Category Archives: ฉะเชิงเทรา

ตามรอยตำนานดวงพระเนตรและความศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อโต วัดน้ำฉ่า

https://youtu.be/fnOiaxC3qUs วันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปตามรอยความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต วัดน้ำฉ่า หรือทางการเรียกว่า วัดบูรณะศรัทธาธรรม อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ ได้รับการแนะนำจากคุณอัฐพงษ์ บุญสร้าง ที่ชำนาญเส้นทางในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นอย่างดี คุณอัฐพงษ์ เล่าว่า ตำนานหลวงพ่อโต มีความเชื่อว่าดวงพระเนตรของท่านเป็นนิล แต่มีคนแอบมาขโมยดวงพระเนตรหลวงพ่อโตไป และมีลักษณะเหมือนน้ำตาไหลออก ต่อมาทางกรมศิลปากร ได้มาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพียงตำนานเล่าขานกันมาเท่านั้น และจากการสังเกตุภายในดวงพระเนตร เหมือนมีลักษณะของอักษรโบราณคล้ายตัว ป.ปลา อีกด้วย ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อโต ได้ประดิษฐานในมณฑปที่สร้างขึ้นใหม่ในบริเวณของพระอุโบสถหลังเดิม แต่ในวันที่ผมเดินทางไปนั้น มณฑปได้ถูกปิด ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงได้แต่เพียงถ่ายภาพบรรยากาศภายนอกเท่านั้น จุดจอดรถของผมจะอยู่บริเวณหน้าพระอุโบสถหลังใหม่ ซึ่งคุณอัฐพงษ์ได้เล่าว่า พระอุโบสถหลังเก่าจะสร้างใกล้เคียงกัน จุดที่สำคัญในการเดินทางครั้งนี้ คือหลวงพ่อโต ในมณฑป แต่น่าเสียดายที่เข้าไปไม่ได้ จึงได้ทำการถ่ายรูปลอดผ่านประตูกระจกให้ได้ชมกันเท่านั้น องค์หลวงพ่อโต องค์จริงจะประดิษฐานด้านหลังองค์เล็กที่สร้างจำลองขึ้น  เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรื่องราวตำนานแต่เดิมชาวบ้านเชื่อว่า ดวงพระเนตรของหลวงพ่อโตเป็นนิลแต่ถูกลักขโมยไป และเกิดลักษณะมีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งเป็นตำนานเล่าขานกันมาแต่นมนานแล้ว และถ้าได้เพ่งมองเข้าไปในพระเนตรของหลวงพ่อโต จะพบว่ามีอักษรโบราณ ลักษณะคล้าย ป.ปลา ในดวงพระเนตรทั้งสองข้างด้วย อีกทั้ง มีความเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาการเกณฑ์ทหาร มักจะมีชายไทยมาบนบานด้วยหนังตลุง เพื่อไม่ให้ติดทหารเกณฑ์อีกด้วย (โปรดใช้วิจารณญาณ) ตามเอกสารประวัติวัดน้ำฉ่า ลงวันที่ 13 มิถุนายน รศ.126 (ตรงกับปี พ.ศ.2451) พระกำพูชาชาญศึกพร้อมด้วยเจ้าอธิการและทายก ได้ปักกำหนดเขตพระอุโบสถกระทำกิจผูกพัทธสีมา ตามพระบรมราชานุญาต เมื่อผมได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับวัดน้ำฉ่าพอสมควร จึงเดินดูภายในบริเวณวัด ผมเดินชมบริเวณที่เคยตั้งพระอุโบสถเดิม ซึงปัจจุบันไม่เห็นร่องรอย นอกจากการสอบถามและค้นหาข้อมูล… Read More »

