10 อันดับวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (วัดในพระพุทธศาสนา)

By | May 10, 2014

https://youtu.be/yHQQ3SJkJRY

10 อันดับวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (วัดในพระพุทธศาสนา)

10 อันดับวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก  วันนี้ผมได้ค้นหาข้อมูลถึงความใหญ่โตของวัดในศาสนาพุทธ ที่ติดอันดับโลกเพราะอยากจะรู้ว่าในประเทศไทยจะติดอันดับกับเขาด้วยหรือเปล่า และก็ได้รู้ว่าวัดในประเทศไทยติดท็อป 10 กับเขาด้วย

พุทธศาสนาเป็นศาสนาประเภทอเทวนิยม หรือศาสนาที่ไม่มีพระผู้เป็นเจ้า แต่หลักคำสอนได้สอนให้แสวงหาการหลุดพ้น ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหนึ่งที่ได้รับกับนับถือจากผู้คนเป็นจำนวนมาก รองจากศาสนาคริสต์, อิสลาม และฮินดู และปัจจุบันก็ได้เจริญมากในประเทศแถบภูมิภาคเอเชีย เราจึงมักได้พบกับสถาปัตยกรรมอันสวยงามและยิ่งใหญ่ของวัดวาอารามมากมายในภูมิภาคเอเชียนี้ จากข้อมูลทั่วโลกจะมีวัดในศาสนาพุทธโดยประมาณ 500 ล้านวัดขึ้นไป

ข้อมูลเกี่ยวกับวัดในศาสนาพุทธที่มีความยิ่งใหญ่และขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 10 อันดับในปัจจุบัน ซึ่งถูกบันทึกในกินเนสบุ๊ค เวิลด์ เรคคอร์ด มาดูกันว่าวัดในประเทศไทยจะติดอันดับความใหญ่โตระดับโลกกันบ้างมั้ย ดังนี้เลยครับ

อันดับที่ 10 วัดแฮอินซา (Haeinsa Temple) ประเทศเกาหลีใต้

วัดแฮอินซาเป็นวัดในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเกาหลีใต้ อยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติคายาซาน วัดแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยชิลลาเมื่อ พ.ศ. 1346 ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าแอจังโดยพระภิกษุ 2 รูปที่เดินทางกลับมาจากจีน วัดแห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้ในปี พ.ศ. 2360 และได้รับการบูรณะใหม่ ในปี พ.ศ. 2361 ความสำคัญของวัดนี้คือ มีพระไตรปิฎก ฉบับเกาหลีที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ พระไตรปิฎกฉบับนี้ถูกแกะสลักไว้บนแม่พิมพ์ไม้ 81,350 ชิ้น ซึ่งแผ่นไม้ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1794 เพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้าให้คุ้มครองประชาชนในช่วงสงครามกับมองโกเลียที่ได้เข้ามารุกราน

ในปี พ.ศ. 2538 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้วัดแฮอินซา ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพระไตรปิฎกฉบับเก็บสลักไม้ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 19 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

วัดแฮอินซา เกาหลีใต้

วัดแฮอินซา เกาหลีใต้

   
อันดับที่ 9 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ประเทศไทย

คำเรียกสั้นๆ เราจะเรียกกันว่า วัดอรุณ หรือในภาษาพูดจะเรียกว่า วัดแจ้ง วัดจะตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเด่นของวัดอรุณนั้นจะเห็นยอดพระปรางค์ ที่สูงเด่นเป็นสง่า และถือได้ว่าวัดอรุณเป็นวัดที่มีพระปรางค์สูงที่สุดในประเทศไทย
วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกว่า “วัดมะกอก” ตามชื่อตำบลบางมะกอกซึ่งเป็นตำบลที่ตั้งขอวัด ซึ่งในภายหลังเปลี่ยนเป็น “วัดมะกอกนอก” เพราะมีวัดสร้างขึ้นใหม่ในตำบลเดียวกันแต่ อยู่ลึกเข้าไปในคลองบางกอกใหญ่ชื่อ “วัดมะกอกใน”
ที่มาของชื่อวัดแจ้ง หรือวัดอรุณ นั้นเนื่องมาจาก ใน พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรีจึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น “วัดแจ้ง” เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัด นี้เมื่อเวลาอรุณรุ่ง

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ประเทศไทย

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ประเทศไทย

   
อันดับที่ 8 พระธาตุหลวง (Pha That Luang) ประเทศลาว

พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของลาว เป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนหัวเหน่า 27 องค์ ตั้งอยู่กลางกรุงเวียงจันทน์ รูปแบบสถาปัตยกรรมเหมือนกับพระธาตุพนม และสร้างขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

พระธาตุหลวง นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันทน์ และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศและผู้ที่นับถือศาสนาพุทธโดยทั่วไป ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว ดังปรากฏว่าตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีรูปพระธาตุหลวงเป็น ภาพประธานในดวงตรา

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปลาวจึงไม่พลาดที่จะไปนมัสการและชมความสวยงามของพระธาตุหลวงแห่งนี้ครับ

