นระหว่างวัดหน้าพระเมรุ

ถนนเส้นเล็กๆ ข้างวัดหน้าพระเมรุ กั้นกลางระหว่างวัดหัสดาวาส ฝั่งซ้ายจะเป็นวัดหัสดาวาส

การเดินทางเมื่อมาถึงวัดหน้าพระเมรุ ให้เลยจากทางเข้ามาเล็กน้อย จะมีถนนเส้นเล็กๆกั้น ก็จะมองเห็นซากวัดโบราณ มีเจดีย์เด่นเลยครับ ซึ่งพื้นที่นี้ก็คือวัดหัสดาวาสนั่นเอง

การเดินทางครั้งนี้ผมได้ขับขี่รถมอเตอร์ไซต์ เพราะสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากตั้งใจว่าจะไปดูวัดโบราณอีกหลายๆวัด ซึ่งสามารถขับรถซอกแซกได้ง่ายกว่าและรวดเร็ว สำหรับท่านใดจะไปเที่ยวชมวัดที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันนัก แนะนำมอเตอร์ไซต์นี่แหละครับ สะดวกที่สุด และอาจจะรวดเร็วกว่าด้วย ยิ่งในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ต้องบอกเลยว่า ปริมาณรถจะค่อนข้างมาก มีทั้งคณะทัวร์และนักท่องเที่ยวทั่วๆไป และเป็นผลให้การจราจรติดขัดในบางช่วง

ผมได้ขับรถมอเตอร์ไซต์ไปจอดไว้ในพื้นที่จอดของวัดหน้าพระเมรุ และก็เดินออกมายังถนนเส้นเล็กๆนี้ และเดินตามเส้นทางลงไป เพื่อเข้าไปเขตพื้นที่วัดหัสดาวาส

วัดหัสดาวาส

เมื่อเดินตามเส้นทางบนถนนเส้นนี้มาเรื่อยๆ สักพักก็จะมีเดินดินทางเข้าพื้นที่วัดแล้วหล่ะครับ สิ่งที่เห็นโดดเด่นมาแต่ไกลก็คือ เจดีย์ 2 องค์ และซากพระวิหาร ซึ่งเหลือแต่เพียงเนินวิหารเท่านั้น โดยรอบก็ยังมีซากกำแพงโบราณ และคูน้ำโดยรอบวัด

คูน้ำโบราณรอบวัด

เมื่อผมเดินเข้ามาสู่เขตของวัดหัสดาวาสแล้ว จะมองเห็นคูน้ำรอบทิศ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นคูน้ำที่เพิ่งเกิด หรือเกิดจากการขุดขึ้นภายหลัง แต่จากบันทึกได้บอกว่าเป็นคูน้ำโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสร้างวัดเลยครับ

ซากกำแพงและคูน้ำ

หลังจากนั้นผมก็เดินมาทางฝั่งซ้ายของพื้นที่วัด และก็มองเห็นคูน้ำรอบวัดจริงๆด้วยครับ

ซากพระเจดีย์ และวิหารภายในวัดหัสดาวาส

สำหรับสิ่งก่อสร้างสำคัญที่ยังหลงเหลือให้เราได้เที่ยวชมและเก็บภาพ ในปัจจุบันมีดังนี้

1. พระเจดีย์ประธาน เป็นเจดีย์ขนาดค่อนข้างใหญ่ทรงกลมหรือที่มักเรียกกันว่า ทรงลังกาตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงจัดเจดีย์ทรงลังกาไว้ในกลุ่มของเจดีย์ที่ นิยมสร้างกันในสมัยอยุธยายุคที่ 2  คือ ช่วงเวลานับแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จขึ้นครอง ราชย์ที่พิษณุโลก เมื่อ พ.ศ. 2006 ลงมาจนสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม อย่างไรก็ดีเจดีย์ทรงลังหา หรือทรงกลมก็มีที่สร้างกันในสมัยอยุธยายุคที่ 1 ด้วย

ฐานเจดีย์องค์นี้เป็นฐานประทักษิณ ซึ่งหมายถึงฐานที่มีพื้นที่เป็นลานให้เดินเวียน ประทักษิณ คือเดินเวียนขวานมัสการพระเจดีย์ แต่สำหรับเจดีย์องค์นี้คงไม่ได้ตั้งใจสร้างให้เป็นที่เดินเวียน ประทักษิณรอบเจดีย์ตามความหมายที่แท้จริง เพราะมีเนื้อที่แคบฐานประทักษิณนี้เดิมมีลูกกรงรอบ  แต่ปัจจุบันหักพังไปหมดแล้ว

