สวัสดีครับท่านผู้สนใจเรื่องราวการท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธาทุกท่าน วันนี้ผมจะมาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาทในประเทศไทยที่ครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ให้ได้รับรู้กัน
รอยพระพุทธบาทถือเป็นสิ่งที่สร้างหรือจารึกขึ้นเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้าและระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ ตามคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนานั้น เชื่อว่ามีรอยพระพุทธบาทที่แท้จริงจารึกไว้ตามพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และก็มีรอยพระพุทธบาทที่ถูกสร้างจำลองขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงบูชาพระพุทธเจ้า
ผมเคยเขียนบทความพระพุทธบาททั่วโลกตามคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนาไว้แล้วก่อนหน้านี้ สามารถกลับไปอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่ลิ้งก์ >>> www.faiththaistory.com/buddhabat
ในเรื่องราวของพุทธบาทที่แท้จริงนั้น ปุถุชนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆ เป็นการยากที่จะกล่าวยืนยันกันได้ แต่ก็มีครูบาอาจารย์ที่เราเคารพศรัทธาได้เคยบันทึกไว้ในเรื่องราวของพระพุทธบาทในประเทศไทยเช่นกัน ซึ่งผมจะขอนำมาเรียบเรียงและรวบรวมไว้ โดยจะอ้างอิงเอกสารไว้ให้เป็นข้อมูล เพื่อให้ท่านที่มีความศรัทธาได้ทราบและให้เกิดพุทธานุสติต่อท่านผู้อ่านที่มากขึ้น
ทั้งนี้ อาจจะมีรอยพระพุทธบาทที่ครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ในแห่งอื่นๆเพิ่มเติม ท่านผู้อ่านสามารถเสนอแนะเรื่องราวเพื่อความสมบูรณ์ของบทความยิ่งขึ้นครับ
รอยพระพุทธบาทที่ครูบาอาจารย์ได้บันทึกไว้
- พระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
- พระพุทธบาทสี่รอย วัดพระพุทธบาทสี่รอย เชียงใหม่
- พระพุทธบาท วัดเขาวงพระจันทร์ ลพบุรี
พระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
พบเอกสารการบันทึกได้แก่
- บันทึกในหนังสือประวัติหลวงปานและหนังสือหลวงพ่อธุดงค์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
- หนังสือรำลึกวันวาน ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ
นอกจากการบันทึกของครูบาอาจารย์แล้ว พระพุทธบาทแห่งนี้ เชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่ปรากฏในพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาอีกด้วย และได้รับการบันทึกเรื่องราวหลวงพ่อปานพิสูจน์ รอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาท สระบุรี เป็นรอยพระพุทธบาทที่แท้จริง – จากบันทึกในหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท และหลวงพ่อธุดงค์ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผมขอเรียบเรียงสั้นๆ มีความว่าดังนี้ –—
หลวงพ่อปานและคณะศิษย์(หนึ่งในนั้นมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วยครับ) เดินทางมาถึงถิ่นพระพุทธบาท ช่วงนั้นไม่ใช่ช่วงงานบุญประจำปี จึงมีผู้คนไม่มากนัก ทำให้มีสมาธิในการกราบไหว้ และเกิดปิติโสมนัสที่ดีกว่า จนกระทั่งช่วงใกล้เย็น หลวงพ่อปานได้เรียกลูกศิษย์ทุกคนมาฟังธรรมและได้กล่าวถึงเรื่องราวของรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ อีกทั้งหลวงพ่อปานบอกว่า ไม่ให้สนใจเรื่องประวัติของรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ที่เขากล่าวหรือเขียนกันไว้ ขอให้เธอทั้งหลายใช้วิชาอภิญญา ในการตรวจสอบว่ารอยพระพุทธบาทแห่งนี้เป็นของจริงหรือไม่ โดยให้เวลาคนละ 3 นาที
