Category Archives: วัดวาอาราม

เที่ยววัดหน้าต่างนอก ตามรอยหลวงพ่อจง พระผู้ทรงอภิญญา

https://youtu.be/69DudDoq5b4 https://youtu.be/OYZsrxvCBXU สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมบรรยากาศตามรอยหลวงพ่อจง พุทธัสสโร แห่งวัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่หลายๆท่านก็คงจะรู้จักกันดี เนื่องจากท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา และมีกิตติศัพท์โดดเด่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในสมัยนั้น จะมีพระเถราจารย์ที่ชาวบ้านให้ความศรัทธาและติดปากกันว่า “จาด-จง-คง-อี๋” ได้แก่หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ผมจึงได้ถือโอกาสนี้ ที่จะเดินทางไปวัดหน้าต่าง เพื่อไปชมบรรยากาศและกราบไหว้ระลึกถึงคุณหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ตั้งขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา หรือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐ โดย หลวงปู่เณร เป็นผู้ก่อตั้ง วัดหน้าต่างนอกได้รับการรับรองสภาพวัดจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หนังสือรับรองที่ พศ ๐๐๐๓/๖๒๐๕ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยมี นางบุญศรี พานะจิตต์ เป็นรองผู้อำนวยการ ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เซ็นรับรอง เหตุที่ชื่อ “วัดหน้าต่างนอก” ก็มีการสันนิษฐานมาจากเหตุ ๒ ประการ คือ ประการที่ ๑ ในสมัยนั้นกองทัพพม่าที่ยกมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้ตั้งค่ายใกล้กับสะพานสีกุก ทางกองทัพกรุงศรีอยุธยาก็ได้ให้ทหารหน่วยสอดแนมสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของกองทัพพม่า โดยให้ดูด้วยการเปิดหน้าต่าง หน้าต่างใน หมายถึง ใกล้ชายแม่น้ำน้อย ก็คือตรงที่ตั้งวัดหน้าต่างใน ส่วน หน้าต่างนอก ก็หมายถึง… Read More »

เที่ยววัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ลพบุรี ตามรอยพระอภิญญา หลวงพ่อสาย ติสสโร

https://youtu.be/MkGsaM4ni1o ขอสวัสดีกันอีกครั้ง กับการเดินทางท่องเที่ยววัดในวันหยุดสบายๆของผม … ผมห่างหายจากการเขียนบทความไปนานร่วมเดือนเต็มๆ เพราะว่าแทบไม่มีเวลาเขียนบทความกันเลยครับ ประมาณว่าเที่ยวจไม่เหลือเวลากันเลยทีเดียว… พอกลับมาดู โอ้ว ห่างหายไปนานแรมเดือนเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้ความทรงจำหายไป จึงรีบกลับมาเขียนบทความกันอีกครั้ง ครั้งนี้ ผมได้เดินทางไปท่องเที่ยววัด ในโปรแกรมการตามรอยพระอภิญญาแห่งลพบุรี รูปหนึ่งนั่น ก็คือ หลวงพ่อสาย ติสสโร แห่งวัดพยัคฆาราม หรือชาวบ้านพากันเรียกติดปากว่า วัดเสือ ที่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี การเดินทางก็เช่นเดินมครับ ผมได้อาศัยวันว่างจากเวลางานมาท่องเที่ยว จึงได้นัดแนะเพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวด้วยกันเป้าหมายคือที่วัดพยัคฆารามหรือวัดเสือแห่งนี้ แต่เดิมผมไม่ทราบเรื่องราวของวัดนี้เท่าไรนัก จนบังเอิญไปได้หนังสือเก่าเล่มหนึ่ง พอเปิดอ่านก็ได้พบเรื่องราวของหลวงพ่อสาย ติสสโร แห่งวัดพยัคฆาราม ซึ่งเป็นพระอภิญญา รูปหนึ่งที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในจังหวัดลพบุรี ทั้งๆที่ผมก็เดินทางผ่านวัดแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็แค่เพียงผ่านเลยไป … ดังนั้น ผมจึงได้หาโอกาสเดินทางเพื่อไปชมบรรยากาศและตามรอยเรื่องราวในครั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึงวัด ก็พบกับความเงียบสงบ ทางเข้าวัดไม่มีกำแพงล้อมรอบ พื้นที่โล่งๆ ผมก็นำรถไปจอดใต้ต้นโพธิ์ จากนั้นก็พากันเดินชมบรรยากาศภายในวัด ภายในวัดมีสุนัขค่อนข้างเยอะครับ แต่ก็ดูเป็นมิตรกับเราดี แต่การเดินชมบรรยากาศให้ระวังกับระเบิดที่สุนัขปล่อยทิ้งไว้ด้วยนะครับ บอกเลยมีเยอะพอสมควร ฮ่าๆ เรื่องราวของวัดพยัคฆารามหรือวัดเสือ ต่อไปในบทความผมจะเรียกสั้นๆว่าวัดเสือนะครับ วัดพยัคฆารามหรือวัดเสือ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นวัดที่เก่าแก่มาหลายร้อยปี แต่ไม่พบหลักฐานการสร้างว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่ได้อาศัยการสันนิษฐานจากการขุดสำรวจของกรมศิลปากรซึ่งค้นพบวัตถุโบราณสมัยลพบุรี และเครื่องสังคโลก สมัยสุโขทัย จากการสันนิษฐาน เชื่อกันว่าวัดแห่งนี้อาจจะเป็นวัดที่ชาวบ้านในสมัยโบราณที่หนีสงครามจากพม่าแล้วตั้งรกรากมาสร้างไว้ ซึ่งอาจจะเป็นดงเสือมาก่อน จึงให้ชื่อว่าวัดเสือ ตั้งแต่นั้น ในสมัยหลวงพ่อสาย ติสสโร ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น วัดเสือมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก… Read More »

