Category Archives: วัดวาอาราม

วัดธรรมมงคล หลวงพ่อวิริยังค์ พระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น

https://youtu.be/JcNqMU9VtOg หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้ก่อตั้งวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ผู้เป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น นานถึง 4 ปี … สวัสดีครับ ท่านผู้รักการท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธา ถ้าจะกล่าวถึงหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่ขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาหลังยุคกึ่งพุทธกาลอย่างแท้จริง หลวงปู่มั่นได้เผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจนมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศที่ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และหนึ่งในนั้นคือ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร ผู้เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นและได้อุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอย่างใกล้ชิดนานถึง 4 ปี ย่อมได้รับข้อธรรมอันแสนวิเศษจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายป่าอย่างชัดเจนแน่นอน ปัจจุบัน(พ.ศ.2562) หลวงพ่อวิริยังค์มีอายุ 99 ปี ถือได้ว่าเป็นพระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นเพียงรูปเดียวที่ยังทรงขันธ์อยู่ เรื่องราวของหลวงพ่อวิริยังค์ก่อนที่จะเข้าสู่วงศ์พระพุทธศาสนานั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 13 ปี เพราะตามเพื่อนไปนั่งสมาธิจนเกิดอัศจรรย์ทางจิต และต่อมาท่านได้บวชหนักถึงขั้นจะเป็นอัมพาต ขยับตัวไม่ได้ ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานถ้าหายจากอาการป่วยจะอุทิศชีวิตให้แก่พระพุทธศาสนา และก็เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์อีกเช่นกัน เมื่อท่านหายป่วยจึงบรรพชาและบวชเป็นพระสงฆ์ติดตามหลวงปู่กงมา จิรปุญโญนานถึง 8 ปี และอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นอีก 4 ปี จึงได้รับข้อธรรมที่ถูกต้องจากครูบาอาจารย์อย่างใกล้ชิด หลวงพ่อวิริยังค์อุทิศตนแก่พระพุทธศาสนามาโดยตลอดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการสอนสมาธิตามแนวทางหลวงปู่มั่นจนถึงปัจจุบัน ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องราวของหลวงพ่อ คงใช้เวลาเขียนอีกมากมาย แต่วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังวัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้ดำริให้สร้างขึ้น วัดธรรมมงคล เดิมมีชื่อว่า วัดป่าสะแก เพราะบริเวณวัดในอดีตมีต้นสะแกอยู่มาก มูลเหตุการณ์สร้างวัด เนื่องมาจากคหบดีเจ้าของที่ดินคือ นายเถาและนางบุญมา อยู่ประเทศ มีความประสงค์จะถวายที่ดินแก่พระสงฆ์ จนมาพบกับหลวงพ่อวิริยังค์ที่มาปักกลดบริเวณป่าสะแก มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามากจึงเดินทางมาทำบุญกันมากมาย ทั้งมาปฏิบัติด้วยจนมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน นายเถาและนางบุญมา จึงเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ความเจริญของสถานที่ได้ดำเนินไปตามกาลเวลา ต่อมาได้ตั้งชื่อวัดอย่างเป็นทางการว่า “วัดธรรมมงคล… Read More »

