Category Archives: วัดวาอาราม

วัดพระยาออก วัดร้างเก่าแก่สมัยอยุธยา ในโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ลพบุรี

https://youtu.be/we541R49Uto สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางท่องเที่ยวไปยังวัดร้างนามว่า วัดพระยาออก ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี และจากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานว่า อาจมีความเก่าแก่ถึงสมัยอยุธยาตอนต้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังประดิษฐานหลวงพ่อขาว เป็นที่สักการะของประชาชนในพื้นที่มายาวนาน จึงเป็นอีกวัดร้างหนึ่งที่น่าสนใจ การเดินทาง ผมขอแนะนำให้เดินทางไปในวันหยุด เพราะไม่มีการเรียนการสอน จึงจะมีความสะดวกที่สุดครับ วัดพระยาออกเป็นวัดร้างอยู่ภายในโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ในตำแหน่งที่ตั้งภายในเมืองชั้นใน ใกล้กับกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณป้อมด้านหน้าเมือง ชื่อของวัดพระยาออก สันนิษฐานว่ามาจากตำแหน่งที่ตั้งของวัด ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของเมือง เดิมนั้นบริเวณวัดพระยาออกจะก่อฐานด้วยศิลาแลง มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หน้าตัก 420 เซนติเมตร ขนานนามว่า หลวงพ่อขาว ด้านหลังองค์พระพุทธรูปมีกำแพงเชื่อมต่อกับองค์พระ ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาคารขนาดย่อมก่อด้วยศิลาแลง และทิศตะวันตกเฉียงใต้มีบ่อน้ำทรงแปดเหลี่ยมภายในก่อด้วยศิลาแลงเช่นกัน หลวงพ่อขาวเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ ครองจีวรห่มเฉียง ชายสังฆาฏิตัดตรงยาวจรดพระนาภี ชายจีวรยาวพาดข้อพระกรซ้าย ประทับนั่งบนฐานบัว ปัจจุบันถูกพอกทับเป็นฐานหน้ากระดาน พระพักตร์ค่อนข้างเหลี่ยม คล้ายได้รับอิธิพลจากเขมร พระรัศมีเป็นเปลวได้รับอิทธิพลแบบสุโขทัย จัดเป็นพระพุทธรูปแบบอู่ทอง รุ่นที่ 2 องค์หลวงพ่อขาวหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก ซึ่งการสร้างพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตกพบได้ไม่บ่อยนัก อาจเทียบได้กับพระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี และวัดอื่นๆที่มีอายุการสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น เช่น วัดราชบูรณะ วัดพุทไธศวรรย์ วัดพระราม วัดมหาธาตุ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น จึงสันนิษฐานว่าอาคารวิหารนี้น่าจะเป็นอุโบสถเช่นกัน จากหลักฐานทางโบราณคดีดังกล่าว จึงสันนิษฐานว่า วัดพระยาออกน่าจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 19 – 20 ระหว่างที่เดินชมพื้นที่วิหารหลวงพ่อขาว ได้เห็นแกนพระกรองค์เดิมเป็นไม้ ซึ่งผมไม่เคยเห็นพระแกนไม้แบบนี้มาก่อน… Read More »

