Category Archives: ความเชื่อของคนไทย

ตำนานความเชื่อ แม่ซื้อ เทวดาที่คุ้มครองเด็กทารก

ตำนานความเชื่อ แม่ซื้อ เทวดาที่คุ้มครองเด็กทารก ตามตำนานความเชื่อดั้งเดิมของคนไทยโบราณและได้รับการถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันที่เกี่ยวกับเด็กทารก ก็คงจะหนีไม่พ้นกับคำว่า “แม่ซื้อ” ซึ่งผมเองก็ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็ไม่เข้าใจนัก จนมีเพื่อนๆที่มีลูกได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ผมก็เลยลองไปหาข้อมูลความเชื่อเรื่องนี้ดูว่า แม่ซื้อ คือใคร คนไทยเชื่อว่าอย่างไร และก็ขอนำมาเขียนบทความสรุปพอสังเขปไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นความรู้นะครับ ครั้งแรกๆ นั้นผมคิดว่าแม่ซื้อจะมีอยู่เพียง 1 เดียว แต่ตามความเชื่อที่กล่าวกันนั้น จะมีแม่ซื้อประจำวันเกิดของเด็กแต่คน เพราะฉะนั้นแม่ซื้อตามความเชื่อจึงมีทั้งสิ้นถึง 7 นาง แม่ซื้อตามความเชื่อ ถือว่าเป็นเทวดาประเภทหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นผีกึ่งร้ายกึ่งดี เชื่อกันว่าเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองทารกแรกเกิด ซึ่งแต่ละภาคของประเทศไทยก็มีความเชื่อเรื่องแม่ซื้อทั้งสิ้น และเด็กทารกที่เกิดมาจะต้องมีแม่ซื้อประจำวันเกิดคอยดูแลให้พ้นจากอันตราย  หลายๆคนคงเคยได้ยินว่า แม่ซื้อมักจะมาหยอกเด็กๆ ทำให้เด็กหัวเราะ ยิ้มร่าเริง ความเชื่อเรื่องแม่ซื้อแต่ละภาคของไทย ภาคเหนือและภาคกลาง จะมีความเชื่อคล้ายๆกัน เชื่อว่ามีแม่ซื้อทั้งหมด 7 นาง ที่คอยดูแลทารกตามวันเกิด ภาคใต้ เชื่อว่าแม่ซื้อเป็นเทวดา บางที่ว่าเป็นภูติผี ทำหน้าที่คอยดูแลทารกแรกเกิดจนมีอายุครบ 12 ปี มีอยู่ด้วยกัน 4 นาง ได้แก่ ผุด ผัด พัด และ ผล ภาคอีสาน เชื่อว่าแม่ซื้อได้สร้างทารกในครรถ์ จนกระทั่งคลอดออกมา และก็ตามมาดูแลเด็กทารก ความเชื่อเรื่องแม่ซื้อกับเด็กทารก กล่าวว่า เมื่อแม่ซื้อ เห็นเด็กทารก มีแม่ใหม่ ซึ่งก็คือคน จึงเกิดความหวงแหน อยากได้ลูกกลับไปอยู่กับตนเอง จึงมักทำให้เกิดการเจ็บป่วย  ส่วนคนโบราณก็มักจะไม่ให้พูดว่าเด็กทารกน่ารัก… Read More »