วัดใหญ่เทพนิมิตร ชุมชนลาวอพยพลุ่มน้ำป่าสัก

https://youtu.be/6VktiBahWqw วัดใหญ่เทพนิมิตร ชุมชนลาวอพยพลุ่มน้ำป่าสัก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา… สวัสดีครับท่านที่รักการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เนื่องด้วยผมได้เห็นภาพวัดแห่งหนึ่งจากการเผยแพร่ของวารสารเมืองโบราณ เป็นภาพพระธาตุเจดีย์มีลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนม แต่อยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินทางไปเที่ยวชมวัดแห่งนั้น วัดที่ผมจะพาไปชมคือ วัดใหญ่เทพนิมิตร ต.สามไถ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จุดเด่นคือพระธาตุเจดีย์ที่พบแถบทางอีสานและลาว ซึ่งสอดคล้องตามเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ว่า ในสมัยกรุงธนบุรีจนถึงรัชกาลที่ 3 ได้มีการทำศึกสงครามและกวาดต้อนชาวลาวอพยพเข้ามาแถบลุ่มแม่น้ำป่าสักจำนวนมาก รูปแบบพระธาตุเจดีย์ที่นี่คล้ายกับพระธาตุพนม และส่วนตัวผมมีความศรัทธาพระธาตุพนมเป็นอย่างมาก จึงได้เดินทางไปกราบสักการะ วัดใหญ่เทพนิมิตรห่างจากตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาไม่ถึง 30 กิโลเมตร การเดินทางสะดวกตลอดเส้นทางครับ บรรยากาศที่วัดจะค่อนข้างเงียบ มีพื้นที่ติดกับโรงเรียนวัดใหญ่ ดูเผินๆ เหมือนสัมผัสบรรยากาศแถบอีสานบ้านเกิดผมครับ จากอัตลักษณ์รูปแบบลาวในวัดแห่งนี้ สอดคล้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มคนลาวอพยพที่มีบันทึกในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชพงศาวดาร กล่าวว่า ในสมัยกรุงธนบุรีเกิดความขัดแย้งในอาณาจักรล้านช้าง พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงรับสั่งให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์คุมกองกำลังไปยึดนครเวียงจันทน์และกวาดต้อนชาวลาวเข้านับหมื่นคนมาแถบลุ่มน้ำป่าสัก ในสมัยรัชกาลที่ 1 หลวงเทพหริรักษ์ได้คุมกองกำลังกับหัวเมืองเหนือขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงแสนจนเป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ.2347 และได้กวาดต้อนชาวลาว(ลาวยวน) เข้ามาแถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก จนกระทั่งช่วงรัชกาลที่ 3 มีสงครามกับนครเวียงจันทน์จึงมีการกวาดต้อนชาวลาวมาเช่นกัน ระฆังไม้ หรือที่เรียกว่า โปง จะพบตามวัดแถบอีสานเป็นจำนวนมาก ในอุโบสถจะมีจิตรกรรมซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภาพจิตกรรมมีความเลือนลางหายไปหลายส่วน ด้านข้างอุโบสถ จะเป็นภาพจิตรกรรม 4 แถว โดยแบ่งเป็น แถวบนสุดจะเป็นภาพพระพรหม, แถวที่สองและสาม จะเป็นภาพเทพชุมนุม นางอัปสร และเหล่ายักษ์นั่งประนมหันหน้าไปยังพระประธาน, แถวล่างสุดเป็นเรื่องราวของรามเกียรติ์ ส่วนด้านหลังพระประธาน เป็นภาพสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีพระมาลัยกำลังสนทนากับพระอินทร์และมีภาพจุฬามณีมหาเจดีย์ สันนิษฐานว่าจิตรกรรมเขียนขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น หลังจากชมความงามบริเวณรอบอุโบสถกันแล้ว ผมจึงเดินไปยังริมแม่น้ำป่าสัก เพื่อเก็บบรรยากาศท้องถิ่น บรรยากาศโดยรวมที่วัดใหญ่เทพนิมิตร… Read More »