เมื่อครบเวลากำหนด พระทุกรูปตอบตรงกันว่า “ที่นี่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาจริง นอกจากจะประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่ไม่ปลอมแล้ว ที่นี่ยังมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ด้วย”
เมื่อหลวงพ่อปานทราบว่าศิษย์ทุกคนพิสูจน์แล้วเห็นจริงดังนั้น ก็ได้แต่ยิ้ม และกล่าวว่าพวกเธอเอาตัวรอดได้ และกล่าวต่อว่า คืนนี้เรามาพิสูจน์กันต่อว่า ถ้ามีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่จริงย่อมมีปาฏิหาริย์แน่นอน
จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. หลวงพ่อปานได้เรียกคณะศิษย์ทั้งหลายมาพบ และให้ทำการเข้ากรรมฐานจนท่านพอใจ จากนั้นหลวงพ่อปานก็ได้บอกให้ลูกศิษย์ออกจากฌาณและได้กล่าวเสียงดังว่า
“ด้วยข้าฯ เคยบำเพ็ญบารมีมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ถ้าการบำเพ็ญบารมีนี้จะเป็นปัจจัยให้ข้าฯ ได้บรรลุพระโพธิญาณในอนาคตแล้ว ขอสมเด็จองค์พระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดแสดงปาฏิหาริย์ให้เป็นมหัศจรรย์ จะเป็นปาฏิหาริย์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ตามแต่พระพุทธองค์จะทรงเมตตา เพื่อปลูกฝังศรัทธาของพระที่ร่วมเดินทางมา ณ บัดนี้เถิดพระพุทธเจ้าข้า”
หลวงพ่อปานได้เข้าสมาธิ พร้อมคณะลูกศิษย์ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 นาที ได้ปรากฏดาวดวงใหญ่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร จำนวน 3 ดวง และสว่างมาก หลวงพ่อปานจึงบอกให้ลูกศิษย์ลืมตาขึ้นเพื่อให้เห็นดาวทั้ง 3 ดวงนั้น ซึ่งลอยอยู่บนยอดเขา ดาวทั้ง 3 ดวง ลอยอยู่ประมาณ ครึ่งชั่วโมง และลอยวนเขา 3 รอบ และมาหยุดอยู่ที่รอยพระพุทธบาท เป็นที่น่าอัศจรรย์ แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปที่เดิมอย่างช้าๆ หลวงพ่อปานท่านกราบ พวกศิษย์ทั้งหลายก็กราบตามด้วยอารมณ์ปีติชุ่มชื่น เมื่อดวงดาวหายเข้าที่เดิม หลวงพ่อสั่งเจริญพุทธานุสสติตลอดเวลาที่ตื่นอยู่
คณะศิษย์ทั้งหมดเกิดธรรมปีติอย่างบอกไม่ถูก ตลอดคืนไม่มีใครหลับ อารมณ์โพลงตลอดคืน อารมณ์สมถะและภาวนาแจ่มใสกว่าที่เคยทำมาแล้วหลายเท่า และต่างเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างไม่สงสัยอีกเลย
เอกสารบันทึกเล่มที่ 2 คือ หนังสือรำลึกวันวาน ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ ที่ได้บันทึกจากการฟังธรรมระหว่างที่หลวงตาทองคำ ได้อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น มีความว่า
ท่านพระอาจารย์ (หลวงปู่มั่น) เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องรอยพระพุทธบาท ที่อยู่จังหวัดสระบุรีว่าเป็นรอยพระพุทธบาทแท้ตามตำนานปรัมปราว่า ประทานแก่ฤาษีหรือนายพราน แต่ท่านพระอาจารย์ว่า พระพุทธองค์ทรงประทานไว้แก่สามเณรเรวตะ ผู้เป็นน้องชายพระสารีบุตร
พระพุทธบาทสี่รอย วัดพระพุทธบาทสี่รอย เชียงใหม่
พระพุทธบาทสี่รอย พบอยู่ในบันทึก หนังสือพุทธาจารานุสรณ์ ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่สิม พุทธจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พุทธศักราช 2536
หลวงปู่สิมได้กล่าวยืนยันเรื่องรอยพระพุทธบาทสี่รอย เป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์ ความว่า
