Category Archives: วัดวาอาราม

เที่ยวทำบุญ วัดพุทไธศวรรย์ พระนครศรีอยุธยา

https://youtu.be/knWspjUhlSE เที่ยวทำบุญ วัดพุทไธศวรรย์ พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวอีกวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันนี้ผมได้มีเวลาว่างจึงได้เดินทางมาเที่ยวและทำบุญที่วัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมเคยเดินทางมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่ได้เดินชมทั่วบริเวณพื้นที่ แต่เท่าที่จำความได้ถึงความสวยงามของระเบียงคดที่มีพระพุทธรูปรายล้อมทั้งสี่ด้านของปรางค์ประธาน ครั้งนี้เลยตั้งใจว่าจะเดินชมความสวยงามให้ทั่วบริเวณ การเดินทางมาวัดพุทไธศวรรย์ ก็ถือว่าสะดวกดีครับเพราะมีป้ายบอกทาง โดยให้ใช้เส้นทางสายอยุธยา-เสนา ข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชวรวิหารแล้วเลี้ยวซ้าย จะผ่านวัดไชยวัฒนาราม มีป้ายบอกทางเป็นระยะ จะถึงวัดพุทไธศวรรย์ ถนนเส้นทางถือว่าสะดวกเป็นถนนลาดยางอย่างดีครับ “หลวงพ่อดำ”  วัดพุทไธศวรรย์ เป็นพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ “หลวงพ่อดำ” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ลักษณะปูนปั้นทาด้วยสีดำ พระพักตร์รูปไข่ เป็นศิลปะแบบอู่ทอง หรือในอยุธยาตอนต้น เชื่อกันว่าถูกสร้างพร้อมกับการสร้างพระอุโบสถ ที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากมาจนถึงปัจจุบันนี้ว่า “หลวงพ่อดำ” เนื่องมาจากในสมัยก่อนการสร้างพระ นิยมลงรักด้วยสีดำทั้งองค์ โดยไม่มีการนำสีทองมาทาจนนานมาก เมื่อชาวบ้านเข้าไปสักการบูชา ชาวบ้านเลยเรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อดำ” มีตำนานเล่าขานต่อกันมาว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา ใครเจ็บป่วยไข้ เมื่อผ่านมาที่วัดแห่งนี้จะขึ้นไปสักการะหลวงพ่อดำ เพื่อขอให้หายเจ็บป่วย และทุกคนที่ไปบอกกล่าวจะหายเจ็บหายไข้ นอกจากนี้ ชาวบ้านยังนิยมมาขอพรหลวงพ่อดำให้ช่วยดลบันดาลให้คนที่อยากจะมีบุตรได้มีบุตรสมความปรารถนา ซึ่งส่วนมากจะประสบผลสำเร็จ ทำให้ถูกกล่าวขานเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน วัดแห่งนี้ตามประวัติศาสตร์ยังเป็นสถานที่ฝึกอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหาร ก่อนจะออกศึกสงคราม ในปัจจุบันเป็นสำนักดาบวัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งคนโบราณมักจะพูดกันว่าสถานที่แห่งนี้หรือดินแดนแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับทางด้านอยู่ยงคงกระพัน ส่วนสิ่งของที่นิยมนำไปสักการบูชาหลวงพ่อดำ จะเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมสีสันสวยงาม เช่น ดอกมะลิ ดอกจำปี เป็นต้น บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในพื้นที่วัด จะมีอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ไทย 5 พระองค์ให้ทำการสักการะ ได้แก่ 1. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1… Read More »