ปริศนาคราบสีดำที่ปากทวารบาลหรือเซี่ยวกาง ที่วัดบวรนิเวศวิหาร

https://youtu.be/bkhoyGjknVg ปริศนาคราบสีดำที่ปากทวารบาลหรือเซี่ยวกาง ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อเร็วๆนี้ ได้เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องแปลกประหลาดที่บานประตูไม้แกะสลักทางเข้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีคราบสีดำออกมาจากปากนายทวารบาล จนเกิดกระแสข่าวว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ หรือลางร้าย ซึ่งผู้ใช้งาน Facebook ท่านหนึ่งได้ถ่ายรูปแล้วนำมาโพสคำถามว่า “มีใครพอจะรู้มั้ยค่ะ มันคืออะไร??? ไม้แกะสลัก รูปเทวดาที่ประตูทางเข้าวัดบวรฯ ทำไมเหมือนมีเลือดไหลออกทางปากเลย เกิดจากอะไรคะ ???” เมื่อมีกระแสข่าวเกิดขึ้นโดยเฉพาะในโลกออนไลน์ จึงมีผู้คนต่างแห่เข้าไปดูความประหลาดนี้มากมาย แต่เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมานานหลายปีมากแล้ว โดยชาวบ้านในละแวกนั้น รวมถึงพระสงฆ์ในวัดก็ทราบดีว่าเกิดจากอะไร วันนี้ผมจึงค้นหาข้อมูลมารวบรวมที่มาที่ไปว่าเหตุใดจึงมีคราบของเหลวสีดำออกมาจากนายทวารบาล มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องราวจากการบอกเล่าของชาวบ้านกล่าวว่า เทพเจ้าจีนองค์ดังกล่าวมีชื่อว่าเซี่ยวกาง มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องโชคลาภและเรื่องทำมาค้าขาย เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวจีนมาเป็นเวลาช้านาน และเชื่อกันว่าเมื่อบนบานและสมปรารถนาจะทำการแก้บนโดยนำกาแฟดำมาป้ายที่ปากนายทวารนี้ สาเหตุที่มาของการนำกาแฟดำมาป้ายปากนายทวารบาลมีอยู่ว่า ในอดีตประเทศไทยสามารถสูบฝิ่นโดยไม่ผิดกฏหมาย ต่อมาทางการไทยได้ประกาศให้การสูบฝิ่นผิดกฏหมาย เป็นเหตุให้ชาวจีนคนหนึ่งซึ่งมีอาการเสพติดฝิ่นอย่างมาก เมื่อทางการไทยได้เข้าปราบปรามจึงไม่สามารถที่จะหาฝิ่นมาเสพได้ ทำให้เกิดอาการลงแดงและเสียชีวิตที่ประตูแห่งนี้ เมื่อทางวัดมาพบจึงได้ทำพิธีกงเต๊กให้แก่ดวงวิญญาณของชาวจีนคนนั้น ต่อมาท่านเจ้าอาวาสได้ฝันเห็นชาวจีนท่านนี้ว่า ช่วยหาที่อยู่ให้แก่เข้าด้วย แล้วเขาจะคอยเฝ้าดูแลวัดให้ จึงได้มีพิธีอัญเชิญวิญญาณให้มาสิงสถิตที่ประตูแห่งนี้ หลังจากนั้น มักมีผู้คนมาทำการบนบานในสิ่งต่างๆที่ตนเองปรารถนา หลายคนก็สมหวัง และได้แก้บนโดยใช้กาแฟดำ (แทนฝิ่น) มาป้ายที่ปากนายทวารหรือเซี่ยวกาง เรื่อยมา จนเห็นคราบสีดำอย่างที่เห็นจนทุกวันนี้   คำว่าเซี่ยวกาง มีความหมายว่าอย่างไร ในหนังสือ “ภาษาไทย ภาษาจีน” ของนายเฉลิม ยงบุญเกิด อธิบายไว้ว่า “เซี่ยวกาง  คือ รูปทวารบาลคือผู้รักษาประตู มักทำไว้สองข้างประตู เข้าใจว่ามาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว อ่านว่า เซ่ากัง แปลว่า ยืนยาม, ตู้ยาม, ซุ้มยาม ทวารบาลของจีนจึงเป็นเจ้าแห่งผีทั้งหลาย… Read More »

