admin

ผมมีความรักในการเดินทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และได้เขียนบล็อกแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อแบ่งปันเรื่องราวให้กับเพื่อนๆทุกคนที่สนใจในสิ่งคล้ายๆกัน / ยุทธนา ผิวขม (แอดมินลุงตั้ม)

Author Archives: admin

วัดตำหนักใต้ จุดรับพระแก้วมรกตเข้าสู่พระนคร สมัยกรุงธนบุรี

https://youtu.be/JTXT-G3wOl4 วัดตำหนักใต้ จุดที่พระเจ้าตากสินมหาราชรับพระแก้วมรกตเข้าสู่พระนคร สมัยกรุงธนบุรี… สวัสดีครับ ท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านตามรอยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในสมัยกรุงธนบุรี และต่อเนื่องมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ นั่นก็คือพิธีอัญเชิญพระแก้วมรกตเข้าสู่พระนคร ไปประดิษฐาน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งครั้งหนึ่งเลยทีเดียว หลักฐานการอัญเชิญพระแก้วมรกตปรากฏในบันทึกเอกสาร เช่น จดหมายเหตุความทรงจําของกรมหลวงนรินทรเทวี, พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี และ หมายรับสั่ง เรื่อง โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ เสด็จขึ้นไปรับพระแก้วมรกต เป็นต้น ตามเอกสารที่กล่าวข้างต้น มาตรงกับจุดของวัดตำหนักใต้ จ.นนทบุรี ซึ่งมีที่ตั้งติดติมแม่น้ำเจ้าพระยา และทีมเดินทางจึงได้เดินทางมาบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ วัดตำหนักใต้ ตั้งอยู่บนถนนสนามบินน้ำ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ไม่พบหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างมาตั้งแต่สมัยใด ทราบแต่เพียงว่า แต่เดิมวัดนี้เรียกว่า “วัดตำหนัก” จนกระทั่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจราชการคณะสงฆ์เมื่อปี พ.ศ.2464 ทรงเห็นว่าวัดต่างๆมีชื่อซ้ำกันหลายวัดจึงเติมชื่อว่าเหนือและใต้ต่อท้าย จากชื่อวัดตามทิศที่ตั้ง สิ่งสำคัญภายในวัดได้แก่ พระอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างขึ้นโดยนำเอาหน้าบันและประตูหน้าต่างรวมถึงเพดานพระอุโบสถหลังเก่ามาใช้ ตามประวัติได้กล่าวว่า ก่อนที่จะสร้างวัดในพื้นที่นี้เคยสร้างเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราวของพระเจ้ากรุงธนบุรี และจากหลักฐานที่คงเหลือยังสันนิษฐานว่า วิหารและหอระฆัง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2367 ในสมัยรัชกาที่ 3 ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธประวัติ บานประตูและหน้าต่างลงรักปิดทองเขียนด้วยลายไทยอย่างงดงาม บันทึกเอกสารประวัติศาสตร์ หลังจากมีชัยเหนือนครเวียงจันทน์ จึงมีการอัญเชิญพระแก้วมรกตเข้ามา ปรากฏบันทึกเอกสารว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้เสด็จมารอรับพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ที่บริเวณวัดตำหนักใต้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อประดิษฐาน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หมายรับสั่ง เรื่อง โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ เสด็จขึ้นไปรับพระแก้วมรกต … Read More »

