หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม(บ้านแค) ชัยนาท พระเกจิดังแห่งภาคกลาง

By | November 9, 2017

หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม(บ้านแค) ชัยนาท พระเกจิดังแห่งภาคกลาง สวัสดีครับท่านผู้ติดตามเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยความศรัทธา ผมจะพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวพระเกจิชื่อดังในอดีต ที่มีเรื่องราวกล่าวขานมากที่สุดรูปหนึ่งแห่งจังหวัดชัยนาท นั่นก็คือ หลวงพ่อกวย ชุตินธโร แห่งวัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค)

เรื่องราวของหลวงพ่อกวย เป็นที่กล่าวขานกันมานานโดยเฉพาะเรื่องราววัตถุมงคล ที่ลูกศิษย์ลูกหาล้วนต้องการมาเป็นที่ยึดเหนี่ยว เพราะในอดีตนั้น เทคโนโลยีต่างๆยังไม่ก้าวหน้า ชาวบ้านจึงพึ่งพระสงฆ์โดยเฉพาะเรื่องทางการแพทย์แผนโบราณและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และหลวงพ่อกวยก็เป็นพระรูปหนึ่งที่เมตตาชาวบ้านในเรื่องดังกล่าว

ผมวางแผนเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดชัยนาท จึงมีวัดโฆษิตารามหรือวัดบ้านบ้านแค่เป็นหนึ่งในโปรแกรม และได้ลองหาข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพ่อกวยมาบ้าง จึงเห็นว่าเรื่องราวของท่านน่าจะเป็นบันทึกที่ผมควรเก็บเรื่องราวไว้อีกเรื่องหนึ่ง

รูปหล่อหลวงพ่อกวย

จุดแรกเมื่อผมเดินทางมาถึง จะเห็นวิหารรูปหล่อหลวงพ่อกวย ซึ่งสามารถจุดธูปกราบไหว้บูชาและปิดทองที่องค์พระกันได้ครับ

แอดมินกราบไหว้รูปหล่อหลวงพ่อกวย

ก่อนที่ผมจะเดินชมสถานที่ จึงได้ทำการกราบไหว้สักการะรูปหล่อหลวงพ่อกวยก่อนเป็นเบื้องต้น รูปหล่อองค์นี้สร้างในช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อกวย คือ ในปีพ.ศ.2522 ซึ่งเล่ากันว่าหลวงพ่อกวยได้เพ่งกระแสจิตในการสร้างรูปหล่อนี้ด้วย

ป้ายบอกทางไปกราบสังขารหลวงพ่อกวย

หลวงจากที่กราบสักการะรูปหล่อหลวงพ่อกวยที่วิหารหน้าวัดกันแล้ว ผมจึงได้เดินไปที่ศาลาที่เก็บรักษาสังขารหลวงพ่อกวยไว้ครับ

ศาลาเก็บรักษาสังขารหลวงพ่อกวย

สังขารหลวงพ่อกวยเก็บรักษาไว้ในห้อง

เราสามารถเข้าไปกราบสังขารหลวงพ่อกวยได้ในห้องกระจก แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในนะครับ เมื่อทำการกราบสักการะสังขารหลวงพ่อกวยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงเดินทางไปดูบริเวณวัดสถานที่อื่นๆต่อไป

สระน้ำศักดิ์สิทธิ์

จุดต่อไปที่พาไปชมคือ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกล่าวกันว่าสมัยก่อนหลวงพ่อได้ลงคาถาอาคมไว้ ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงมีรั้วรอบ เป็นสระน้ำที่อยู่คู่วัดมาแต่โบราณ หลวงพ่อกวยได้เคยสั่งไว้ว่า ถ้าจะใช้น้ำที่นี่ต้องตักแล้วหาบไปใช้ที่อื่นเพราะจะได้ไม่เกิดความสกปรก