บรรยากาศสุดหลอน สำนักสงฆ์ร้าง อุทยานหุ่นปั้นพระอาจารย์ซ่วน

https://youtu.be/syzqhyAPfaE สวัสดีครับ วันนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ผมจะพาทุกท่านไปชมบรรยากาศความหลอนที่ผมเชื่อว่า หลายท่านไม่กล้าไปคนเดียว รวมถึงผมด้วยครับ… ผมจะเดินทางไปยัง อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อไปชมบรรยากาศที่เขาว่าหลอนมาก นั่นก็คือ “สำนักสงฆ์ร้าง อุทยานหุ่นปั้นพระอาจารย์ซ่วน” ซึ่งเป็นการเดินทางตามรอยความศรัทธาของชุมชนในอดีต ที่มีต่อพระอาจารย์ซ่วน แห่งวัดท่าลาดใต้ การเดินทางครั้งนี้ ได้รับการแนะนำจากสมาชิกนักเดินทางซึ่งเป็นเจ้าถิ่นคือ คุณอัฐพงษ์ บุญสร้าง และเป็นผู้นำในการพาชมสถานที่ ซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ ใกล้วัดท่าลาดใต้ เมื่อเดินทางมาถึง ก็ต้องพยายามหาที่จอดรถให้ชิดขอบทางมากที่สุด เนื่องจากเป็นถนนเส้นแคบๆ จึงต้องเผื่อพื้นที่ให้รถวิ่งสวนผ่านไปได้ หลังจากหาที่จอดรถได้ ก็พากันเดินเข้าพื้นที่ ซึ่งมีความรกพอสมควร ถ้าพากันมายามเย็นโพล้เพล้ รับรองว่าไม่ขอเข้าแน่นอน เพียงแค่ทางเข้า ผมก็เห็นรูปปั้นนักเรียน ก็เล่นเอาหลอนแล้วหล่ะครับ ในใจก็คิดว่า จะเข้าไปดีมั้ย เพราะกลัวๆกล้าๆ สาระพัด ทั้งเรื่องราวอาถรรพ์ (ที่ผมมโนไปล่วงหน้าแระ) แค่ทางเข้าก็เล่นเอาผมหลอนแล้วหล่ะครับ แต่ด้วยมีผู้นำทีม ที่คุ้นเคยสถานที่มาด้วย จึงขอลุย ไหนๆก็มากันแล้ว ขอไม่เสียเที่ยวแล้วกัน แค่ทางเข้าก็พบกับรูปปั้นต่างๆมากมาย ดูแล้วไม่ค่อยเป็นแบบแผนเท่าไหร่นัก ดูแล้วก็หลอนแท้ๆ ต้องขอบอกเรื่องราวสักเล็กน้อยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ผมมีข้อมูลน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย แต่ก็ได้รับฟังเรื่องราวว่าในอดีตนั้น พระอาจารย์ซ่วนเป็นพระที่ได้รับความศรัทธาจากคนในท้องถิ่น เพราะท่านจะเด่นในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ ดูดวง ทำให้มีผู้คนที่มีความเชื่อด้านนี้เดินทางมาพบพระอาจารย์ซ่วนอย่างไม่ขาดสาย พระอาจารย์ซ่วนท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านเมตตามหานิยมและเป็นพระหมอดูที่มีชื่อเสียงมาก ซึ่งมักจะมีคนจากต่างถิ่นมาขอให้ท่านดูดวงให้ ขณะเดียวกันท่านก็จะให้สะเดาะเคราะห์ด้วยการสร้างพระและรูปเทพองค์ต่างๆ ชนิดที่เรียกว่าเกือบจะไม่มีที่เดิน การสร้างพระสร้างเทพในสมัยนั้นไม่ได้มีการวางแผน ใครนึกจะสร้างตรงไหนก็สร้าง การเริ่มปั้นพระและเทพแก้บนน่าจะเริ่มในช่วงปี พ.ศ. 2510 – 2525 นอกจากรูปปั้นเทพ ก็ยังพบว่ามีรูปปั้นเปรต… Read More »