“ในเขตเชียงใหม่นี้ ยังมีพระบาทสี่รอยอยู่ในเขตอำเภอแม่ริม แต่ว่าลึกเข้าไปในภูเขา หลวงปู่ผู้เทศน์ไปดูแล้วไปกราบไหว้ มันเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขึ้นไปอยู่ข้างริมแม่น้ำ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ได้มาตรัสรู้ในโลก ท่านก็มาเหยียบรอยพระพุทธบาทไว้ในยอดหินก้อนนั้น ยาวขนาด 12 ศอก เมื่อหมดศาสนาพระพุทธเจ้ากกุสันโธแล้ว พระพุทธเจ้าโกนาคมโน ก็มาตรัสรื้อขนสัตว์ไปอีก ก่อนนิพพานท่านก็มาเหยียบไว้ที่พระบาทแม่ริมนี้เป็นรอยที่สอง(ขนาด)ลดลงมา มาถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปมาตรัสรู้ ท่านก็มาเหยียบไว้ได้สามรอย และพระพุทธเจ้าโคดมมาตรัสรู้ ก่อนที่ท่านจะนิพพานก็เหยียบรอยพระบาทไว้ในหินก้อนเดียวกัน จึงให้ชื่อว่า พระพุทธบาทสี่รอย ยังมีพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาตรัสรู้ แล้วโปรดเวไนยสัตว์ ก็มาเหยียบไว้อีก เรียกว่าแผ่นดินที่เราเกิดนี้ นับว่าเป็นแผ่นดินที่ร่ำรวยที่สุด แผ่นดินนี้ เรียกว่า ภัทรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ได้ห้าพระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ใดมาตรัสสอนก็ตาม ก็สอนให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายบำเพ็ญทาน รักษาศีล ภาวนา ละกิเลสความโกรธ ความโลภ ความหลง อันเก่านี้แหละ เมื่อใดปฏิบัติภาวนาบารมีเต็มแล้ว ก็รู้แจ้งพระนิพพาน เมื่อรูปนามแตกดับแล้ว ไปสู่นิพพานไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกอันแสนทุรกันดารนี้อีกต่อไป”
พระพุทธบาท วัดเขาวงพระจันทร์ ลพบุรี
พบบันทึกในหนังสือประวัติพระมงคลภาวนาวิกรม (ฟัก ภัททจารี) ซึ่งหลวงปู่ฟักบันทึกจากคำบอกเล่าของหลวงพ่อโอภาสี
พระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ อยู่บนยอดเขาที่ต้องอดทนเดินขึ้นไป 3,790 ขั้นบันได สำหรับผู้เขียนได้เดินทางขึ้นไป 3 ครั้งแล้วครับ เหนื่อยมาก
อ่านบันทึกการเดินทางไปวัดเขาวงพระจันทร์ที่ลิ้งก์ >> www.faiththaistory.com/khao-wong-prajan
บันทึกหลวงปู่ฟัก บันทึกว่า ยอดเขาวงพระจันทร์ มีรอยพระพุทธบาทอยู่บนยอดเขา สำหรับเป็นที่กราบไหว้สักการะ และระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าของชาวพุทธโดยทั่วไป แต่ส่วนมากยังไม่มีใครรู้ว่ารอยพระพุทธบาทนี้จริงหรือไม่ เพราะไม่มีประวัติหลักฐานที่แน่ชัด จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2496 หลวงปู่ฟักได้ติดตามหลวงพ่อโอภาสีขึ้นไปบนเขาวงพระจันทร์และได้ฟังตำนานพระพุทธบาทแห่งนี้ ความสรุปว่า
สัจจพรรณฤาษี กราบทูลพระพุทธองค์ให้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้บนยอดเขา เพื่อเป็นที่สักการะบูชาและระลึกถึงคุณพระองค์ เมื่อพระพุทธองค์ทรงรู้ถึงความต้องการของพระฤาษี จึงเสด็จผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก แล้วแยกพระบาทเหยียบบนยอดหินที่สูงสุดของเขานางพระจันทร์ เป็นรอยพระพุทธบาท ที่ได้เห็นกันจนทุกวันนี้
อ่านรายละเอียดตำนานพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ที่ลิ้งก์ >> www.faiththaistory.com/buddha-footprint-wongprajan
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นบันทึกที่ผมพอจะกล่าวและหาเอกสารมาอ้างอิงได้ ถ้าท่านผู้อ่านมีเอกสารการบันทึกเพิ่มเติม สามารถแบ่งปันเรื่องราว เพื่อการบันทึกที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นกุศลมาก แม้จะเป็นพระพุทธบาทที่แท้จริงหรือไม่ ก็เป็นการทำกุศลดีมีอานิสงส์มากเช่นกันครับ… แล้วพบกันใหม่.. สวัสดีครับ…
ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด
ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108
หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory
แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด
เว็บไซต์หลัก ที่ www.faiththaistory.com