ตำนานพระพุทธรูปยืนโบราณพันปี สมัยทวารวดี เมืองโบราณกันทรวิชัย มหาสารคาม

https://youtu.be/CuiMdFZxnVo สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางตามรอยตำนาน ณ เมืองโบราณกันทรวิชัย ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งมีตำนานกล่าวถึงพระพุทธรูปสำคัญของเมืองโบราณแห่งนี้ ได้แก่ พระพุทธมงคล ปัจจุบันประดิษฐาน ณ ลาดโพธิ์ วัดพุทธมงคล และ พระพุทธมิ่งเมือง ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดสุวรรณาวาส เป็นพระพุทธรูปยืนโบราณอายุมากกว่าพันปี สมัยทวาราวดี เป็นที่เคารพสักการะของชาวกันทรวิชัยมายาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดีของเมืองโบราณกันทรวิชัย แสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชุมชนขนาดใหญ่สืบเนื่องมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และมีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาในสมัยทวารวดีในราวพุทธศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา หรือกว่า 1,400 ปีที่แล้ว  สภาพพื้นที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐาน เพราะเป็นเนินสูง มีคูน้ำล้อมรอบ มีป่าไม้และทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ หลักฐานบันทึกการตั้งเมืองในปัจจุบัน บันทึกว่า เมื่อ ปี พ.ศ. 2413 เพียคำมูล (ต้นตระกูลศิริกิจ) ได้อพยพผู้คนจากจังหวัดร้อยเอ็ดประมาณ 2,700 คน มาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณ “บ้านกันทางร้าง” ขอขึ้นกับเมืองกาฬสินธุ์ ทางราชสำนักกรุงเทพฯ จึงตั้งเพียคำมูลเป็นพระปทุมวิเสศเจ้าเมืองคนแรก โดยยกบ้านกันทางร้างเป็นเมืองกันทะวิชัย ต่อมาในปี พ.ศ.2425 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท้าวทองคำซึ่งเป็นหลานพระขันติยะวงศา(จันทร์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด เป็นพระปทุมวิเสศ ผู้ว่าการเมืองกันทะวิชัย จนกระทั่งปี พ.ศ.2443 เมืองกันทะวิชัย ได้ถูกยุบเป็นอำเภอ ชื่อ อำเภอกันทรวิชัย ขึ้นกับจังหวัดกาฬสินธุ์ ต่อมาในปี พ.ศ.2456 อ.กันทรวิชัยถูกโอนขึ้นกับจังหวัดมหาสารคาม… Read More »

พระนอนเก่าแก่ที่สุดในไทย วัดธรรมจักรเสมาราม โคราช

https://youtu.be/_2do5MP8ePc พระนอนเก่าแก่ที่สุดในไทย อายุนับพันปี ยุคทวารวดี ณ วัดธรรมจักรเสมาราม ต.เสมา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา สวัสดีครับท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยทุกท่าน ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปกราบสักการะพระนอน(พระพุทธไสยาสน์) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหินทรายที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานอายุกว่า 1,300 ปี หรือสร้างในสมัยทวารวดี นอกจากองค์พระนอนแล้ว ภายในวัดยังเก็บรักษาโบราณวัตถุไว้อีกหลายชิ้น อาทิ ธรรมจักรศิลาโบราณ และซากโบราณวัตถุอื่นๆ เป็นต้น การเดินทางค่อนข้างสะดวก โดยอาศัย GPS ตั้งเป้าหมายไปที่ วัดธรรมจักรเสมาราม  เมื่อมาถึงพื้นที่วัด จะเป็นวัดท่องเที่ยวในท้องถิ่น ที่ถูกจัดสถานที่และป้ายให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวได้ทราบความสำคัญของสถานที่ได้เป็นอย่างดี พระนอนวัดธรรมจักรเสมาราม ประดิษฐานห่างจากเมืองเสมาโบราณมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 500 เมตร เป็นพระนอนหินทรายที่มีอายุเก่าแก่สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 13 (พ.ศ.1201 – 1300) ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงหลายก้อนประกอบกันขึ้น ขนาดองค์พระยาวประมาณ 13.30 เมตร สูง 2.5 เมตร พุทธลักษะหันพระเศียรไปทางทิศใต้ ผินพระพักตร์หันไปทางทิศตะวันออกในส่วนของพระพักตร์ใช้หินทรายสี่ก้อนประกอบวางซ้อนกันแล้วจึงสลักเป็นรูปวงพระจันทร์จึงทำให้มีลักษณะค่อนข้างเหลี่ยมและกว้าง ทรงแย้มพระสรวลที่มุม พระโอษฐ์ชี้ขึ้น พระขนงสลักเป็นสันนูนรูปปีกกา พระเนตรเหลือบลงตํ่า พระนาสิกแบน ขมวดพระเกศาเป็นรูปก้นหอย พระหัตถ์ขวารองอยู่ใต้พระเศียร ครองจีวร ปลายพระบาทเสมอกัน ประดิษฐานฐานในแนวทิศเหนือใต้ในวิหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อด้วยอิฐ ขนาดกว้าง 6.5 เมตร ยาว 26.00 เมตร ภาพพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ก่อนการบูรณะ ณ วัดธรรมจักรเสมาราม ต.เสมา อ.สูงเนิน… Read More »