ก่อนที่จะมีพระอุโบสถ คณะสงฆ์จะใช้ศาลากลางน้ำในการทำสังฆกรรม

พระอุโบสถ

พระอุโบสถ วัดโฆสิตารามตั้งอยู่ติกกับสระน้ำศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2518 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ทำพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ.2521 เป็นพระอุโบสถที่หลวงพ่อกวยรักและภูมิใจมาก

พิพิธภัณฑ์

ภายในวัดจะมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของหลวงพ่อกวย รวมถึงวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านบนที่จัดแสดงครับ

ต้นมะค่า หน้าศาลาหลวงพ่อกวย

ต้นมะค่าหน้าศาลาหลวงพ่อกวย เป็นต้นไม้คู่วัดมายาวนาน ในอดีตเล่ากันว่า กลางลำต้นจะเป็นโพรง หลวงพ่อกวยจะนำวัตถุมงคลใส่ไว้ในโพรงต้นมะค่า ปัจจุบันนี้ไม่เห็นโพรงต้นมะค่าแล้วครับ

หลวงพ่อโต

รูปหล่อหลวงพ่อโต สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2473  เป็นพระพุทธรูปคู่วัดมายาวนาน เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านอย่างยิ่ง

เรื่องราวสถานที่ต่างๆ ยังมีอีกมากมาย ซึ่งผมได้ใช้หนังสือ เรื่องเล่าเคล้าปฏิหาริย์ ตำนานวัตถุมงคล หลวงพ่อกวย ชุตินธโร โดยคนขลังคลังวิชา เป็นหนังสือประกอบการเดินทาง ซึ่งมีเนื้อหาที่ละเอียดมากๆ ถ้าจะเขียนไว้ทั้งหมดก็คงไม่ไหว ท่านผู้อ่านสามารถซื้อเป็นเจ้าของกันได้ครับ รับรองว่าเนื้อหาแน่นมากๆครับ

คู่มือเดินทางครับ

แอดมินอ่านหนังสือไปด้วย เก็บข้อมูลไปด้วย

ประวัติหลวงพ่อกวย ชุตินธโร (พอสังเขป)

“หลวงพ่อกวย ชุตินธโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค)  จ.ชัยนาท เป็นพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมรุ่นเก่าอีกรูปหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง

ชาติภูมิ หลวงพ่อกวย เดิมชื่อ กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 ณ บ้านแค หมู่ 9 ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายตุ้ย และนางต่วน เดชมา ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของบิดามารดา

ในช่วงวัยเยาว์มารดาได้นำมาฝากไว้กับหลวงปู่ขวด ณ วัดบ้านแค เพื่อให้เรียนหนังสือ

เมื่ออายุครบบวช ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2467 ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยมี พระชัยนาทมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละ พระอาจารย์หริ่ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ชุตินธโร

ซึ่งแปลว่า “โลกนี้มีแต่ความวุ่นวายของโลก หนักไปด้วยกิเลส ตัณหาคือ โลภ โกรธ หลง ถ้าผู้ใดตัดกิเลส ตัณหาได้ก็จะถึงพระนิพพาน”

เมื่ออุปสมบทได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านแค ตอนนั้นหลวงปู่มา เป็นเจ้าอาวาส  พระกวยหัดเทศน์เวสสันดรชาดก หลังจากนั้นได้ไปเรียนวิชาแพทย์โบราณกับหมอเขียน เพื่อเรียนวิชารักษาโรคระบาด หรือโรคห่าเเละโรคไข้ทรพิษ

พ.ศ.2472 ได้เดินทางไปเรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม ตลอดจนวิธีทำเครื่องรางของขลังกับ หลวงพ่อศรี วิริยโสภิต แห่งวัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี

พ.ศ.2477 ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดหนองแขม ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เพื่อเรียนแพทย์แผนโบราณกับโยมป่วน บ้านหนองแขม และเรียนแพทย์แผนโบราณกับหมอใย บ้านบางน้ำพระ