วัดเกาะราษฎร์ศรัทธาธรรม (วัดปกปาก) ชมโบสถ์โบราณและเปลือกหอยโบราณ

https://youtu.be/-XVTj4zRWPQ สวัสดีครับท่านผู้มีใจรักการท่องเที่ยววัดทุกท่าน สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปไกลสักเล็กน้อย และก็ไปตามเส้นทางวัฒนธรรมของอำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา บทความนี้จะพาท่านไปยังวัดเกาะราษฎร์ศรัทธาธรรม หรือวัดปกปาก มีความน่าสนใจคือ จะมีโบสถ์เก่าอายุกว่า 100 ปี ที่ทรุดโทรมอย่างหนัก ดูแล้วน่าจะรอวันพังทลายไปตามกาลเวลา ซึ่งในวันที่ผมเดินทางนั้นจะเป็นปี พ.ศ.2559 ก็ยังสามารถเข้าไปชมกันได้ จะเห็นใบเสมา ที่ปักอาณาเขตโบสถ์เดิมไว้ มีลูกนิมิตโบราณภายในโบสถ์ และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ มีซากเปลือกหอยโบราณ ดึกดำบรรพ์ที่ทางวัดได้ขุดพบอีกด้วย โอกาสนี้ ผมจึงพาทุกท่านเดินทางไปชมบรรยากาศและศึกษาเรื่องราวกันครับ ต้นโพธิ์หน้าวัด จะมีซากต้นตะเคียนอยู่ด้วย ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อเกี่ยววิญญาณนางตะเคียนที่สืบทอดความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ พระอุโบสถหลังใหม่สร้างแทนหลังเดิมที่ทรุดโทรมไปอย่างมาก เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 เมื่อเดินผ่านพระอุโบสถหลังใหม่เข้ามาจะพบกับโบสถ์หลังเดิมที่ทรุดโทรมอย่างมาก โบสถ์หลังเดิม สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2443 มีขนาดกว้าง 5.35 เมตร ยาว 11.10 เมตร ลัษณะทรงไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หลังคามุงกระเบื้อง ผนังก่อด้วยอิฐถือปูนทั้งหลัง ปัจจุบันชำรุดสิ้นสภาพไปอย่างมาก ใบเสมา เป็นสิ่งที่ใช้บอกอาณาเขตของพระอุโบสถ กลุ่มนักเดินทางเดินวนเวียนชมสภาพโบสถ์หลังเดิม ด้วยความเสียดายที่สักวันจะต้องพังทลายไปจนหมด มีเพียงรูปภาพที่จะได้เห็นกันต่อไป สุดท้ายต้องทำใจ และต้องเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นกลุ่มของพวกเราก็เดินทางไปยังศาลาการเปรียญเพื่อขึ้นไปชมเปลือกหอยโบราณ ดึกดำบรรพ์ ซึ่งขุดพบมากมายในบริเวณวัด …และได้นำมาเก็บรักษาไว้บนศาลาการเปรียญ เมื่อเราขึ้นมาชมเปลือกหอยเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้เวลาสักพักได้การพูดคุยกัน ได้พบเห็นสิ่งต่างๆมากมาย ที่เป็นกำไรชีวิตของกลุ่มนักเดินทาง …แม้ว่าจะไม่ใช่วัดท่องเที่ยว แต่ทุกๆสถานที่ ก็ย่อมมีเรื่องราวให้ได้เรียนรู้กันไม่รู้จบ ประวัติวัดเกาะราษฎร์ศรัทธาธรรม (วัดปกปาก) พอสังเขป วัดปกปาก หรือที่ชาวบ้านเรียก “วัดโปกปาก” สังกัดมหานิกาย… Read More »

เที่ยววัดจรเข้ตาย ฉะเชิงเทรา ตามรอยตำนานจระเข้ยักษ์

https://youtu.be/wDYkpBi_cWg สวัสดีกันอีกครั้ง ในภารกิจการเดินทางท่องเที่ยวัดตามสไตล์บ้านๆของผม ช่วงที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาวหลายวันผมจึงได้โอกาสเดินทางไกลขึ้นเล็กน้อย โดยมีเป้าหมายที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งก็มีเป้าหมายหลายๆวัดและก็มีวัดที่น่าสนใจมากมาย วัดที่ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปชมในครั้งนี้ จะมีชื่อที่ฟังแล้วก็แปลกดี เพราะชื่อว่า “วัดจรเข้ตาย” ตั้งอยู่ที่บ้านจรเข้ตาย ต.บางคา อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา  เมื่อได้ยินชื่อวัดแล้ว ผมก็ต้องคิดไปว่าต้องมีเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้เป็นแน่ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะมีเรื่องเล่าตำนานเมื่อครั้งปี พ.ศ. 2400 ตำนานจระเข้ยักษ์ หมู่บ้านนี้ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 ตามประวัติมีผู้เล่าว่า นายจ้อย นางยัง เป็นผู้เข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ก่อนผู้อื่นได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นในบริเวณแถบนี้ ต่อมามีครอบครัวนายกับและนายหลุ่ม ได้อพยพเข้ามาหากินอยู่ด้วยโดยตั้งบ้านเรือนใกล้กัน สำหรับครอบครัวของนายกับได้มีผู้อาศัยอยู่ด้วยเป็นคนลาวชื่อนายสาม อยู่ได้ไม่นานนักนายสามออกไปเลี้ยงควายแล้วหายไป ชาวบ้านได้ออกติดตามไปพบว่าถูกจระเข้ลากไปกินอยู่ที่หนองนํ้าแห่งหนึ่ง ต่อมาพวกวัว ควาย และสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านทั้งสามก็ถูกจระเข้ลักไปกินอีก บางครั้งก็กัดวัวควายที่ลงอยู่ในคลองจนเป็นที่เดือดร้อนกันไปทั่ว เมื่อทนไม่ไหวจึงได้ติดต่อหมอจระเข้มาทำการปราบ โดยทำการตั้งศาลเพียงตาตรงปากคลองที่แยกจากคลองท่าลาด เพราะเชื่อว่าเป็นถํ้าจรเข้ เล่ากันว่าสามารถปราบจรเข้ได้มากมาย แต่มีอยู่ตัวหนึ่งซึ่งใหญ่และเชื่อว่าคงเป็น หัวหน้าได้พยายามสู้หมอ แต่สู้ไม่ได้จึงหนีไปตามลำคลอง ในที่สุดก็ไปติดตรงส่วนที่แคบที่สุดของคลอง จึงได้ถูกชาวบ้านที่ติดตามไป ฆ่าตาย แล้วนำมารวมกันที่ศาลเพียงตา ในการนี้มีชาวบ้านต่างถิ่นเดินทางมาดูกันมาก เมื่อกลับไปก็ไปบอกต่อๆ กันว่าไปบ้านจรเข้ตายมา จึงได้พากันเรียก หมู่บ้านนี้ว่า “บ้านจรเข้ตาย” เมื่อผมเดินทางมาถึงวัดจรเข้ตาย ก็ขับรถตรงเข้ามาจอดติดริมคลอง ซึ่งจะมีศาลเพียงตาและศาลาท่าน้ำอยู่… บรรยากาศในวัดค่อนข้างเงียบ พื้นที่ค่อนข้างโล่ง อากาศร้อนพอสมควรเพราะผมเดินทางในช่วงเดือนเมษายน แต่ก็พอมีร่มเงาต้นไว้บริเวณริมคลองนี่แหละครับ ซึ่งผมก็มานั่งพักฟังเสียงนกร้อง ก็รู้สึกสงบดี ตรงศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่จรเข้ทอง จะมีหุ่นจระเข้ตั้งอยู่ดูน่ากลัวดีครับ และบ่อข้างๆ ก็มีหุ่นจระเข้ เล่นเอาผมตกใจพอสมควรเพราะเดินเพลินๆ แล้วบังเอิญเห็นแล้วใจหายแว๊บ จุดต่อไปที่ผมเดินทางไปกราบไหว้บูชาคือวิหารอดีตเจ้าอาวาสวัดจรเข้ตาย… Read More »