วัดสิงห์ปากน้ำ วัดร้างในชุมชนญี่ปุ่นสมัยอยุธยา พระพุทธรูปโบราณแบบอู่ทองเก่าแก่มาก

https://youtu.be/z2i3WBQXd0g ขณะนี้เรากำลังอยู่ที่วัดสิงห์ปากน้ำ เป็นวัดร้างตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเรียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ใกล้กับหมู่บ้านญี่ปุ่น ซอยทางเข้าเดียวกับสมาคมมวยไทยนายขนมต้ม ปัจจุบันวัดสิงห์ปากน้ำมีสภาพพื้นที่ล้อมรอบด้วยบ้านเรือน ก่อสร้างศาลาและนำเศษซากพระพุทธรูปหินทรายหลายองค์มาประดิษฐานรวมกันไว้ด้านบน มีพระพุทธรูปหินทรายองค์หนึ่งมีขนาดใหญ่ และมีพระเศียรอยู่ด้วย ผมจึงได้ส่งรูปให้อาจารย์ฉันทัสดู ซึ่งอาจารย์ให้ทัศนะว่า เป็นเศียรพระพุทธรูปหินทรายที่มีความเก่าแก่มาก เป็นแบบศิลปะอู่ทองรุ่นที่ 2 ผมจึงได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งได้กล่าวถึงพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองไว้ว่า ศิลปะพระพุทธรูปอู่ทองนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นรอยต่อระหว่างศิลปะสุโขทัยและศิลปะอยุธยา มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 20  เป็นศิลปะที่คลี่คลายมาจากการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบทวารวดีกับศิลปะขอม ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้กล่าวถึงพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองไว้ว่า มีลายเส้นคร่ำเคร่งและตึงเครียด มีลายเส้นขนาดใหญ่ เป็นอาการแสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ยังมีอำนาจแห่งจิตที่จะเอาชนะกิเลส ตัณหา และค้นหาทางหลุดพ้น ตามที่อาจารย์ฉันทัสได้กล่าวไว้ว่า เป็นลักษณะของพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง รุ่นที่ 2 จะมีพัฒนาการคลายความเคร่งขรึมที่พระพักตร์ลง มีลักษณะคล้ายมนุษย์สามัญมากขึ้น ซึ่งศิลปะอู่ทองรุ่น 1 จะมีความเคร่งขรึมมากกว่า เราสามารถแบ่งพระพุทธรูปแบบอู่ทองได้ดังนี้ พระพุทธรูปอู่ทอง รุ่น 1 หรืออู่ทองหน้าแก่ พบในเขตเมืองสรรคบุรี จ.ชัยนาท มีพระพักตร์เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง เม็ดพระศกคมชัด ความกว้างของพระนลาฏรับกับแนวพระขนงที่ต่อกันคล้ายปีกกา พระหนุป้านเป็นอย่างที่เราเรียกว่า คางคน พระพุทธรูปอู่ทอง รุ่น 2 หรืออู่ทองหน้ากลาง จะมีพัฒนาการคลายความเคร่ง ขรึมที่พระพักตร์ลง มีลักษณะคล้ายมนุษย์สามัญมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงการค่อยๆ ลดอิทธิพลทางศิลปะแบบขอมลง ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปอู่ทอง รุ่น… Read More »