ความเชื่อของคนไทย ตำนาน เรื่องผีเปรต

ความเชื่อของคนไทย ตำนาน เรื่องผีเปรต ความเชื่อเรื่องผีเปรตมีอยู่ในสังคมไทยมาแต่โบราณว่ามีอยู่จริง อีกทั้งคำสอนของศาสนาพุทธก็ได้ยืนยันว่าเปรตนั้นมีอยู่จริง ความคุ้นเคยของสังคมไทยเกี่ยวกับเรื่องเปรตนั้นจะได้ยินกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ โดยหลายๆคนคงมักได้ยินคำสอนและคำเตือนของพ่อแม่ (บางคนคิดว่าเป็นคำขู่) เช่น พูดไม่ดีกับพ่อแม่ระวังจะเป็น “เปรตปากเท่ารูเข็ม” นะ หรือ ตีพ่อแม่ระวังจะเป็น “เปรตมือเท่าใบลาน” และผมก็คิดมาแต่เด็กว่าคำขู่นี่มันได้ผลจริงๆ เพราะไม่กล้าจะทำผิดเลย ผมเองก็คิดว่าเป็นกุศโลบายที่ดีของสังคมไทย ที่ใช้สอนและปลูกฝังให้เด็กๆ มีสำนึกที่ดีได้พอสมควร แต่เมื่อเติบโตขึ้นสังคมเปลี่ยนไป ได้รับการศึกษามากยิ่งขึ้น หลายคนก็อาจจะเปลี่ยนความคิดไปว่า เป็นเรื่องความเชื่อที่ไม่มีอยู่จริงเพราะพิสูจน์ได้ยาก หรือพิสูจน์กันไม่ได้เลย วันนี้ผมได้ลองหาข้อมูลเรื่องเปรตมาสรุปไว้พอสังเขป เนื่องจาก ได้รับชมรายการ “คนอวดผี” ออกอากาศวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ในรายการได้นำเสนอเรื่องราวความอาถรรพ์ของป้อมตำรวจที่ตั้งภายในวัดศาลาครืน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ในย่านธนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยมีเรื่องราววิญาณที่มีผู้คนในละแวกนั้นได้พบเห็น แล้วนำมาเล่าต่อๆกันไป เรื่องราวที่เล่ากันมาเช่น มีคนพบผู้ชายตรงคอสะพานนั่งอยู่บนพื้นแต่เมื่อขี่จักรยานมาถึงก็ไม่พบชายคนนั้นแล้ว และอีกเรื่องราวจากวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ว่ามีคนเรียกมารับจากวัดศาลาครืน แต่เมื่อมาถึงจุดหมายได้หายตัวไป เป็นต้น จากเรื่องราวในรายการคนอวดผี คุณริว จิตสัมผัส จะเป็นผู้ที่ดำเนินรายการในช่วงนี้ และได้กล่าวว่า เขาได้เห็นเปรตที่วัดศาลาครืน และผู้ที่ร่วมรายการก็ได้กล่าวว่าคนในละแวกนั้นก็ได้เจอเปรตมาเช่นกัน โดยมีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ คุณประไท กิ่งทองสุข ซึ่งอาศัยในละแวกนี้กว่า 60 ปี เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น ได้มานอนกับหลวงปู่ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 4 เป็นเวลาที่ตื่นนอน หลวงปู่ได้เรียกให้มาดูช่องไม้แตก ปรากฎว่าได้พบเจอกับเปรตประมาณ 4 ตนยืนค่อมหอระฆังอยู่ เรื่องผีเปรตพิสูจน์ได้ยากแต่มีบันทึกในพระไตรปิฎก หลักฐานปรากฎในพุทธพจน์ที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก… Read More »