เที่ยวชมถ้ำนางสิบสองและลานพระรถชนไก่ ตามรอยวรรณคดีพระรถเมรี

https://youtu.be/WgAb8K64wy8 https://youtu.be/2PiI3yapxdA สวัสดีครับ วันนี้ผมจะเดินทางเปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวกันบ้าง โดยเราจะเดินทางตามรอยวรรณคดีพระรถเมรี หรือนางสิบสองกัน มีจุดหมายที่ อำเภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่เดิมนั้นผมไม่คิดว่าจะมีสถานที่ตามวรรณคดีเรื่องพระรถเมรีหรือนางสิบสอง แต่ก็ได้ทราบจากชาวบ้านว่ามีสถานที่ตามตำนานเรื่องเล่าได้แก่ ถ้ำนางสิบสอง และลานพระรถชนไก่ ผมจึงได้โอกาสเดินทางไปเที่ยวชมในวันหยุดสบายๆ แต่ครั้งนี้ติสหน่อยครับ เพราะเดินทางไปคนเดียวในบรรยากาศที่ร้อนเอาการอยู่เหมือนกัน ตรงกับช่วงเข้าเดือนเมษายนพอดีเลยครับ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ผมได้เดินทางไปยังจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อไปทำบุญและฟังธรรม ที่วัดเตาอิฐ (วัดแห่งนี้มีต้นโพธิ์ใบสีขาว) และก็เดินทางไปตามรอยวรรณคดีนางสิบสอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ราชสาส์น สถานที่ 2 แห่งที่ผมจะพาเดินทางไปคือ ถ้ำนางสิบสองและลานพระรถชนไก่ ถ้ำนางสิบสอง ถ้ำนางสิบสอง จะตั้งอยู่ใกล้กับวัดหินดาษ มีรั้วล้อมรอบ เป็นที่โล่งๆ มีศาลารูปปั้นนางสิบสอง และพบบ่อลึกมีช่องกว้างราวๆ 1 ตารางเมตร ลักษณะเป็นลานหินศิลาแลง จุดแรกที่ผมเดินทางผ่านไปยังถ้ำนางสิบสอง จะผ่านวัดหินดาษ แล้วขับรถผ่านหน้าวัดไปเล็กน้อย จะเห็นศาลานางสิบสองฝั่งขวามือครับ ที่ศาลานางสิบสอง จะมีรูปปั้นนางสิบสองครบทั้ง 12 นาง มีเครื่องเซ่นไหว้ตามความเชื่อส่วนบุคลเป็นประเภทเครื่องดื่มต่างๆนำมาเซ่นไหว้มากมาย ถัดจากศาลานางสิบสองเล็กน้อย จะพบบ่อที่เรียกกันว่าถ้ำนางสิบสอง ลานด้านบนมีลักษณะเป็นหินศิลาแลง ช่องความกว้างราวๆ 1 เมตร มีรั้วล้อมรอบไว้ ผมจึงไม่ได้เข้าไปดานในเพราะเกรงว่าจะพลัดตกลงไป งานจะเข้าครับ ฮ่าๆ… เพราะแถวๆนี้ค่อนข้างเงียบ นานๆจะมีรถผ่าน เดี๋ยวไม่มีใครช่วย ชาวบ้านเล่าว่า ด้านในจะกว้างขวางมาก แต่ไม่รู้กว้าเท่าไหร่ บ้างก็ว่าทะลุไปถึงลานพระรถชนไก่เลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เป็นเพียงเรื่องเล่านะครับ… ผมไม่อยากให้คิดเป็นจริง เป็นจัง …ให้ถือว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้ เป็นการพักผ่อนตามรอยวรรณคดี ที่แปลกดีเหมือนกัน ในพื้นที่เดียวกัน… Read More »

