สวัสดีครับท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาไปยังวัดจุมพล อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เพื่อไปกราบสักการะสังขารของหลวงปู่วรพรตวิธาน ที่ไม่เน่าเปื่อยและสังขารของท่านยังมีความแปลกคือ หลายเป็นสีเขียวมรกตไปทั่วทั้งร่างอีกด้วย
หลวงปู่วรพรต เป็นพระสุปฏิปันโนที่ควรแก่การกราบไหว้ เพราะท่านอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาตั้งแต่เป็นสามเณรจนกระทั่งบวชเป็นพระสงฆ์ ได้ออกธุดงค์กับหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต ซึ่งท่านเป็นพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นอีกด้วย
ผมเดินทางไปวัดจุมพล ช่วงเดือนกรกฏาคม พ.ศ.2560 เพื่อกลับไปบ้านที่จังหวัดขอนแก่น จึงได้ถือโอกาสเดินทางไปยังวัดจุมพลก่อน เพราะได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับสังขารหลวงปู่วรพรต มานานแล้วเช่นกัน
ระหว่างการเดินทางจะได้เห็นความเป็นธรรมชาติของหมู่บ้านในชนบทไปด้วยครับ ทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและวิถีชาวบ้าน
บรรยากาศเงียบสงบ เพราะวัดอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลพอสมควร นักท่องเที่ยวที่เดินทางมา ส่วนมากจะทราบถึงข่าวเรื่องสังขารไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่วรพรต
พื้นที่จอดรถจะอยู่บริเวณหน้าวัด สามารถเือกที่จอดได้เลยครับ วันที่ผมเดินทางนั้น ก็มีเพียงผมคนเดียว
สังขารของหลวงปู่วรพรต จะเก็บรักษาในโรงแก้ว ที่ศาลาการเปรียญตรงข้ามกับวิหาร
สังขารของหลวงปู่วรพรตวิธาน จะเก็บรักษาในโรงแก้ว หลังรูปหล่อหลวงปู่ ครับ
สังขารหลวงปู่วรพรต ไม่เน่าเปื่อยและมีสีเขียวเหมือนมรกตทั่วทั้งร่าง
ผมได้เข้ามากราบสักการะสังขารของหลวงปู่วรพรต แล้วจึงเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกอีกหลายรูป
เมื่อกราบสังขารหลวงปู่ล้ว ผมจึงออกเดินดูบริเวณพื้นที่วัด ซึ่งมีความเงียบตามแบบของชนบท มีที่นั่งพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน
เมื่อมายังวัดจุมพล ก็ได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่วรพรต มากยิ่งขึ้น และรู้ว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโนอีกรูปหนึ่ง ที่น่ากราบไหว้… ท่านบชร้ำเรียนตั้งแต่ยังเป็นสามเณร และอุทิศตนต่อพระพุทธศาสนาเรื่อยมาจนละสังขาร
ผมอยู่ในวัดไม่นานนัก ก็รีบเดินทางกลับ เพราะใกล้เย็นมากแล้ว ประกอบกับฝนจะตกลงมาเสียก่อน วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งของผมที่ได้รู้จักกับเรื่องราวของหลวงปู่วรพรต
ประวัติหลวงปู่วรพรตวิธาน พอสังเขป
หลวงปู่วรพรตวิธาน นามเดิมของท่านชื่อ พันธ์ ทับงาม เกิดที่บ้านน้ำอ้อม อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2444 บิดาของท่านชื่อศิลา มารดาชื่อทอง