ความเชื่อตำนานอาถรรพ์ ลี้ลับ ของเสือสมิง

ความเชื่อตำนานอาถรรพ์ เสือสมิงสู่จอภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของคนไทย เนื่องจากผมได้ดูรายการทไวไลท์โชว์ เรื่องของภาพยนตร์ “สมิง พรานล่าพราน” ซึ่งเป็นตำนานลี้ลับมาตั้งแต่โบราณของผืนป่า และจากตัวอย่างภาพยนตร์ดูแล้วมสร้างได้ดีมาก เอฟเฟ็ค CGI ครบถ้วน ยิ่งทำให้ผมเองรู้สึกสนใจเรื่องราวของเสือสมิงขึ้นมาทันที ผมจึงได้ลองค้นหาข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับเสือสมิงว่ามีความเป็นมาอย่างไร จากทางอินเตอร์เน็ต และก็ได้สรุปเนื้อหามาเขียนเป็นบทความนี้ เรื่องเสือสมิงเป็นตำนานอาถรรพ์ที่ถูกเล่าขานก็มานมนาม ตำนานพอคร่าวๆจะกล่าวถึงเสือดุร้ายที่คอยจับคนกินเป็นอาหาร จนกระทั่งมีวิญญาณสิงสถิตในตัวเสือ ทำให้เสือตัวนั้นมีอำนาจฤทธิ์เดชมากยิ่งขึ้น ตามตำนานที่เล่าขานกันมานั้น กล่าวไว้ว่าเสือสมิงมีจุดกำเนิดอยู่ 2 แบบ ดังนี้ 1. ผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า โดยมีการฝึกวิชาอาคมกับครูบาอาจารย์ ด้วยเชื่อว่าจะมีฤทธิ์เดช อยู่ยงคงกระพัน ไม่เกรงกลัวต่อวิชาคุณไสยใดๆ แต่ด้วยตามคำบอกเล่าจะกล่าวว่า ผู้ที่เรียนวิชานี้มักจะกลายไปเป็นเสือสมิงแทบทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะเพราะการผิดสัจจะกับครูบาอาจารย์หรือเหตุผลอื่นใดก็แล้วแต่ 2. เกิดจากวิญญาณผีตายโหง ที่ต้องการไปผุดไปเกิด จึงได้สิงสถิตในตัวเสือแล้วทำการล่ามนุษย์เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน เมื่อได้ฆ่าคนจนครบจำนวนก็จะไปผุดไปเกิด ส่วนวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่า ก็จะเข้าสิงสถิตเป็นเสือสมิงต่อไป จนกว่าจะมีตัวตายตัวแทนหรือถูกผู้เก่งกล้าวิชาอาคม มาทำการปราบเท่านั้น วิธีปราบเสือสมิงมี 2 วิธี คือ 1. ใช้กระสุนเงินบริสุทธิ์ (เหมือนตำนานมนุษย์หมาป่า ของฝรั่งเลยครับ) 2. ใช้วิชาอาคมปราบ โดยผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า จะทำการปลุกเสกของอาถรรพ์ เช่น วัวธนู หรือหุ่นพยนต์ เข้าทำการต่อสู้ ถ้าผู้ที่เสกของอาถรรพ์มีวิชาแก่กล้าไม่พอ ก็จะพ่ายแพ้หรือเสียชีวิตเอง เรื่องเล่าเกี่ยวกับเสือสมิง โดยหลวงพ่อลุน วัดโพนแพง จังหวัดขอนแก่น ในพรรษาที่ 23 ของการอุปสมบทหลวงพ่อลุนได้ทพการเดินธุดงค์ไปที่ป่าภูเขาควายเพื่อเสาะแสวงหาพระอาจารย์ผู้เก่งกล้าทางอภิญญาและคาถาอาคม ท่านมีโอกาสได้กราบฝากตัวเป็น ศิษย์หลวงปู่หวล ฐิตสีโล… Read More »

หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา พระพุทธรูปยืน ที่เชื่อกันว่าบันดาลลาภมาก วัดท่าซุง อุทัยธานี

หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา พระพุทธรูปยืน ที่เชื่อกันว่าบันดาลลาภมาก วัดท่าซุง อุทัยธานี ถ้าจะกล่าวถึงวัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม จังหวัดอุทัยธานีแล้ว หลายๆคนก็จะต้องนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสและเป็นศิษฐ์อีกของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้พัฒนาวัดท่าซุงให้เจริญไปอย่างมาก มีสิ่งปลูกสร้างมากมายภายในวัด และทุกสิ่งปลูกสร้างล้วนมีความประณีตสวยงามทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นการสร้างสิ่งต่างๆภายในวัด ก็ล้วนแต่มีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้นตากันองค์หนึ่งคือ พระยืนขนาดสูง 30 ศอก หรือที่กล่าวเรียกกันว่า “หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา” (1 ศอก เท่ากับ 50 เซนติเมตร) ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ด้านหน้าหอพระไตรปิฎก เหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปยืนองค์นี้ก็มีเรื่องราวมาเช่นกัน ซึ่งมีประวัติการสร้างพอสังเขปดังนี้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มักจะสั่งสอนลูกศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอในเรื่องของการชำระหนี้สงฆ์ เนื่องจากว่าแต่ละคนนั้นล้วนแต่เคยเอาของสงฆ์มาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าการจะเก็บสิ่งของต่างๆภายในวัดไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษใบไม้ กิ่งไม้แห้ง เศษกระเบื้องแตกภายในวัด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของสงฆ์ ถ้าได้นำสิ่งนั้นกลับมาจะติดหนี้กรรมกันทั้งนั้น และส่งผลไปสู่การตกนรกเมื่อตายไป เคยมีญาติโยมสอบถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำไปว่า การจะชำระหนี้สงฆ์นั้น ควรจะทำอย่างไรถึงจะหมดสิ้น และหลวงพ่อเองก็ได้ให้คำแนะนำไปว่า จะต้องสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 4 ศอก ขึ้นไปเพื่อเป็นพุทธบูชา ซึ่งถ้าเราได้เข้าไปในวัดท่าซุงจะมองเห็นพระพุทธรูปขนาด 4 ศอกมากมายประดิษฐานโดยรอบพื้นที่วัด เนื่องจากมีผู้คนศรัทธาได้มาทำการสร้างถวายไว้ ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 1,059 องค์ นอกจากนี้หลวงพ่อก็ยังแนะนำอีกว่า การสร้างพระพุทธรูปถวายถ้าจะให้ได้อานิสงส์ผลบุญครบทั้งคณะที่ร่วมกันสร้าง จะต้องทำการปิดทองที่องค์พระด้วย การสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 4 ศอก ได้ดำเนินการก่อสร้างจากญาติโยมที่ศรัทธามากมายจากทั่วประเทศ แต่ละองค์นั้นต้องใช้ปัจจัยจำนวนมากที่การสร้าง บางรายทรัพย์น้อยก็ใช้วิธีการทยอยชำระ ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ได้ห้ามอะไร จนกระทั่งเมื่อ ปี พ.ศ. 2528… Read More »