วัดชมโพธยาราม ฉะเชิงเทรา จำลองแบบจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล

https://youtu.be/WocNzSQAsFQ สวัสดีกันอีกครั้ง วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวเมืองแปดริ้วหรือจังหวัดฉะเชิงเทรานั่นเอง เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผมเดินทางมาบ่อยครั้ง เพราะมีวัดท่องเที่ยวมากมายซะจริงๆ สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่วัดชมโพธยาราม วัดชมโพธยาราม ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา เป็นวัดที่มีความพิเศษคือ ได้จำลองสังเวชนียสถานมาไว้ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ สถานที่ประสูติ, ตรัสรู้, ปฐมเทศนา และปรินิพพาน ผมเดินทางมาในช่วงปีใหม่ พ.ศ. 2559 แต่ต้องบอกว่าผิดคาดที่ผู้คนไม่เยอะอย่างที่คิด ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังวัดหลวงพ่อโสธรกันมากกว่า จากการเดินทางผ่านถนนเส้นที่ไปยังวัดหลวงพ่อโสธร ผมก็สังเกตุว่ามีปริมาณรถที่หนาแน่นพอสมควร ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายมายังวัดชมโพธยารามก่อน จุดแรกเราจะเห็นความโดดเด่นของเจดีย์พุทธคยาสีทองอร่าม ซึ่งสภาพปัจจุบันก็มีสภาพที่กำลังปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ รวมถึงสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าหรือสวนลุมพินี ก็กำลังปรับปรุงเช่นกัน ผมจอดรถใกล้เคียงกับเจดีย์พุทธคยา ซึ่งมีร่มไม้อยู่ ส่วนพื้นทีอื่นๆก็สามรถจอดได้นะครับ แต่จะเป็นพื้นที่โล่ง จุดแรกที่ผมจะเข้าไปชมคือ เจดีย์พุทธคยา เป็นสถานที่อันแสดงถึงสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามารถเดินเข้าไปชมด้านในและเดินขึ้นไปได้ด้วยครับ ภายในเจดีย์พุทธคยา จะมีภาพเขียนผนัง และประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่หลายองค์ หลังจากชมพื้นที่ด้านล่างของพระเจดีย์แล้ว ผมก็เดินขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของเจดีย์ ซึ่งจะเป็นสถานที่จัดเก็บของโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดครับ บริเวณชั้น 2 จะเป็นพิพิธภัณฑ์และสามารถเดินต่อขึ้นไปด้านบนได้อีก แต่ผมก็ไม่ได้เดินขึ้นไปนะครับ เพราะเดินทางมาคนเดียวไม่มีเพื่อนครับ มันดูเงียบๆพิกล ฮ่าๆ ผมจึงขอลงจากเจดีย์ไปยังสถานที่อื่นต่อไปครับ สถานที่ต่อไปคือธัมเมกชสถูป ปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ เป็นสถานที่แสดงถึงสถานที่ปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้าแก่เหล่าปัญจวคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชานั่นเอง ภายในธัมเมกขสถูปจะประดิษฐานพระแก้วมรกตองค์จำลองทรงเครื่องฤดูฝน หลังจากที่ผมได้กราบไหว้พระเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกมาไปยังสถานที่ปรินิพพานต่อไป… Read More »