เที่ยว ทำบุญ วัดป่าสว่างบุญ เจดีย์ 500 ยอด จ.สระบุรี

https://youtu.be/hKbFaR4YpKc เที่ยว ทำบุญ วัดป่าสว่างบุญ เจดีย์ 500 ยอด จ.สระบุรี แรงบันดาลใจที่ต้องเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ ก็คือได้เห็นรูปภาพจากหลายๆคนที่เผยแพร่ทางอินเดตอร์เน็ตมากมาย เกี่ยวกับ วัดเจดีย์ 500 ยอด ซึ่งเป็นการสร้างเจดีย์ ที่แปลกตามากๆ จึงได้ตั้งใจว่าจะต้องเดินทางไปยังสถานที่จริงให้ได้ วัดป่าสว่างบุญ หรือบางคนอาจจะเรียกว่า วัดเจดีย์ 500 ยอด ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 7 บ้านคลองไผ่ ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 โดย พระครูวิสุทธิสุตวัฒน์ (พระอาจารย์หลวงพ่อสมชาย ปุญญมโน) บนเนื้อที่กว่า 400 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของโยมพ่อของหลวงพ่อสมชายเอง ทางด้านในวัดเป็นสถานที่ที่สงบเงียบเหมาะกับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นที่ทางด้านหลังติดกับเชิงเขามีอากาศที่เย็นสบายมีต้นไม้มากมายในพื้นที่ ดูแล้วสบายตาและสบายอย่างยิ่ง และจะมีประชาชนเข้าไปปฏิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมากในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในวันที่ผมเดินทางมาที่วัดตรงกับวันเสาร์ ก็ได้เห็นพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่ง ได้มาปฏิบัติธรรม ได้ยินเสียงสวดมนต์ทั่วบริเวณ จุดเด่นสำคัญที่วัดก็คือ เจดีย์ 500 ยอด หรือมีชื่อเต็มว่า “พระมหารัตนโลหะเจดีย์ศรีศาสนโพธิสัตว์สว่างบุญ” มีเจดีย์องค์ประธานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เมตร ส่วนยอดถอดแบบมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย มีทั้งหมด 9 ชั้น มีบริวาร 500 องค์   มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีองค์เจดีย์รายองค์เล็กตั้งลดหลั่นกันลงมา อยู่รอบๆทิศ… Read More »

พุทธอุทยานมหาราช หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา

พุทธอุทยานมหาราช หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่ กิโลเมตรที่ 44 ถนนสายเอเชีย เลขที่ 115 หมู่ที่ 4 ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ผมได้มีโอกาสเดินทางผ่านมาที่นี่ โดยได้สังเกตเห็นองค์หลวงพ่อทวดมาแต่ไกล จึงได้แวะเข้าไปเที่ยวชมพื้นที่ จุดเด่นสำคัญก็คงหนีไม่พ้นหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ ซึ่งมีหน้าตักขนาด 24 เมตร สูง 51 เมตร เมื่อเข้ามาถึงบริเวณก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ร่มรื่นพอสมควร แต่พื้นที่โดยรอบยังมีการขุดสระ และกำลังสร้างวัดวชิรธรรมาราม จากข้อมูลโครงการมาจากแนวคิดเพื่อให้เป็นประโยชน์และความสุขต่อสาธารณะ ความเป็นมาของโครงการพุทธอุทยานมหาราช โครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่รอยต่ออำเภอบางปะหันและอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องกับอำเภอป่าโมก อำเภอเมือง ของจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้ตั้งชื่อโครงการเป็น “พุทธอุทยานมหาราช” เพื่อความเป็นสิริมงคลจากคงามตั้งใจของ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานมูลนิธิพระเทวราชโพธิสัตว์ ร่วมกับคณะสงฆ์ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินโครงการให้สำเร็จ จึงได้ทำการซื้อที่ดินจำนวน 200 ไร่ และได้หารือคณะสงห์ โดยมีสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต วัดบวรนิเวศและสมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาส เลขาธิการคณะสงห์ธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม ตลอดจนพระเถระผู้ใหญ่หลายรูป และก็ได้เห็นชอบที่จะทำการสร้างวัดขึ้นใหม่ และโรงเรียนในพื้นที่เดียวกัน ทางคณะสงฆ์ยังได้มีความตั้งใจว่าจะให้เป็นโครงกางการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ปัจจุบันนี้ได้ตั้งเป็นวัดแล้วชือ “วัดวชิรธรรมาราม” โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสรูปแรก เรามาเริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่จริงกันเลยครับ สิ่งที่จะสังเกตได้ง่ายๆ เราจะเห็นป้ายหลักกิโลเมตรขนาดใหญ่สีเหลืองด้านซ้ายมือ ถ้าเดินทางมาจาก กรุงเทพฯ เมื่อเข้ามาด้านในพื้นที่อุทยาน จะมีสถานที่จอดรถมากมายกว้างขวาง… Read More »