เที่ยววัดจรเข้ตาย ฉะเชิงเทรา ตามรอยตำนานจระเข้ยักษ์

https://youtu.be/wDYkpBi_cWg สวัสดีกันอีกครั้ง ในภารกิจการเดินทางท่องเที่ยวัดตามสไตล์บ้านๆของผม ช่วงที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาวหลายวันผมจึงได้โอกาสเดินทางไกลขึ้นเล็กน้อย โดยมีเป้าหมายที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งก็มีเป้าหมายหลายๆวัดและก็มีวัดที่น่าสนใจมากมาย วัดที่ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปชมในครั้งนี้ จะมีชื่อที่ฟังแล้วก็แปลกดี เพราะชื่อว่า “วัดจรเข้ตาย” ตั้งอยู่ที่บ้านจรเข้ตาย ต.บางคา อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา  เมื่อได้ยินชื่อวัดแล้ว ผมก็ต้องคิดไปว่าต้องมีเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เป็นแน่ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะมีเรื่องเล่าตำนานเมื่อครั้งปี พ.ศ. 2400 ตำนานจระเข้ยักษ์ หมู่บ้านนี้ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 ตามประวัติมีผู้เล่าว่า นายจ้อย นางยัง เป็นผู้เข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ก่อนผู้อื่นได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นในบริเวณแถบนี้ ต่อมามีครอบครัวนายกับและนายหลุ่ม ได้อพยพเข้ามาหากินอยู่ด้วยโดยตั้งบ้านเรือนใกล้กัน สำหรับครอบครัวของนายกับได้มีผู้อาศัยอยู่ด้วยเป็นคนลาวชื่อนายสาม อยู่ได้ไม่นานนักนายสามออกไปเลี้ยงควายแล้วหายไป ชาวบ้านได้ออกติดตามไปพบว่าถูกจระเข้ลากไปกินอยู่ที่หนองนํ้าแห่งหนึ่ง ต่อมาพวกวัว ควาย และสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านทั้งสามก็ถูกจระเข้ลักไปกินอีก บางครั้งก็กัดวัวควายที่ลงอยู่ในคลองจนเป็นที่เดือดร้อนกันไปทั่ว เมื่อทนไม่ไหวจึงได้ติดต่อหมอจระเข้มาทำการปราบ โดยทำการตั้งศาลเพียงตาตรงปากคลองที่แยกจากคลองท่าลาด เพราะเชื่อว่าเป็นถํ้าจรเข้ เล่ากันว่าสามารถปราบจรเข้ได้มากมาย แต่มีอยู่ตัวหนึ่งซึ่งใหญ่และเชื่อว่าคงเป็น หัวหน้าได้พยายามสู้หมอ แต่สู้ไม่ได้จึงหนีไปตามลำคลอง ในที่สุดก็ไปติดตรงส่วนที่แคบที่สุดของคลอง จึงได้ถูกชาวบ้านที่ติดตามไป ฆ่าตาย แล้วนำมารวมกันที่ศาลเพียงตา ในการนี้มีชาวบ้านต่างถิ่นเดินทางมาดูกันมาก เมื่อกลับไปก็ไปบอกต่อๆ กันว่าไปบ้านจรเข้ตายมา จึงได้พากันเรียก หมู่บ้านนี้ว่า “บ้านจรเข้ตาย” เมื่อผมเดินทางมาถึงวัดจรเข้ตาย ก็ขับรถตรงเข้ามาจอดติดริมคลอง ซึ่งจะมีศาลเพียงตาและศาลาท่าน้ำอยู่… บรรยากาศในวัดค่อนข้างเงียบ พื้นที่ค่อนข้างโล่ง อากาศร้อนพอสมควรเพราะผมเดินทางในช่วงเดือนเมษายน แต่ก็พอมีร่มเงาต้นไว้บริเวณริมคลองนี่แหละครับ ซึ่งผมก็มานั่งพักฟังเสียงนกร้อง ก็รู้สึกสงบดี ตรงศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่จรเข้ทอง จะมีหุ่นจระเข้ตั้งอยู่ดูน่ากลัวดีครับ และบ่อข้างๆ ก็มีหุ่นจระเข้ เล่นเอาผมตกใจพอสมควรเพราะเดินเพลินๆ แล้วบังเอิญเห็นแล้วใจหายแว๊บ จุดต่อไปที่ผมเดินทางไปกราบไหว้บูชาคือวิหารอดีตเจ้าอาวาสวัดจรเข้ตาย… Read More »