วัดเจดีย์ทอง ปทุมธานี วัดเก่าแก่ศูนย์รวมใจชาวมอญอพยพ

วัดเจดีย์ทอง ปทุมธานี วัดเก่าแก่ศูนย์รวมใจชาวมอญอพยพ… สวัสดีครับ ท่านที่รักการท่องเที่ยววัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อไปเที่ยวชมวัดแห่งหนึ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์สะท้อนเรื่องราวในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชาวมอญอพยพ นั่นก็คือ วัดเจดีย์ทอง วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์สำคัญคือ เจดีย์ศิลปะมอญที่บ่งชี้ว่า แถบนี้มีการอพยพของชาวมอญถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวมอญในอดีต นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบมอญ พระนามว่า “หลวงพ่อขาว” อีกด้วย วัดเจดีย์ทอง ติดริมน้ำเจ้าพระยาในบรรยากาศดีๆ ซึ่งเส้นทางริมน้ำเจ้าพระยาตลอดสายที่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี จะมีวัดเก่าแก่มากมายให้เที่ยวชม และสะท้อนเรื่องชุมชนมอญอีกหลายแห่งด้วยครับ  วัดเจดีย์ทอง มีความเป็นไปได้ว่าเป็นวัดเก่ามาตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งรับกับศิลปกรรมใบเสมาหินทรายแดง สันนิษฐานว่าอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 (อยุธยาตอนปลาย) จากข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวว่า วัดเจดีย์ทอง เดิมนั้นมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาได้ร้างลงจากสงครามกรุงแตก เมื่อ ปี พ.ศ.2310 ต่อมาพระยารามซึ่งเป็นบุตรของพระยาเจ่ง (เป็นน้องเจ้าพระยามหาโยธา)เป็นผู้ริเริ่มบูรณะและสร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อสมัยได้อพยพหนีพม่า และได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่สามโคก ต่อมาพระยารามผู้นี้ได้รับแต่งตั้งเป็นพระยานครเขื่อนขันธ์ รามัญราชชาติเสนาบดี ศรีสิทธิสงคราม เป็นผู้รักษานครเขื่อนขันธ์ วัดเจดีย์ทองได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2508  รูปแบบเจดีย์เลียนแบบมาจากอานันทเจดีย์ในเมืองพุกาม  ตำนานสัญลักษณ์ชาวมอญ ธงตะขาบ มีตำนานเล่าว่า ณ ดอยสิงคุตต์ เมืองย่างกุ้ง มีตะขาบยักษ์ตัวหนึ่งอาศัยอยู่และชอบจับช้างมากินเป็นอาหาร จนซากช้างกองสุมเต็มไปหมด วันหนึ่งมีพ่อค้าจากต่างแดนผ่านมาพบซากช้างนี้ จึงอาศัยจังหวะที่ตะขาบยักษ์ออกไปหากิน คัดเลือกและขนงาช้างลงเรือสำเภาของตนไป เมื่อตะขาบยักษ์กลับมาเห็นก็โกรธมาก จึงไล่ตามพ่อค้านั้นลงไปในทะเล แต่กลับต้องพบกับปูยักษ์เจ้าทะเลขนาดมหึมา เจ้าตะขาบยักษ์สู้ไม่ได้จึงถูกปูยักษ์จับกินเป็นอาหารไปในที่สุด ต่อมาในสมัยพุทธกาล ตปุสสะและภัลลิกะ พ่อค้าจากอุกกลชนบท ได้พบกับพระพุทธเจ้าและได้แสดงตนเป็นอุบาสก พระพุทธเจ้าจึงประธานพระเกศาธาตุให้ทั้งสองคน ครั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านเมืองของตนแล้ว… Read More »