ในขณะที่พักจำพรรษาที่วัดหนองแขม ได้มีพระภิกษุชื่อ แจ่ม เดินทางท่องเที่ยว ไปพบตำราเป็นสมุดข่อยอยู่ในโพรงต้นไม้ แต่เอามาไม่ได้ เพราะตำรานั้นมีอาถรรพณ์แรงมาก จึงได้มาชักชวนหลวงพ่อกวยให้ไปดู ปรากฏว่ามีตำราอยู่โพรงไม้จริง มีรอยคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียนมาบูชาใต้โคนต้นไม้

หลวงพ่อกวยจึงได้จุดธูปบอกกล่าวและอธิษฐานว่า  “ถ้าหากว่าจะให้ตำรานี้ให้ข้าพเจ้าเอาไปเก็บรักษาไว้ ข้าพเจ้าจะนำเอาตำรานี้ไปทำประโยชน์แก่วัดและช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น” ก่อนอัญเชิญตำรานั้นมาเก็บไว้

ครั้งหนึ่ง ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ โดยเฉพาะวัตถุมงคล, ตะกรุด, มีดหมอ และอื่นๆ ศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้จักกัน คือ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย

ต่อมา เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค และเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านหลายคน โดยมีวัตถุมงคลให้เป็นกำลังใจ

ในช่วงนั้น ข้าวยากหมากเเพง โจรร้ายเต็มบ้านเมือง โดยเฉพาะเเถบภาคกลางตอนล่าง นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี เป็นเเหล่งกบดานของโจรเสือร้ายหลายกลุ่ม ชาวบ้านเเคได้อาศัยบารมีหลวงพ่อกวย เพื่อคุ้มครองครอบครัวเเละทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ก็จะเอามาฝากหลวงพ่อไว้ที่วัด

จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ที่บ้านเเค เล่าว่า พวกโจรเสือไม่มีใครกล้ามาลองดีกับหลวงพ่อกวย มีอยู่รายหนึ่งเป็นเสือมาจากอ่างทอง พาสมุนล้อมวัดบ้านเเคตอนกลางคืน เห็นว่าวัวควายของชาวบ้านที่ลานวัดมีเยอะมาก เเต่ก็โดนตะพดหลวงพ่อจนต้องรีบพาสมุนกลับเเละก็ไม่มาเเถวบ้านเเคอีกเลย มีเรื่องราวเล่าว่าในสมัยนั้น เมื่อโจรเสือเดินผ่านวัดหลวงพ่อ ต้องยิงปืนถวายทุกครั้งไป

หลวงพ่อกวย ไม่ชอบการก่อสร้าง ชอบความเป็นอยู่สมถะ แม้กุฏิของหลวงพ่อก็เป็นไม้ทรงไทยโบราณ แต่การก่อสร้างนั้นหลวงพ่อยกหน้าที่ให้กรรมการวัด แม้การก่อสร้างก็ให้กรรมการวัดและชาวบ้านทำ ดังนั้น วัดบ้านแค จึงมีแต่กุฏิเก่าๆ

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2511 หลวงพ่อกวยได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน

หลวงพ่อกวย มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2522 สิริรวมอายุ 74 ปี พรรษา 54

ปัจจุบัน วัดโฆสิตารามหรือวัดบ้านแคเเละบรรดาศิษย์หลวงพ่อกวย ได้ยึดถือเอาวันที่ 12 เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญประจำปี เพื่ออุทิศและรำลึกถึงหลวงพ่อกวย

“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

หลวงพ่อกวย ชุตินธโร

มีศิษย์หลวงพ่อกวยท่านหนึ่งชื่อ ครู ได้เขียนเรื่องราวบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อกวยไว้อย่างน่าสนใจ มีความว่าดังนี้