วัดสีฟัน ซากวัดร้างจุดจบกบฏธรรมเถียร สมัยพระเพทราชา กรุงศรีอยุธยา

https://youtu.be/rbgm8LwzPbQ วัดสีฟัน วัดร้างในประวัติกบฏธรรมเถียร สมัยพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา… โอกาสนี้ ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปตามรอยวัดร้าง ที่มีชื่อว่า “วัดสีฟัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดร้างที่เหลือเพียงโคกเนินดินธรรมดาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีนับสิบ นับร้อยวัด เพราะเคยเป็นดินแดนที่มีความรุ่งเรืองแห่งราชธานีในอดีต แม้ว่าวัดสีฟัน จะเหลือเพียงเนินดินและซากโบราณวัตถุแตกหักบางส่วน แต่ก็มีบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่ามีความเกี่ยวข้องในเรื่องราวของ กบฏธรรมเถียร(ข้าหลวงเดิมของเจ้าฟ้าอภัยทศ) ที่ก่อกบฏในสมัยพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา เนื่องด้วยมีความเคียดแค้นที่เจ้าฟ้าอภัยทศ พระราชอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถูกฝ่ายพระเพทราชาลวงให้เสด็จไปลพบุรี และถูกสำเร็จโทษที่วัดซาก วัดสีฟันมีชื่อพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์(จาด) ซึ่งผมจะขอคัดลอกมาจากเพจ กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ที่ได้เขียนเรียบเรียงไว้แล้ว ดังนี้ …. “ลุศักราช ๑๐๖๐ ปีขาล สำเรทธิศก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอกรมพระราชวังบวร (อดีตหลวงสรศักดิ์หรือพระเจ้าเสือ : ผู้เขียน) เสด็จไปทอดพระเนตรมวยอยู่ ณ เพนียด ไอ้ธรรมเถียรปลอมตัวว่าเป็นเจ้าฟ้าอภัยทศ ซึ่งเอาไปทุบเสีย ณ วัดซาก ช้างมงคลรัตนาศ ซึ่งอยู่ลพบุรีขี่เข้ามา ไพร่ซึ่งมาด้วยนั้นประมาณ ๕๐๐ ไพร่ ชาวนาเกี่ยวข้าวถือหอกบ้างคานหลาวบ้าง ขุนหลวงกรมพระราชวังบวรกราบทูลแก่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวๆ ตรัสว่า ถ้าผู้มีบุญมาจริงแล้วเราจะยกให้…. กรมพระราชวังเสด็จอยู่ป้อมมหาชัย ธรรมเถียรยืนช้างอยู่ตีนรอ มีพระบัณฑูรให้ตำรวจไปพิเคราะห์ดูตัวให้แน่ ตำรวจกลับมากราบทูลว่ามิใช่เจ้าฟ้าอภัยทศ จึงมีพระบัณฑูรให้วางปืนใหญ่ออกไปพร้อมกันทั้งแปดบอก พวกธรรมเถียรก็แตกไปในเพลาค่ำ รุ่งเช้าจับตัวธรรมเถียรได้ในสวนดอกไม้วัดสีฟัน เอาไปประหารชีวิตเสีย พรรคพวกทั้งนั้นเอาไปเป็นตะพุ่น……” จากข้อมูลในพงศาวดาร กบฏธรรมเถียรคงได้รับบาดเจ็บแล้วหนีมายังสวนดอกไม้ในวัดสีฟันและถูกจับตัวประหารในที่สุด ทั้งนี้ เรื่องราวของกบฏธรรมเถียร ในพงศาวดารฉบับพระจักรพรรดิพงศ์(จาด) มีความแตกต่างจากพระราชพงศาวดารฉบับที่ชำระใหม่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตรงที่ฉบับหลังให้รายละเอียดไว้ว่า ธรรมเถียร ยกทัพมายืนช้างอยู่ที่วัดมณฑป… Read More »

วัดบึงลัฏฐิวัน มหาเจดีย์สวยงาม สถานที่ปฏิบัติธรรมสาขาวัดหนองป่าพงที่อยุธยา

https://youtu.be/P8npbINBO0Y วัดบึงลัฏฐิวัน มหาเจดีย์สวยงาม วัดสวยที่อยุธยา วัดสาขาวัดหนองป่าพง หลวงพ่อชา… สวัสดีครับท่านผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมทุกท่าน ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปเที่ยววัดบึงลัฏฐิวัน ซึ่งเป็นวัดปฏิบัติธรรมในสาขาวัดหนองป่าพง(หลวงพ่อชา สุภัทโท) แห่งที่ 20 การที่วัดบึงลัฏฐิวันเป็นสาขาวัดหนองป่าพง ซึ่งในอดีตมีหลวงพ่อชา สุภัทโทเป็นผู้ก่อตั้งวัดหนองป่าพง และท่านก็เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเป็นอีกวัดหนึ่งที่สอนการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่มั่น  นอกจากนี้ ภายในวัดได้ก่อสร้างมหาเจดีย์สวยงามโดดเด่นสีขาวงามสง่า จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปอย่างไม่ขาดสาย และผมก็ได้เดินทางเพื่อไปเก็บภาพบรรยากาศที่มหาเจดีย์แห่งนี้เช่นกัน ซึ่งมีความสวยงามและนำเรื่องราวมาแบ่งปันครับ วัดบึงลัฏฐิวัน ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยปฏิปทาอันงดงามน่าเลื่อมใสศรัทธาความมุ่งมั่นของพระอาจารย์โสภณ โอภาโส วัดบึงลัฏฐิวัน จึงได้รับความร่วมมือจากบรรดาผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย เริ่มก่อสร้างพระมหาเจดีย์ ศรีอยุธยาสัมมาสัมโพธิญาณ ในปี พ.ศ. 2549 จนได้เห็นถึงความสวยงามของมหาเจดีย์ในวันนี้ ด้านหน้ามหาเจดีย์ ศรีอยุธยาสัมมาสัมโพธิญาณ ได้ก่อสร้างจำลองแบบพุทธคยาจากประเทศอินเดีย พุทธคยาเป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญที่สุด 1 ใน 4 แห่งของชาวพุทธ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจจุบันบริเวณพุทธศาสนสถานอันเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  ภายในมหาเจดีย์ ได้จำลองพระพุทธรูปปางปรินิพพาน จำลองตามแบบในพระวิหารแห่งมหาปรินิพพานสถูป ที่กุสินารา ประเทศอินเดียจัดเป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 4 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  นอกจากนี้ภายในมหาเจดีย์ได้เขียนภาพจิตรกรรมสรวงสวรรค์สวยงามและประติมากรรมลอยองค์ประกอบที่ฝาผนัง ประดุจว่าเราอยู่บนสรวงสรรค์จริงๆ ภายนอกองค์เจดีย์จะมีวิหารจตุรมุขประดิษฐานรูปครูบาอาจารย์รูปต่างๆ สำหรับท่านที่ชอบท่องเที่ยววัดสวยงาม วัดบึงลัฏฐิวัน จึงเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ขอแนะนำ เพราะออกแบบไว้ได้สวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้งเราจะได้เรียนรู้เรื่องราวของพระกรรมฐานสายป่าที่น่าสนใจอีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจปฏิบัติธรรมที่วัดบึงลัฏฐิวัน ลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ watbunglatthiwan.com ขอขอบคุณการติดตาม… Read More »