พระพุทธรูป 3 กาลเวลา วัดท่าซุง – สมเด็จองค์ปฐม องค์ปัจจุบันและพระศรีอริยเมตไตรย

https://youtu.be/P18_E2rrUx0 พระพุทธรูป 3 กาลเวลา วัดท่าซุง – องค์ปฐม องค์ปัจจุบันและพระศรีอริยเมตไตรย… สวัสดีครับท่านผู้ติดตามและสนใจท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธา วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปยังวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นวัดหนึ่งที่ผมเดินทางไปอยู่เป็นประจำ เพราะมีความเคารพศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นอย่างมาก ความพิเศษของวัดท่าซุงมีอยู่หลายประการ แต่ครั้งนี้ผมจะพาทุกท่านไปกราบพระพุทธรูปที่มีความพิเศษกว่าวัดอื่นๆคือ เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปตัวแทนองค์พระพุทธเจ้าทั้ง 3 กาลเวลา คือ อดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งประดิษฐานองค์พระอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน พระพุทธรูปที่ผมกล่าวนั้นหลายท่านจะรู้จักกันดีในนาม สมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา(พระยืน 30 ศอก) และพระศรีอริยเมตไตรย ดังนั้น ถ้าเราเดินทางมายังวัดท่าซุง จึงสามารถที่จะสักการะตัวแทนองค์พระพุทธเจ้าได้ทั้ง 3 กาลเวลา นั่นเอง สมเด็จองค์ปฐม หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ให้สร้างต้นแบบหุ่นขี้ผึ้งสำหรับการสร้างสมเด็จองค์ปฐมขึ้นโดยมี นายประเสริฐ แก้วมณีเป็นผมออกแบบ สมเด็จองค์ปฐมเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าองค์แรกของโลกที่ตรัสรู้ มีพระนามว่าพระพุทธสิกขีที่ ๑ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปในเรือนแก้วแบบพระพุทธชินราชหล่อด้วยโลหะผสมทองคำ ขนาดหน้าตัก ๔ ศอก ทำพิธีเททองหล่อพระเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕ (บันทึกว่าใช้ทองคำหนัก ๗๕ กิโลกรัม เทลงในเบ้าหล่อพระ) ทำพิธีอัญเชิญประดิษฐานในวิหารเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ (ตรงกับวันวิสาขบูชา) และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมที่พระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๖ หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา (พระยืน ๓๐ ศอก) เป็นพระพุทธรูปองค์ยืนปางอุ้มบาตร องค์แทนพระพุทธเจ้าอค์ปัจจุบัน(พระพุทธเจ้าโคดม)… Read More »

วัดส้ม วิจิตรศิลป์ปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น

https://youtu.be/OHA2QvrEFaw โบราณสถาน วัดส้ม ลวดลายปูนปั้นวิจิตรศิลป์ปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น… วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมความงามลวดลายปูนปั้นที่โบราณสถาน วัดส้ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ยังหลงเหลือความงาม วิจิตรให้ได้ชมแม้กาลเวลาจะผ่านมาแล้วหลายร้อยปี ข้อมูลจากกรมศิลปากร กล่าวว่า วัดส้มเป็นวัดขนาดเล็กตั้งอยู่ติดกับคลองท่อ (คลองฉะไกรใหญ่) ทางด้านทิศตะวันตก ไม่ปรากฏหลักฐานทางด้านเอกสารเกี่ยวกับประวัติการสร้างวัด สิ่งก่อสร้างที่สำคัญภายในวัด ได้แก่ ปรางค์ประธาน วิหาร และเจดีย์ราย จากการศึกษาโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่เป็นปรางค์ก่ออิฐและมีการทำทับหลัง รวมทั้งลวดลายปูนปั้นประดับองค์ปรางค์วัดส้ม พบว่ามีวิวัฒนาการมาจากโครงสร้างและลวดลายในสถาปัตยกรรมเขมรซึ่งมีอายุการสร้างอยู่ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 18 แสดงให้เห็นว่าปรางค์ประธานวัดส้มนั้นน่าจะได้รับการสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาโดยมีอายุเก่ากว่าปรางค์องค์อื่นๆ ในสมัยอยุธยาตอนต้น เช่น พระปรางค์องค์เล็กที่วัดมหาธาตุ (พ.ศ. 1917) และวัดราชบูรณะ (พ.ศ. 1967) เล็กน้อย การสำรวจของอาจารย์ น. ณ ปากน้ำ อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ ได้เดินทางสำรวจวัดส้ม เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2510 และบันทึกไว้ในหนังสือห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา ไว้ว่า วัดส้มเป็นวัดเล็กๆ ตั้งอยู่หลังศาลากลางจังหวัด(ปัจจุบันเป็นศูนย์การท่องเที่ยวอยุธยา) ติดกับคลองท่อ โบราณสถานอื่นๆพังทลายหมด เหลือเพียงปรางค์ขนาดย่อม รูปทรงกระทัดรัดน่าดู เป็นปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น ลวดลายประดับองค์ปรางค์งามมาก จัดว่าเป็นสองรองจากวัดภูเขาทอง อย่างไรก็ดี ลายปูนปั้นที่นี่เหลือมากกว่าแห่งอื่นทั้งหมดในอยุธยา ลายซุ้มประตู ลายทับหลัง กลีบขนุน ตลอดจนลายเฟื่องเชิงชายต่างๆ เหลือบริบูรณ์น่าอัศจรรย์ เมื่อส่องกล้องดูลายในที่สูงก็ยิ่งตื่นเต้นด้วยลายละเอียดประณีตอย่างคาดไม่ถึง หน้าบันเป็นภาพเทพพนมนั่งชันเข่าข้างซ้ายเรียงกันเป็นแถว ตรงกลางมีลายคั่น ก่อนที่ผมจะเดินทางไปชมพื้นที่วัดส้ม ได้ทำการเปิดอ่านเรื่องราวของวัดส้ม พบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจ… Read More »