ชีวิตในวัยเยาว์ ท่านเป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งมาก จนขุนเกษตรวิสัยเจ้าเมืองร้อยเอ็ดฝากเข้าให้รับราชการเป็นเสมียนประจำตัว ท่านรับราชการจนอายุได้ 16 ปี จึงลาบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดน้ำอ้อม และเมื่ออายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูธรรมสังฆบาลเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ติสโส” ท่านตั้งใจร่ำเรียนทางด้านพระปริยัติ สามารถท่องพระปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่พรรษาแรก และสอบนักธรรมชั้นเอกได้ในปี พ.ศ.2472 นับได้ว่าท่านเป็นพระรูปเดียวทั่วมณฑลร้อยเอ็ดที่สอบผ่าน ซึ่งสมัยนั้นมณฑลร้อยเอ็ดรวมกาฬสินธุ์และมหาสารคามด้วย
ต่อมาบ้านเมืองได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้าคุณกัณหาได้ส่งหลวงปู่วรพรตมาเป็นเจ้าอาวาส วัดจุมพล บ้านก้านเหลือง อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น
ในปี พ.ศ.2512 หลวงปู่วรพรตวิธาน ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอแวงน้อย
ในเรื่องประวัติพิสดาร กล่าวกันว่า หลวงปู่ได้ร่ำเรียนวิชาพุทธเวทย์ คาถาอาคมจากครูอาจารย์ ถึง 5 อาจารย์ เช่น หลวงศรีธรรมศาสตร์, พระอาจารย์ขัน วัดท่าสะแบง, อาจารย์บ้านฟ้าเหลี่ยม, หลวงปู่ชม ฐานธัมโม เป็นต้น หลังจากได้ร่ำเรียนวิชาคาถาอาคมแล้ว ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต ติดตามหลวงปู่ผางออกเดินธุดงค์แสวงหาธรรมผ่านประเทศลาว กัมพูชา และพม่า ในระหว่างการเดินธุดงค์ ท่านได้พบเรื่องราวเร้นลับมากมาย แต่ท่านก็ผ่านมาได้ด้วยบารมีธรรม
หลวงปู่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ในสมัยรัชกาลที่ 8 มีนามว่า พระครูวรพรตวิธาน เราจึงเรียกชื่อหลวงปู่ว่า หลวงปูวรพรต ตั้งแต่นั้นมา
สำหรับเรื่องราวประวัติอิทธิปาฏิหาริย์ เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2503 หลวงปู่ได้ออกเดินทางจาก อ.พล ด้วยรถโดยสารไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งโดยปกติพระเณรจะนั่งด้านหน้ารถคู่กับคนขับ เพื่อไม่ให้ปะปนกับผู้โดยสารซึ่งจะเกิดความลำบากได้ เพราะมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงเด็กเล็ก เด็กแดง
แต่รถคันนี้มีโยมผู้หญิงนั่งเต็มด้านหน้า คนขับจึงได้บอกนิมนต์ให้หลวงปู่นั่งทางท้ายรถ แต่ก่อนที่หลวงปู่จะขึ้นรถ หลวงปู่ได้บอกกับคนขับว่า “รถจะไม่เดี่ยงหรือ” คำว่าเดี่ยง เป็นภาษาอีสานแปลว่ากระดก
พอหลวงปู่พูดจบ ได้ก้าวเท้าขึ้นรถ ก็เกิดปาฏิหาริย์ ด้านหน้ารถลอยขึ้นสูง คนขับถึงกับตกตะลึง จึงได้กราบขอขมาหลวงปู่แล้วนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้า
ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่ก็ได้รับสมญานามว่า หลวงปู่วรพรตเหยียบรถกระเดี่ยง และทำให้ท่านเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายนับแต่นั้นมา
หลวงปู่วรพรตละสังขารวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2544 สิริรวมอายุได้ 101 ปี
คำอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์
ผศ.นพ.วิรุจน์ คุณกิตติ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวว่า การที่สังขารของหลวงปู่วรพรตไม่เน่าเปื่อยอาจเป็นผลจากเมื่อสมัยท่านยังทรงขันธ์ท่านมักจะฉันมังสาวิรัติ ส่วนสังขารที่มีสีเขียวอาจจะเกิดจากปฏิกริยาทางเคมีของทองคำเปลวและร่างกาย
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก ที่ www.faiththaistory.com