ก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ. 2521 หลวงพ่อกวยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท หมอได้วินิจฉัยโรคว่าหลวงพ่อเป็นโรคขาดสารอาหารมาเป็นเวลาถึง 30 ปี  แพทย์ได้ให้สารอาหารประเภทโปรตีนกับหลวงพ่อ เป็นเวลาถึง 1 เดือน อาการอาพาธก็ยังไม่ดีขึ้น

เมื่อกลับวัดหลวงพ่อก็ยังได้ฉันอาหารเพียงวันละ 1 ครั้ง เช่นเดิมตามสัจจะวาจาที่ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้  โดยไม่เปลี่ยนความตั้งใจ หลวงพ่อยังคงคร่ำเคร่งในการโปรดญาติโยมอย่างหนัก  สุขภาพหลวงพ่อมองดูภายนอกก็แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนแต่ภายในทรุดโทรมยิ่งนัก

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2522 หลวงพ่อได้วงปฏิทิน วันที่ท่านเริ่มอาพาธเอาไว้ด้วยสีน้ำเงิน และวงปฏิทิน วันที่ท่านมรณภาพเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดง คือวันที่ 11 มีนาคม และ 11 เมษายน 2522 พร้อมทั้งเขียน พระคาถา นะโมตาบอด ให้ไว้เป็นคาถาแคล้วคลาดและกำบัง หลวงพ่อเขียนว่า

“อาตมาภาพพระกวย ” นะตันโต นะโมตันติ ตันติ ตันโต นะโม ตันตัน” จะมรณภาพ วันที่ 11 เมษายน เวลา7 นาฬิกา 55 นาที”

พอวันที่ 11 มีนาคม หลวงพ่อก็อาพาธ ไม่มีโรคอะไร เพียงแต่ไม่มีกำลัง ฉันอาหารไม่ได้ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล มีอาการไข้แทรก ฉันอาหารแทบไม่ได้ แต่ท่านก็ยังไม่ลดกิจของสงฆ์ลง

เมื่อมีลูกศิษย์มาเยี่ยม ลูกศิษย์เห็นท่าน หลายคนก็ร้องไห้ ซึ่งเมื่อท่านเห็น ท่านจะดุศิษย์เหล่านั้นไปว่า

“มึงร้องไห้ทำไม กูไปดี เป็นห่วงแต่พวกมึงนั่น แหละ”

ศิษย์หลวงพ่อกวยที่เล่าเรื่องนี้ ชื่อครู ได้กล่าวว่า ได้เข้าไปเยี่ยมหลวงพ่อเป็นการกราบลาครั้งสุดท้าย นึกขึ้นมาครั้งใดน้ำตาไหลทุกที่ พอขึ้นบันไดกุฏิ ตอนนั้นอาจารย์ตั้วได้มาบอกว่า ถ้าเข้าไปเยี่ยมท่าน ห้ามไม่ให้ร้องไห้  เพราะท่านไม่ชอบ เดี๋ยวท่านจะดุเอา

ศิษย์ท่านนี้ไม่ได้มาเยี่ยมหลวงพ่อกวยเป็นเวลานานเพราะติดภาระทางการงาน  เมื่อเข้าไปหาหลวงพ่อ ได้เข้าไปกราบที่ปลายเท้า เมื่อหลวงพ่อเห็น น้ำตาท่านไหล แล้วท่านก็พูดว่า “ไอ้ครู มึงทำไมเพิ่งมา กูคอยมึงตั้งนานแล้ว”

พอเห็นน้ำตาหลวงพ่อไหล และท่านพูดว่าท่านคอยตั้งนานแล้ว จึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้โฮออกมาทันที อาจารย์ตั้วได้ดึงตัวให้ไปร้องไห้ข้างนอก

เมื่อสงบดีแล้ว จึงเข้าไปหาท่านใหม่ ท่านให้เด็กไปหยิบห่อพระมาให้  2 ห่อ แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ท่านหลับตาเข้าสมาธิ