วัดสำแล วัดสวยที่ชาวมอญอพยพสร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา

https://youtu.be/Jxg3Ce_d-_w วัดสำแล ปทุมธานี วัดสวยที่ชาวมอญอพยพสร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา… สวัสดีครับท่านที่รักการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปท่องเที่ยววัดสวยงามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อว่า “วัดสำแล” ที่มีเรื่องราวว่าชาวมอญอพยพได้สร้างไว้ ซึ่งมีอัตลักษณ์ความเป็นมอญอย่างชัดเจนคือ เจดีย์แบบมอญและเสาหงส์ธงตะขาบ อีกทั้งมีสถูปบรรจุอัฐิของคีตกวีชั้นครูอยู่ที่นี่ คือครูไพบูลย์ บุตรขัน ผู้แต่งเพลงชื่อดัง มนต์รักลูกทุ่ง วัดสำแล ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านกระแชง อ.เมือง จ.ปทุมธานี วัดแห่งนี้สร้างโดยชาวมอญที่อพยพเข้ามาเมื่อสมัยรัชกาลที่ 2  ต่อมาวัดเกิดความทรุดโทรมและได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 5 ราวปี พ.ศ.2412 วัดสำแลติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีบรรยากาศที่เย็นสบาย ถ้าเราเดินทางผ่านหน้าวัดจะไม่เห็นความสวยงามของหมู่เจดีย์แบบมอญ ซึ่งตั้งหลังวัด (ริมแม่น้ำเจ้าพระยา) ดังนั้นเมื่อผ่านมายังวัดสำแล อย่าลืมแวะเที่ยวชมความงามของเจดีย์แบบมอญหลังวัดด้วยนะครับ ด้านหน้าวัดสำแล จะเห็นอุโบสถหลังใหม่สวยงาม ซึ่งสร้างแทนอุโบสถหลังเก่าในปี พ.ศ.2547 และสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2551 โดยมีคุณสมบูรณ์ เตชะมงคลกิจ นักธุรกิจที่มีบ้านเกิดอยู่ที่นี่ร่วมบริจาคกว่า 16 ล้านบาท ข้างอุโบสถหลังใหม่ เป็นอุโบสถหลังเก่าเป็นแบบมหาอุตม์ แต่หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากที่ชมความสวยงามหน้าบันของอุโบสถหลังใหม่แล้ว ผมจึงเดินไปหลังวัด ทั้งนี้เราสามารถขับรถไปจอดริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้เช่นกันครับ ตำนานสัญลักษณ์ชาวมอญ ธงตะขาบ มีตำนานเล่าว่า ณ ดอยสิงคุตต์ เมืองย่างกุ้ง มีตะขาบยักษ์ตัวหนึ่งอาศัยอยู่และชอบจับช้างมากินเป็นอาหาร จนซากช้างกองสุมเต็มไปหมด วันหนึ่งมีพ่อค้าจากต่างแดนผ่านมาพบซากช้างนี้ จึงอาศัยจังหวะที่ตะขาบยักษ์ออกไปหากิน คัดเลือกและขนงาช้างลงเรือสำเภาของตนไป เมื่อตะขาบยักษ์กลับมาเห็นก็โกรธมาก จึงไล่ตามพ่อค้านั้นลงไปในทะเล แต่กลับต้องพบกับปูยักษ์เจ้าทะเลขนาดมหึมา เจ้าตะขาบยักษ์สู้ไม่ได้จึงถูกปูยักษ์จับกินเป็นอาหารไปในที่สุด ต่อมาในสมัยพุทธกาล ตปุสสะและภัลลิกะ พ่อค้าจากอุกกลชนบท… Read More »