วัดสุวรรณคีรีปิฎก (เขาตะกร้าทอง) ตามรอยตำนานขุนเขาลพบุรี ตอนเจ้ากงจีน

https://youtu.be/YyWsbzk1A3s มาถึงวัดสุดท้ายกับการเดินทางท่องเที่ยววัด ตามรอยตำนานขุนเขาเมืองลพบุรี ตอนเจ้ากงจีน วัดแห่งนี้คือวัดสุวรรณคีรีปิฎก ณ เขาตะกร้าทอง ซึ่งแต่เดิมนั้นชื่อวัดเขาตะกร้าทองแต่ได้เปลี่ยนชื่อในภายหลัง วัดสุวรรณคีรีปิฎก จะตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเวฬุวัน (เขาจีนแล) ไม่มากนัก ซึ่งถ้ามาถึงวัดแล้วจะมองเห็นเขาจีนแลอยู่ไม่ไกล วัดสุวรรณคีรีปิฎก เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขา มีค้างคาวจำนวนมาก  เป็นภูเขามีลักษณะคล้ายตะกร้าคว่ำ ตั้งอยู่หมู่ 7 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี  สร้างวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498 ชื่อวัดเขาตะกร้าทอง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสุวรรณคีรีปิฎก สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดที่สร้างอยู่บนไหล่เขาตะกร้าทอง มีถ้ำซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนานมาก มีพระประธาน พระนามว่า พระพุทธสิรินิมิตมงคล เป็นวัดที่สร้างอยู่บนภูเขาใกล้กับบริเวณอ่างซับเหล็ก จังหวัดลพบุรี โดยมีพระผู้ก่อสร้างวัดนี้ขึ้นมาคือ หลวงปู่บุญเหลือ และหลวงปู่ขาว ซึ่งในขณะนั้นได้เดินธุดงค์ผ่านมายังสถานที่แห่งนี้กล่าวกันว่า บริเวณยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดนี้มีลักษณะเป็นแอ่งคล้ายกับตะกร้าเมื่อยามต้องแสงแดดนั้นบริเวณแอ่งนี้จะมีแสงระยิบระยับคล้ายกับทองจึงเป็นที่มาของชื่อวัดเขาตะกร้าทองดังกล่าว หลวงปู่บุญเหลือท่านได้มรณภาพไปตั้งแต่ปี 2516 ยังเหลืออยู่แต่หลวงปู่ขาวซึ่งตอนนี้ได้ไปสร้างวัดอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปปั้นหลวงปู่บุญเหลือ และปู่ฤๅษี ห้องถัดมา คือถ้ำมหาโชคซึ่งอยู่ในถ้ำ มีค้างคาวน้อยใหญ่อาศัยอยู่ข้างในเป็นห้องโถงประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่สิ่งมหัศจรรย์ที่เราได้พบคือห้องโถงประดิษฐานพระพุทธรูป กับจุดที่ค้างคาวอาศัยนั้นห่างกันไม่เกินสิบก้าว แต่บริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูป จะไม่มีค้างคาวมาเกาะด้านบนและไม่มีมูลค้างคาวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เขาตะกร้าทองจะมีลักษณะไม่เหมือนวัดอื่นโดยเป็นอาคารสูง 4 -5 ชั้น ยาวไปตามไหล่เขา เมื่อไปถึงยอดเขาจะมีถ้ำใหญ่ ได้แก่ ถ้ำพระ ถ้ำฤๅษี ถ้ำคัางคาว ถ้ำมหาโชค ซึ่งเป็นถ้ำธรรมชาติควรแก่การศึกษา และทางวัดได้เก็บสังขารของหลวงพ่อบุญเหลือ ซึ่งมีสภาพไม่เน่าเปื่อยไว้ให้ประชาชนที่เคารพได้กราบสักการบูชา ในยามพลบค่ำจะสามารถชมค้างคาวนับแสนตัว ออกหากิน และสามารถชมทิวทัศน์ของธรรมชาติบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยซับเหล็ก และบริเวณโดยรอบที่มีความสวยงาม จากตำนานขุนเขา… Read More »