ตามหาวัดพระงาม จากนิราศนครสวรรค์

https://youtu.be/KIVj_Yrc9S0 ตามหาวัดพระงามในอยุธยา จากนิราศนครสวรรค์ ซึ่งกรมพระยาดำรงราชานุภาพสันนิษฐานว่า “พระศรีมโหสถแต่งเมื่อครั้งโดยเสด็จสมเด็จพระนารายณ์ฯ จากรุงศรีอยุธยาไปรับช้างเผือกที่นครสวรรค์ พ.ศ. ๒๒๐๑” การตามรอยหาวัดพระงามครั้งนี้ เป็นการจุดประเด็นโดยอัฐพงษ์ บุญสร้าง แอดมินกลุ่ม Facebook “ประวัติศาสตร์หลังเที่ยงคืน” จึงได้นำเนื้อความนิราศนครสวรรค์มาประกอบแผนที่มณฑล พ.ศ.๒๔๕๘ เพื่อประมวลผลเส้นทางตามลุ่มน้ำโพธิ์สามต้น จนได้ข้อสันนิษฐานนี้ว่า วัดที่ปรากฏให้เห็นพระพุทธรูปงามที่พรรณาไว้ในนิราศและติดริมน้ำ มองเห็นได้ชัดเจน น่าจะเป็นวัดท่ายักษ์(วัดพยัคฆ์) ซึ่งเป็นวัดร้างที่เหลือซุ้มพระยืนโดดเด่นให้เห็นถึงในปัจจุบันนี้ จุดเริ่มต้นในการเดินทางคือเพนียดคล้องช้าง วิ่งไปตามลำน้ำโพธิ์สามต้น ผ่านบ้านไทยใหญ่ ถึงวัดพระงาม หลังจากผ่านวัดพระงาม ไปถึงเกาะราชเทพีและวัดป่าใน เป็นจุดสุดท้ายในการเดินทางตามรอย ซึ่งเป็นไปตามบริบทในนิราศและสอดคล้องกับแผนที่มณฑลดังกล่าว *****เนื้อความ นิราศนครสวรรค์(บางส่วน) ….๏ ลุถึงพะเนียดช้าง สาวสรรค์เอาแต่ตัวตรูมัน โอบอ้อมนำมาสู่ซองกรร กงเขื่อน ขันนาเสด็จออกเอาพลล้อม ลากเข้าโรงรมย์ ฯ ๏ ดลบ้านไทยใหญ่น้ำ นองชล เชี่ยวแฮยลย่อมพานิชสน เสียดซ้องคิดครวญร่ำจวนจน ใจเดือด แดนากี่เมื่อเลยจะหล้อง ลาดเข้าคืนเวียง ฯ ๏ วัดพระงามเงื่อนเพี้ยง แมนสรรค์งามรูปปฏิมาพรรณ รุ่งเร้าถวายวันทนอัน ปราโมช แล้วแฮขอจงพลันคืนเข้า สู่บ้านเมืองหลวง ฯ ๏ ไคลคลานาเวศใกล้ ทรายมี มากนาเกาะราชเทพีศรี ชื่อไซร้ถนัดกลเทพี เพ็ญภาคย์ งามแฮมาเพื่อโลมลวงให้ หน่วงหน้านานถึง ฯ ๏ สัดจรเลอทุ่งถ้อง ทางไป เปล่าแฮเห็นแต่แฝกแขมใบ ค่าค้อมราตรีสว่างแสงใส โสภาคย เดือนนาลมระรวยชวยอ้อม โอบเนื้อเสียวสมร ฯ ๏ ลุบางลาง… Read More »

วัดนางคำ(ร้าง) พระเจ้าบรมโกศเสด็จฉลองสมโภช – อารามหลวงสมัยอยุธยา

https://youtu.be/YgGvfH6wNCw วัดนางคำ(วัดร้าง) พระเจ้าบรมโกศเสด็จฉลองสมโภช – อารามหลวงสมัยอยุธยา… สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปท่องเที่ยววัดนางคำ ซึ่งเป็นวัดร้างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และถือเป็นอารามหลวงในสมัยอยุธยาอีกด้วย เพราะมีบันทึกในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้เสด็จฉลองวัดนางคำ เมื่อจุลศักราช ๑๑๑๗ ตรงกับ พุทธศักราช ๒๒๙๘ จึงถือว่าวัดแห่งนี้มีความสำคัญในอดีตมากอีกวัดหนึ่ง การเดินทางถือว่าสะดวก ซอยเข้าวัดถือว่าแคบรถสวนทางกันไม่ได้ แต่ก็เข้าซอยไม่ลึกมากครับ ท่านสามารถใช้ Google Map เดินทางได้ ซอยเข้าวัดจะอยู่ที่ซอยอโยธยา 4/2 บันทึกอาจารย์ น. ณ ปากน้ำ เมื่อข้ามคลองบ้านบาตรจะเห็นจุดเด่นคือเจดีย์ทรงระฆังแบบลังกา เจดีย์ประธานของวัดนางคำ ตั้งตระหง่านคงทนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอาจารย์ น. ณ ปากน้ำ เคยเดินทางมาสำรวจเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๙ และเขียนลงในหนังสือห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา ไว้ว่า พบเจดีย์ลังกาขนาดใหญ่ องค์ระฆังเพรียวสูงขึ้นเล็กน้อย ใต้องค์ระฆังเป็นลูกแก้วกลมสามชั้น ต่อลงมาเป็นฐานบัวสามชั้น ทรงแปดเหลี่ยม อาจเป็นีมือช่างในสมัยอยุธยาตอนต้น อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ ได้เขียนบรรยายสภาพการสำรวจเพิ่มเติมไว้ว่า ตรงฐานเจดีย์ถูกนักล่าของเก่าขุดจนพรุน มองเห็นโครงภายในของเจดีย์ ซึ่งก่อเป็นโพรงไปตลอดทั้งองค์ เหนือองค์ระฆังเป็นคานไม้ ตังเจดีย์ผนังหนาประมาณ ๑.๓๐ เมตร อิฐที่ก่อมีขนาด ๓๐ x ๔.๕ x ๑๖ เซนติเมตร บัลลังก์ย่อมุมสิบสอง… Read More »