วัดโค วัดกระบือ วัดเผาข้าว วัดโบราณที่หายสาบสูญไปจากแผนที่พระนครศรีอยุธยา

ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังสือที่ดีมากๆ ชื่อ “อยุธยา ที่ไม่คุ้นเคย” ของปวัตร์ นวะมะรัตน ได้กล่าวถึงวัดที่หายสาบสูญไปแล้ว คือ วัดโค วัดกระบือ และวัดเผาข้าว ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน วัดโคและวัดกระบือ จะตั้งอยู่ในเกาะเมืองโดยจะอยู่ตรงข้ามกัน โดยมีถนนโรจนะกั้นกลาง (ในอดีตเรียกว่า ถนนอิฐ) วัดเผาข้าวจะอยู่ถัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งจะตั้งริมคลองมะขามเรียง จากหนังสืออยุธยาที่ไม่คุ้นเคย ได้กล่าวว่า ทั้ง 3 วัดนี้ปรากฏชื่ออยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งสงครามเสียกรุงครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2112 พระมหาเทพตั้งค่ายกันข้าศึกอยู่นอกกรุง ถูกกองทัพของพระมหาธรรมราชาและพระมหาอุปราชตีแตก จนถอยร่นมาตั้งรับที่หน้าวัดโคและวัดกระบือ แต่เมื่อข้าศึกตามมาก็ตีแตกจนถอยไปตั้งรับที่วัดเผาข้าวแต่ก็ไม่สามารถต้านได้อยู่จนแตกทัพไป จากรูปแผนที่จะมีถนนอิฐคั้นกลางระหว่างวัดโคและวัดกระบือ ปัจจุบันถนนอิฐถูกเรียกชื่อเป็นถนนโรจนะ แผนที่ของพระยาโบราณราชธานินทร์ พ.ศ. 2469 ได้ระบุตำแหน่งวัดโค วัดกระบือ และวัดเผาข้าวไว้อย่างชัดเจน และ น. ณ ปากน้ำ ก็เคยมาสำรวจที่บริเวณนี้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 บันทึกไว้ว่า “วัดโค วัดกระบือ เหลือแต่โคกอิฐ” และในพงศาวดารภาคที่ 63 เรื่องกรุงเก่าได้เขียนไว้ว่า ถนนย่านป่าทุ่ง วัดโค วัดกระบือต่อกัน แต่ก่อนโบราณมีพวกมอญ แลพม่า แขก ฆ่าเป็ดไก่ขายในตลาดนั้นชุกชุม ปัจจุบันวัดทั้ง 3 ได้หายสาบสูญไปจากแผนที่แล้ว มีสิ่งปลูกสร้างอื่นๆสร้างขึ้นแทนทั้งหมด โดยวัดโคจะเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา  วัดกระบือเป็นที่ตั้งของตึกพาณิชย์และโรงแรม… Read More »

วัดหอระฆัง วัดร้างโบราณ ริมคลองมะขามเรียง พระนครศรีอยุธยา

https://youtu.be/tMfGbZYR3EA ผมได้หาโอกาสเดินทางมาสำรวจพื้นที่และท่องเที่ยวที่เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาอีกครั้ง และได้ค้นหาข้อมูลวัดโบราณและวัดร้างมาบางส่วน ก็ได้เจอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัดหอระฆัง จากข้อมูลแต่เดิมนั้น จะมองเห็นแต่เพียงสิ่งก่อสร้างก็คือหอระฆังที่โดดเด่นอยู่เท่านั้น ต่อมาทางกรมศิลปากรได้ทำการขุดพื้นที่และสำรวจในปี พ.ศ. 2540 พบว่ามีตัวอาคาร และชิ้นส่วนพระพุทธรูปมากมายด้านหลังของหอระฆังนี้ จากการขุดสำรวจพบว่า วัดหอระฆังจะตั้งอยู่ในแนวทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก  โดยหอระฆังจะอยู่ทิศตะวันออก มีคลองมะขามเรียงผ่านหน้าวัด ในอดีตจะเรียกชื่อว่าคลองนายก่าย และเพี้ยนมาเป็นในไก่ และมาเปลี่ยนเป็นคลองมะขามเรียงในปัจจุบันนี้ เดินทางตามรอยกันเลยครับ การเดินทาง ถือว่ามาง่ายและสะดวกครับ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้ข้ามสะพานสะพานปรีดี-ธำรง  เจอกับสี่แยกไฟแดงแรก ให้เลี้ยวขวาได้เลยครับ แล้วตรงไปอีก 50 เมตรก็จะเห็นหอระฆังตั้งตระง่านอยู่ข้างทางด้านซ้าย แล้วก็เข้าชมพื้นที่ได้เลยครับ วันนี้ผมเดินทางด้วยมอเตอร์ไซด์ เลยสะดวกขึ้นเยอะแวะข้างทางถ่ายรูปกันได้ แต่ต้องระวังอุบัติเหตุให้มากๆ เนื่องจากในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยามีจุดที่เป็นวงเวียนหลายจุด เวลาขับรถเหมือนจะวัดใจว่าใครจะไปด้านหน้าหรือเลี้ยว ยิ่งเราขับมอเตอร์ไซด์ก็อาจจะเสียจังหวะได้ง่ายๆ ต้องระวังครับ ส่วนท่านที่ไม่นิยมขับมอเตอร์ไซด์ ก็จะมีเรื่องลำบากก็คือหาที่จอดลำบากในบางพื้นที่ สรุปเลยนะครับ เดี๋ยวจะสับสนกันซะก่อน คลองในไก่ ก็คือคลองเดียวกันกับคลองมะขามเรียงนั่นแหละครับ อีกประมาณ 50 เมตร จากทางแยกไฟแดงก็จะถึงวัดหอระฆังแล้วหล่ะครับ อยู่ริมถนนซ้ายมือ คลองมะขามเรียงจะวางตัวในแนวทิศเหนือและใต้ของเกาะเมืองอยุธยา ในอดีตบริเวณนี้เป็นย่านการค้าสำคัญในสมัยอยุธยา รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของหอระฆังมีการเจาะช่องโค้งรูปกลีบบัว เป็นรูปแบบที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนปลาย จึงสันนิษฐานกันว่าวัดหอระฆังแห่งนี้สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ซุ้มโค้งรูปกลีบบัวทะลุถึงกันแนวทิศตะวันออกและตะวันตก ผนังชั้นบนเจาะเป็นรูปโค้งกลีบบัวทั้งสี่ด้าน ชั้นบนเป็นที่แขวนระฆัง เหนือขึ้นไปเป็นยอดทรงปราสาทที่ชำรุดทรุดโทรมไปแล้ว วัดหอระฆังนี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใดใครเป็นผู้สร้าง สำนักโบราณคดี กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 60 ตอนที่ 39 วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2486 หลังหอระฆังจะเป็นตัวพระวิหาร อาคารก่ออิฐถือปูนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า… Read More »