วัดเวฬุวันหรือวัดเขาจีนแล ตามรอยตำนานขุนเขาลพบุรี ตอนเจ้ากงจีน

https://youtu.be/7UZH0J_PiVc มาเดินทางท่องเที่ยวกันต่อครับ ในการท่องเที่ยววัดตามรอยตำนานขุนเขาเมืองลพบุรี ซึ่งก็ใกล้จะครบตามโปรแกรมแล้ว ครั้งนี้เรามากันถึง วัดเวฬุวันหรือวัดเขาจีนแล เนื่องจากวัดแห่งนี้อยู่กลางหุบเขาจีนแล ด้านบนของขุนเขาจะประดิษฐานพระพุทธรูป “พระพุทธธรรมรังษี มุนีนาถศาสดา” ซึ่งสร้างตามดำริของท่านพ่อลี อดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม การเดินขึ้นสู่จุดสูงสุดที่วัดแห่งนี้ จะขึ้นบันไดด้วยความสูง 436 ขั้น ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าเป็นอุปสรรคนักเพราะผมเคยเดินขึ้นเขาที่สูงกว่านี้มาก แต่ด้วยอากาศร้อนในวันที่ผมเดินทาง ก็ทำเอาคิดหนักเหมือนกัน กว่าจะตัดสินใจเดินขึ้นไป ก็ต้องคิดหลายรอบ วัดเวฬุวันหรือวัดเขาจีนแล มีเรื่องราวสอดคล้องตามตำนานขุนเขาเมืองลพบุรีที่ว่า ครั้งหนึ่งลพบุรีเป็นเมืองท่าสำคัญที่ทำการติดต่อซื้อขายกับชาวจีน ต่อมาเจ้ากงจีนได้ขนสินสอดมาทางเรือสำเภาเพื่อมาสู่ขอนางนงประจันทร์ แต่เรือได้ล่มลง ลูกเรือชาวจีนต่างก็กระโจนลงจากเรือ และแลมองทรัพย์สมบัติต่างๆ จมลงสู่ท้องทะเล ต่อมาได้เกิดขุนเขาขึ้นมา ณ จุดตรงนี้ จึงเรียกว่าเขาจีนแล หรือเขาจีนโจน นั่นเอง การเดินทางวันนี้ ได้เห็นสภาพบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงามมากครับ แต่เสียดายที่ผมมาช้าไปนิด เพราะเส้นทางนี้จะปลูกดอกทานตะวันสวยงามมาก แต่วันที่ผมเดินทางก็เป็นช่วงที่ดอกทานตะวันร่วงโรยไปหมดแล้ว ขับรถมาตามถนน ก็เห็นผู้คนนักท่องเที่ยวต่างเดินทางและหยุดถ่ายรูปอยู่เป็นระยะ เพราะทิวทัศน์จะสวยงามจากธรรมชาติของขุนเขา เมื่อเข้าสู่พื้นที่วัด จะเห็นซุ้มประตูเป็นหัวหนุมาน ดูแปลกตาดีครับ เมื่อเดินทางมาถึงวัด ก็ได้หาที่จอดรถ ซึ่งก็มีกว้างขวางมากครับ จอดได้ตามสะดวก แต่ก็ระมัดระวังฝูงลิงไว้บ้างก็ดี เพราะมีเยอะพอสมควร บรรยากาศที่เราเดินทางมาถึงต้องบอกว่าร้อนเอาการ จึงมีผู้คนเดินทางมาน้อย แต่ผมเชื่อว่าในช่วงอากาศเย็นๆ สถานที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งในการเดินทางท่องเที่ยวและปฏิบัติธรรม เพราะอยู่ท่ามกลางขุนเขา…ผมคิดอยู่ในใจว่า จะหาโอกาสเดินทางไปช่วงฤดูหนาวอีกสักครั้ง คงจะได้บรรยากาศที่ดีกว่านี้ จากนั้นกลุ่มของเราก็พากันเดินทางเพื่อหาทางขึ้นเขา ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ด้านบน กลุ่มของผมมาเดินมาถึงทางขึ้น ก็พากันมองหน้ากันและกัน เป็นนัยว่า เราจะขึ้นกันมั้ย … ผมจึงตัดสินใจบอกว่า ไหนๆก็มากันแล้ว ไม่ใช่มาได้บ่อยๆ ก็ขอขึ้นไปเลยแล้วกัน…… Read More »