วัดโคก ตำนานน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเศียร อีกแห่งในอยุธยา

https://youtu.be/2ZbHjefjn7U วัดโคก อ.บางปะหัน ตำนานน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเศียรพระและหลวงพ่อนาค พระพุทธรูปปางนาคปรกเก่าแก่สมัยลพบุรี… ถ้าจะกล่าวถึงตำนานน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเศียรพระที่เป็นที่โด่งดังในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลายท่านจะต้องกล่าวถึงวัดตูม อย่างแน่นอน เพราะมีเรื่องราวเล่าขานมายาวนานมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สำหรับวัดโคก อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่เล่าขานถึงน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเศียรพระ ซึ่งน้อยคนนักจะรู้จัก อาจจะเพราะเรื่องเล่าตำนานการบันทึกไม่เก่าแก่เหมือนวัดตูม แต่ที่วัดโคกแห่งนี้ ก็มีความโด่งดังเกี่ยวกับพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง นั่นก็คือหลวงพ่อนาค พระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรกเก่าแก่ ศิลปะสมัยลพบุรี ที่เคยประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถมาก่อน ด้วยเรื่องราวดังกล่าวข้างต้น ผมจึงได้เดินทางไปยังวัดโคก เพื่อกราบสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งสององค์ และนำภาพบรรยากาศมาฝากครับ วัดโคก ตั้งอยู่ที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ไกลจากวัดตูมเท่าไรนัก ทางเข้าวัดจะมีป้ายขนาดใหญ่ชัดเจนครับ ภายในวัดมีบรรยากาศค่อนข้างเงียบ  ในอุโบสถประดิษฐาน หลวงพ่อเกศแก้วพิกุลทอง พระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อสำริดขนาดหน้าตัก 42 นิ้ว สูง 56 นิ้ว ไม่พบประวัติการส้ราง แต่มีการบอกเล่ากันว่าสร้างในกรุงเทพฯ แล้วอาราธนามาประดิษฐานในอุโบสถวัดแห่งนี้เป็นพระประธานแทนหลวงพ่อนาค ตำนานบอกเล่าจากคนเก่าแก่ เล่าว่า ที่เศียรพระพุทธรูปส่วนบนสามารถเปิดออกได้ ด้านในจะเป็นโพรงมีน้ำซึมออกมา ซึ่งมีการกล่าวตำนานการพบคล้ายกับที่วัดตูม ว่ามีคนวิกลจริตมาอาศัยหลับนอนในวัด แล้วเปิดเศียรพระดื่มน้ำแก้กระหาย แต่ปรากฏว่าจากคนวิกลจริตกลับหายเป็นคนปกติดังเดิม จนเป็นที่กล่าวถึงกันและนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นสิริมงคลกันจนถึงทุกวันนี้ หลังจากที่ผมได้กราบสักการะหลวงพ่อเกศแก้วพิกุลทอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงไปยังที่ประดิษฐานหลวงพ่อนาค  หลวงพ่อนาค พระพุทธรูปปางนาคปรก ขนาดหน้าตัก 13 นิ้ว สูง 31 นิ้ว ศิลปะสมัยลพบุรี เคยประดิษฐานเป็นพระประธานที่วัดโคก แต่ด้วยเป็นพระพุทธรูปองค์ไม่ใหญ่นักและมีความเก่าแก่ จึงเป็นที่ปรารถนาของเหล่ามิจฉาชีพ และได้เกิดเหตุการโจรกรรมถึง 4… Read More »