เที่ยววัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์ มรดกโลก อยุธยา

เที่ยววัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์ มรดกโลก อยุธยา … ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมได้มีโอกาสเดินทางมาวัดมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในเขตของอุทยานประวัติศาสตร์ วัดแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ  วัดมหาธาตุตั้งอยู่ในเขตเกาะเมือง ทำให้การเดินทางสะดวกและเป็นที่คุ้นเคยของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวทั่วไป สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) โปรดเกล้าให้สถาปนาวัดมหาธาตุในปี พ.ศ. 1917 แต่การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร (ปี พ.ศ.1931 – 1938) จากหนังสือโบราณคดีห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา โดย น. ณ ปากน้ำ ได้สันนิษฐานว่า วัดมหาธาตุอาจจะตั้งมาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะภายในวัดพบพระพุทธรูปหินในสมัยลพบุรี และพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท (พระคันธารราฐ) ซึ่งเป็นศิลปะในสมัยทวารวดี มีอายุมากกว่า 1,500 ปี (ปัจจุบันได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดหน้าพระเมรุ) ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์ประธานเคยพังลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ ปรางค์ของวัดนี้เดิมทีเดียวสร้างด้วยศิลาแลง แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซมให้คืนดีดังเดิม ในรัชกาลนั้น ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงบูรณะใหม่ รวมเป็นความสูง 25 วา แต่ก็ได้พังทลายลงมาอีกรอบในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 และต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำกำลังทหารไปช่วยกันสร้างยอดพระปรางค์ด้วยไม้สักชั้นเยี่ยมและได้สถาปนาให้เป็นพระปรางค์ประจำชาติ และในที่สุด พระปรางค์วัดมหาธาตุก็ยังคงอยู่ที่นั้นตลอดไป การก่อสร้างวัดจะเป็นรูปแบบที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนต้น คือจะมีลักษณะให้ความสำคัญต่อพระวิหารมากกว่าพระอุโบสถ จะสร้างพระวิหารไว้ด้านหน้า ถัดมาจะเป็นพระปรางค์ประธาน และพระอุโบสถจะอยู่หลังสุดและมีขนาดที่เล็กกว่า วัดมหาธาตุจะมีความสำคัญอย่างมากในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีและใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ ต่อมาได้สร้างวัดพระศรีสรรเพชญ จึงได้ย้ายไปประกอบพระราชพิธีที่วัดพระศรีสรรเพชญแทน   จุดเด่นสำคัญของวัดมหาธาตุที่นักท่องเที่ยวควรรู้จัก 1. เศียรพระพุทธรูปหินทราย ศิลปะอยุธยาวางอยู่ในรากโพธิ์ จุดนี้นักท่องเที่ยวจะให้เป็นจุด Landmark ของวัดมหาธาตุเลยครับ… Read More »