วันที่ 10 เมษายน เวลากลางคืนมีศิษย์มาเฝ้าท่านเต็มไปหมด ตอนเช้ายิ่งมาก เพราะท่านจะมรณภาพ แต่ท่านก็ไม่มรณภาพ ท่านผอมมากมีแต่หนังหุ้มกระดูก มีแต่ประกายตาที่สดใสเท่านั้น จนกระทั่งตกกลางคืนท่านก็ไม่มรณภาพ

ค่อนสว่างวันที่ 12 เมษายน 2522 ทางกรรมการวัดและศิษย์ใกล้ชิดได้ประชุมปรึกษากันว่า สงสัยในกุฏิท่านจะลงอาถรรพณ์เอาไว้ ตลอดจนตำราอักขระเลขยันต์ ตลอดจนรูปครูบาอาจารย์ คงจะไม่มีใครกล้ามารับท่านเป็นแน่ อยากเห็นท่านไปดี จึงปรึกษากัน นำท่านออกมาที่หอสวดมนต์ เมื่อเตรียมที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุ้มท่านมาจำวัดที่เตียงที่หอสวดมนต์ ท่านลืมตาขึ้นเป็นการสั่งลา ครั้งสุดท้าย แล้วหลับตาพนมมือ

เกิดอัศจรรย์ ระฆังใบใหญ่ที่หอสวดมนต์ได้ขาดตกลงมา เสียงดังยาวนาน ศิษย์ที่อยู่ศาลาเข้าใจว่าท่านมรณภาพแล้ว เมื่อจับเวลาดู เป็นเวลา 7 นาฬิกา 55 นาที จับชีพจรท่านดู ปรากฏว่าท่านมรณภาพแล้ว ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2522

ลูกศิษย์มากันเต็มไปหมดมืดฟ้ามัวดิน ทางวัดได้จัดสวดอภิธรรม 100 วัน

ปัจจุบันในวันที่ 12 เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญ ประจำปีระลึกถึงคุณหลวงพ่อกวย ที่ท่านเมตตาแก่ลูกศิษย์มาโดยตลอด ดังคำอวยพรของหลงพ่อว่า

“ขอศิษย์ทั้งหลาย จงอย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าจนกว่าเขา”

ทั้งหมดนี้ เป็นประวัติพอสังเขปของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร แม้ว่าท่านจะละสังขารไปนานหลายสิบปี แต่เรื่องราวของท่านยังคงจารึกอยูในจิตใจของเหล่าศิษยานุศิษย์ไม่เคยเสื่อมคลายจนมาถึงทุกวันนี้

บทส่งท้าย

เรื่องราวของหลวงพ่อกวย เป็นที่เล่าขานจนเป็นตำนาน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงว่า ท่านเป็นพระที่ได้รับความเคารพศรัทธาจากชาวบ้านไม่เสื่อมคลาย รวมถึงยังมีเรื่องราวตำนานสถานที่ต่างๆในวัดให้ได้ศึกษาตามรอยถึงเรื่องราวในอดีต

จึงขอเรียนเชิญทุกท่านที่มีโอกาสเดินทางผ่านไป อย่าได้พลาดที่จะเข้าไปกราบสังขารของท่านด้วยนะครับ

ขอขอบพระคุณการติดตาม และพบกันใหม่ในบทความต่อไป สวัสดีครับ…

******************************************************

ปาฏิหาริย์รูปหล่อหลวงพ่อกวย รูปหล่อนี้สร้างต้นปีพ.ศ.2522 ก่อนการละสังขารของหลวงพ่อไม่ได้ และหลวงพ่อได้เพ่งส่งกระแสจิตมาที่รูปหล่อนี้และได้บอกแก่ลูกหลานว่า “หากมึงคิดถึงก็มาหากูที่รูปนี้ กูอยู่ที่นี่คอยดูแลพวกมึงอยู่”

ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด

ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108

หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory

แบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยววัดที่กลุ่ม รวมพลคนชอบเที่ยววัด

เว็บไซต์หลัก ที่ www.faiththaistory.com