อุทยานพุทธประวัติ วัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ฉะเชิงเทรา

https://youtu.be/BNc0Gsj7dK8 อุทยานพุทธประวัติ วัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ฉะเชิงเทรา… สวัสดีครับท่านที่รักการเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ผมจะพาทุกท่านเดินทางไปชมอุทยานพุทธประวัติซึ่งก่อสร้างไว้สวยงามภายในป่า ในเขตวัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ และได้ศึกษาถึงเรื่องราวพุทธประวัติบางตอนอีกด้วย วัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เส้นทางสะดวกดีครับ ประวัติวัดโกรกแก้ววงพระจันทร์จากหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรได้เขียนไว้ว่า  วัดโกรกแก้ววงพระจันทร์ ตั้งเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2525 ชาวบ้านเรียกว่า วัดโกรกอีเหลือง เดิมพระภิกษุวงษ์ อินทสโร ร่วมกับชาวบ้านสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นมาก่อนเมื่อปีพ.ศ.2500 และต่อมาได้รับอนุญาตให้สร้างวัดในปี พ.ศ.2525 แรกเริ่มก่อสร้างอุโบสถและศาลาการเปรียญ เจ้าอาวาสรูปต่อมาคือ พระครูจันทรปุญญากร ได้บูรณะอุโบสถจนแล้วเสร็จ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2533 เป็นวัดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว นอกจากมีบรรยากาศร่มรื่นแล้ว ยังได้ศึกษาพุทธประวัติไปในตัวอีกด้วย จุดแรกคือปางประสูติ ซึ่งจะอยู่หลังอาคารเรียนพระปริยัติธรรม  ปางประสูติมีเรื่องราวในพุทธประวัติว่า พระโพธิสัตว์จุติจากดุสิตเทวโลก เสด็จปฏิสนธิในพระครรภ์พระนางสิริมหามายา อัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงพระครรภ์แก่ได้เสด็จกลับไปคลอดที่กรุงเทวหะ ซึ่งเป็นบ้านเกิด เมื่อเสด็จถึงลุมพินีวันซึ่งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวหะ ในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ วันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพระพุทธศักราช 80 ปี ในเวลาใกล้เที่ยง พระนางก็ประสูติพระราชโอรส ณ โคนต้นสาละ ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งสาละ เมื่อประสูติพระราชกุมารก็อยู่ในอิริยาบถยืนหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ เสด็จย่างพระบาทไป 7 ก้าว… Read More »

ซากวัดจมใต้น้ำเขื่อนป่าสัก โผล่ให้เห็นจากภัยแล้ง – วัดหนองบัว(ใหญ่) ลพบุรี

https://youtu.be/fqIUimCrUCk วัดหนองบัว(ใหญ่) ลพบุรี ซากวัดจมใต้น้ำเขื่อนป่าสัก โผล่ให้เห็นจากภัยแล้ง… สวัสดีครับ ท่านผู้รักการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปพบกับความ Unseen ของซากวัดที่จมใต้น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์กว่า 20 ปี ได้โผล่ให้เห็นอีกครั้งจากวิกฤตการณ์ภัยแล้ง (ขณะเขียนบทความ ปี พ.ศ.2562) ผมได้ทราบข่าวจากหลายสำนักข่าวว่า เกิดวิกฤตการณ์ภัยแล้ง น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลดลงไปเหลือเพียง 4% (จากความจุ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือเพียง 38 ล้านลูกบาศก์เมตร) เป็นเหตุให้เกิดสภาพสันดอนใต้น้ำปรากฏให้เห็น รวมถึงซากวัดหนองบัว(ใหญ่) ที่ตั้งอยู่ที่ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สร้างขึ้นสืบเนื่องจากปัญหาการเกิดน้ำท่วมในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักในฤดูน้ำหลากและขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานศึกษาความเหมาะสมถึงการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกด้วย จนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้เปิดโครงการก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำแม่น้ำป่าสัก ภายหลังการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมแล้ว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างกว่า 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2542 การก่อสร้างเขื่อนป่าสักฯ ดังกล่าว ทำให้ต้องมีการเวนคืนและย้ายชุมชนเพื่อทำการกักเก็บน้ำสร้างเขื่อน ซึ่งวัดหนองบัว(ใหญ่) ก็เป็นหนึ่งในสถานที่… Read More »