2. เจดีย์แปดเหลี่ยม ถัดจากเจดีย์ประธานไปทางทิศตะวันตก มีเจดีย์อีก 1 องค์ สภาพ ชำรุดยอดหักเป็นโพรงเหลือแต่แกนอิฐ แต่ยังพอมองเห็นลักษณะได้คร่าวๆ ว่าเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม อาจารย์ประยูร อุลุชาฎะ (น. ณ ปากน้ำ) ได้กล่าวถึงลักษณะของเจดีย์องค์ไว้ในหนังสือชื่อ “ห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา” พอสรุปได้ว่าเป็นเจดีย์ทรงสูง องค์เจดีย์แปดเหลี่ยม บัลลังก์แปดเหลี่ยม มีพระพุทธรูปปูนปั้นประดับ ล้อมรอบบัลลังก์ประทับในซุ้มเรือนแก้ว จำนวนทั้งหมด 16 องค์

3. เนินวิหาร ระหว่างเจดีย์ทั้งสององค์นี้ มีเนินดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นเนินดินฐานวิหารซึ่งพังทลายหมดสภาพไปแล้ว

ที่มาของข้อมูล : www.literatureandhistory.go.th

เจดีย์ประธาน

ซากพระเจดีย์ที่แตกชำรุดและหักโค่นลงมา

รูปด้านบนนี้ ผมไม่แน่ใจว่าคืออะไร แต่น่าจะเป็นบ่อหมักปูนโบราณ คล้ายๆที่วัดหอระฆัง ที่ผมเคยไปมาแล้ว

ซากสิ่งก่อสร้างที่หักพังลงมาที่พื้น

เมื่อเดินชมพื้นที่รอบๆวัด เราก็จะเห็นซากหักพังต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้าง ตั้งอยู่บริเวณพื้น ไม่ได้มีการเคลื่อนที่ออกไปไหน ดูแล้วก็คลาสสิคดีครับ

ในเรื่องความสำคัญและประวัติของวัดหัสดาวาสนั้น มีบันทึกไว้น้อยมาก ไม่มีหลักฐานระบุว่าวัดนี้สร้างขึ้นแต่เมื่อใด หากยึดถือเหตุการณ์ตามพระราชพงศาวดาร ซึ่งกล่าวชื่อวัดนี้มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ก็อาจกล่าวได้ว่า คงจะมีมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ก่อนรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ หรือรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเป็นอย่างช้า

ในเรื่องความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดหัสดาวาสเป็นวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับวัดหน้าพระเมรุ ในฐานะที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงใช้เป็นสถานที่เจรจาสงบศึกกับพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเมื่อ พ.ศ. 2092 หลังจากนั้นมีเรื่องราวปรากฏในพงศาวดารอีกว่า ใน พ.ศ. 2303 ทัพพม่าที่เข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาได้ตั้งปืนใหญ่ยิงพระราชวังที่วัดพระเมรุราชิการาม และวัดท่าช้าง ซึ่งก็คือวัดหัสดาวาสนี่เอง

สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยววัดร้างโบราณแห่งนี้ก็คงจะมีรายละเอียดคร่าวๆ ประมาณนี้ หวังว่าถ้ามาถึงวัดหน้าพระเมรุกันแล้ว ยังไงก็อย่าลืมแวะมาชมวัดแห่งนี้ด้วยแล้วกันนะครับ พื้นที่ไม่รก และค่อนข้างสะอาด และที่สำคัญไม่มีสุนัขเจ้าถิ่น มาให้เกิดความไม่สบายใจ (เนื่องจากเวลาที่ผมเดินทางไปดูวัดร้างโบราณ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะไปกัน มักจะมีสนัขเจ้าถิ่นประจำการเต็มไปหมด จะเดินเข้าไปแต่ละทีต้องคิดแล้วคิดอีก จนบางครั้งผมไม่ได้เข้าไปเลยก็มี ต้องคอยถ่ายรูปด้านนอก)

ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ

ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด

ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108

หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory

ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด

Exit mobile version