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำวัน สำหรับผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้

เมื่อเร็วๆนี้ หลายๆคนคงจะได้เห็นการแชร์รูปเกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำวันเกิด ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในแต่ละวัดก็มักจะเห็นพระพุทธรูปปางประจำวันเกิดอยู่โดยทั่วไป แต่ก็เกิดประเด็นร้อนขึ้นมา ในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้จะมีพระพุทธรูปปางประจำวันในปางใด ซึ่งจากรูปที่ปรากฏจะเป็นพระพุทธรูปในอริยาบทที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันนัก ส่งผลให้เกิดการแชร์ไปบนโลกออนไลน์กันอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีหลายๆคนก็คิดไปต่างๆนานาๆ ว่าพระพุทธรูปปางนี้มีอยู่จริงหรือไม่ บางคนก็คิดไปในแง่ที่ไม่ถูกต้อง และก็มีบางส่วนที่หาข้อมูลและก็ทราบความจริงว่าเป็นเช่นไร แท้จริงแล้วรูปพระพุทธรูปที่เราไม่คุ้นเคยกันนัก นั่นคือ “พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ” และก็มีการสร้างอยู่จริง ตามบันทึกจากหนังสือ “ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ” นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร)   พระพุทธรูปประจำวันเกิดของผู้จำวันเกิดไม่ได้ คือพระพุทธรูปปางใด ในเรื่องที่มาที่ไปเกี่ยวกับพระพุทธรูปประจำวันเกิดนั้น มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยโบราณแต่ในเรื่องการบันทึกของพระพุทธรูปประจำวันเกิดสำหรับผู้ที่ไม่ทราบวันเกิดนั้นไม่มีบันทึกที่แน่นอน แต่ผมคิดว่าน่าจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเทวดาประจำวันเกิดตามความเชื่อก็ได้ ตามความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาประจำวันเกิดที่เราคุ้นเคยกันนั้นก็จะทราบกันดีว่า ผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้จะมีเทวดาประจำตัวคือ “เทวดาพระเกตุ”  นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทางสถานที่แห่งนั้นได้จัดตั้งพระพุทธรูปประจำวันเกิดสำหรับผู้ที่จำวันวันเกิดไม่ได้เป็น “พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ” ซึ่งมีคำที่พ้องเสียงกัน สำหรับบางตำราก็ได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธรูปประจำวันสำหรับผู้ที่จำวันเกิดไม่ได้นั้น คือ “พระพุทธรูปปางมารวิชัย”   พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา ยกฝ่าพระหัตถ์ขวาขึ้นแนบพระเศียร เป็นกิริยาเสยพระเกศา   พระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ มีเรื่องราวประวัติและตำนานดังนี้ หลังจากที่พระพุทธองค์ได้เสร็จการเสวยแล้ว ตปุสสะ และ ภัลลิกะ ซึ่งมีอาชีพพ่อค้า ได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสอง ขอถึงพระองค์กับพระธรรมเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงทราบว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองเป็นอุบาสก ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าอวสานแห่งชีวิต ขอกราบทูลขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งควรแก่การอภิวาทในยามอนุสรณ์ถึงพระมหากรุณาธิคุณในกาลเบื้องหน้าต่อไป” ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระมหากรุณา จึงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้นลูบพระเศียรเกล้าฯ ได้พระเกศามา 8 เส้น มีสีดุจแก้วอินทนิล… Read More »