วัดนาจานหรือวัดเขาหนีบ ที่เขาพับผ้า ตามรอยตำนานขุนเขา ตอนเจ้ากงจีน

https://youtu.be/tGvZafultc8 เรามาท่องเที่ยวกันต่อครับ ในการเดินทางตามรอยตำนานแห่งขุนเขาเมืองลพบุรี ในตอนเจ้ากงจีน และก็มาถึงวัดนาจานหรือวัดเขาหนีบกันแล้วครับ วัดแห่งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวข้องในตำนานที่กล่าวว่า เมื่อเรือเจ้ากงจีน บรรทุกสินสอดมาสู่ของนางนงประจันทร์ และล่มลงนั้น ผ้าชั้นดีต่างๆ ได้ล่องลอยตามท้องทะเล และมาจมลงบริเวณใกล้เคียงกับวัดนาจานแห่งนี้ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “เขาพับผ้า” หรือ “เขาหนีบ” วัดนาจาน จะตั้งอยู่อยู่ด้านหน้าเขาพับผ้า หรือเขาหนีบ ซึ่งด้านบนจะประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ สามารถเดินขึ้นไปกราบไหว้บูชากันได้ วัดเขาหนีบอยู่ไม่ห่างจาก วัดศรีรัตนคีรี (เขาแก้ว) เท่าไหร่นัก โดยเราเดินทางไปที่บ้านเขาหนีบตาม GPS ขับรถไปได้ไม่นานนัก ก็จะเห็นขุนเขา มีลักษณะเป็นชั้นๆ เหมือนตามตำนานที่ว่า เหมือนชั้นของผ้าที่พับไว้ เมื่อเดินทางมาถึงวัดนาจานหรือวัดเขาหนีบแล้ว กลุ่มของเราก็หาที่จอดรถซึ่งก็กว้างขวางครับ เลยจอดไว้ใกล้ปากทางเข้าวัด มาถึงวัดซึ่งก็มีบรรยากาศเงียบเหงาครับ เพราะไม่ใช่ช่วงงานบุญ เราก็เลยเดินไปยังเขาหนีบหรือเขาพับผ้ากันเป็นอันดับแรก ลักษณะภูเขา จะมีความสูงไม่มากนัก แต่ด้วยอากาศร้อนๆ ก็คงจะเหนื่อยเอาการเหมือนกัน …มีเรื่องที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งคือ บ่อยๆครั้งที่ผมเดินทางไปเที่ยววัดและเดินขึ้นเขา มักจะมีแดดร่มลง ซึ่งผมก็นึกแปลกใจเหมือนกัน และก็มีผลดีกับการเดินทางในทุกๆครั้ง ป้ายด้านล่าง จะติดรูปพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านบน มีพระนามว่า “หลวงพ่อใหญ่อนันตพุทธอุดมเขตต์” เนื่องจากการเดินขึ้นเขาไม่สูงนัก จึงพากันเดินขึ้นได้แบบสบายๆ เมื่อขึ้นมาถึงเป้าหมายกันแล้ว ก็เดินชมบรรยากาศ แม้จะร้อนแต่ก็แดดร่ม ถ้าแดดออกมีหวังได้รีบเดินลงดันเลยทีเดียว เพราะแทบหาร่มเงาหยุดพักกันไม่ได้เลย ด้านบนจะมีคล้ายทีพักสงฆ์ 1 หลัง แต่ไม่เห็นพระอยู่ครับ เราก็เลยต้องเดินถ่ายรูปกันอย่างรีบเร่ง เกรงว่าแดดจะออกมาเสียก่อน ซึ่งก็ได้บรรยากาศดีครับ ได้ชมวิวทิวทัศน์ด้านบน ที่น้อยคนจะเดินขึ้นมา   หลังจากพากันเก็บภาพกันได้หนำใจกันหมดแล้ว ก็ได้เวลาเดินลงไปด้านล่าง… Read More »