พระธาตุหลวง (Pha That Luang) ประเทศลาว

พระธาตุหลวง (Pha That Luang) ประเทศลาว

   
อันดับที่ 7 วัดโจคัง (Jokhang Temple) เขตปกครองตนเองทิเบต

วัดโจคัง ตั้งอยู่ใจกลางของนครลาซา วัดโจคังเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของทิเบต สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1190 โดย Songtsen Gampo ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 1,300 ปี ผู้เข้าชมจะได้พบกับประติมากรรมอันสวยงามแปลกตา และในทุกๆปีจะมีเทศกาลสวดมนต์ครั้งใหญ่จัดขึ้นที่นี่ วัดแห่งนี้ถูกเรียกว่าอีกชื่อหนึ่งว่า ‘House of Wisdom’ หรือบ้านของภูมิปัญญา และเป็นที่รู้จักอีกในชื่อ ‘House of the Lord’ ซึ่งหมายความว่าบ้านของจักรพรรค
วัดโจคังยังเป็นศูนย์กลางสำหรับการแสวงบุญที่สำคัญของชาวพุทธมานานหลายศตวรรษ ซึ่งถูกขับไล่หลายครั้งโดยชาวมองโกเลีย แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงอยู่รอดมาได้ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา วัดนี้บริเวณกว้างและครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร และมีเสาจารึกซึ่งสร้างขึ้นโดยจีนในปี พ.ศ. 2336 ในช่วงที่ไข้ทรพิษระบาดหนักว่า “จีนและทิเบตได้ให้สัญญาและเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการสุขอนามัยเพื่อป้องกันไข้ทรพิษ”

ชาวทิเบตส่วนใหญ่ยกให้วัดโจคังแห่งนี้เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์และ ความสำคัญที่สุดในทิเบต และยูเนสโก้ยังยกย่องวัดแห่งนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘กลุ่มโบราณสถานพระราชวังโปตาลา’ มรดกโลก

จุดเด่นสำคัญของวัดนี้คือบนหลังคาวัด มีรูปปั้นสัญลักษณ์ของพระธรรมจักรกัปวัตนสูตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปฐมเทศนาของพระพุทธองค์ เป็นรูปธรรมจักรและกวาง 2 ตัวนอนหมอบหันหน้าเข้าหาธรรมจักร ทั้งธรรมจักรและกวาง หุ้มด้วยทองคำแท้ ส่วนหลังคาวัดโจคังก็ประดับด้วยทองคำ

วัดโจคัง (Jokhang Temple) เขตปกครองตนเองทิเบต

วัดโจคัง (Jokhang Temple) เขตปกครองตนเองทิเบต

   
อันดับที่ 6 วัดโทไดจิ (Todaiji temple) ประเทศญี่ปุ่น

วัดโทไดจิ หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดพระพุทธรูปไดบุตสึเมืองนะระ เป็นวัดในศาสนาพุทธที่เมืองนะระ ประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นสำคัญคือหอไดบุตสึ (Daibutsuden/ Big Buddha Hall) หรือ “วิหารหลวงพ่อโต” วิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุตสึหล่อสำริดขนาดใหญ่สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764) และเป็นต้นแบบของพระไดบุตสึวัดโคโตกุในเมืองคามาคุระ นอกจากนี้ วัดนี้ยังเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนศาสนาในสายเคงอนอีกด้วย วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในทะเบียนเดียวกับวัด ศาลเจ้า และสถานที่สำคัญอื่นๆอีก 7 แห่งในเมืองนะระ

วัดโทไดจิ สร้างเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. 1294 ต่อมาใน พ.ศ. 1295 ได้มีการจัดพิธีเบิกพระเนตรเพื่อฉลองพระพุทธรูปองค์ใหม่ โดยมีพระภิกษุชาวอินเดียชื่อว่าพระโพธิเสนะ เป็นผู้ประกอบพิธี ตามบันทึกมีผู้มาร่วมพิธีราว 10,000 คน หลังจากนั้นจักรพรรดิโชมุได้ทรงประกาศให้วัดโทไดเป็นวัดประจำจังหวัดยะมะโตะ และเป็นศูนย์กลางของวัดทั่วอาณาจักร
การสร้างวัดโทไดจิ มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงบุญญาธิการขององค์จักรพรรดิญี่ปุ่นและเพื่อคุ้มครองชาวเมือง ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติเนื่องจากจักรพรรดิทรงมีความเชื่อว่าพระพุทธรูปจะช่วย ปกป้องคุ้มครองชาวเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งภัยธรรมชาติและโรคระบาดได้

วัดโทไดจิ (Todaiji temple) ประเทศญี่ปุ่น

วัดโทไดจิ (Todaiji temple) ประเทศญี่ปุ่น

   
อันดับที่ 5 มหาเจดีย์โพธินาถ หรือ พุทธนาถ (Boudhanath) ประเทศเนปาล

เป็นสถูปที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุง กาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกประมาณ 8 กิโลเมตร โดยมีเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล บนเจดีย์มีดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธเจ้า (Wisdom Eyes) ทั้งสี่ทิศ บริเวณวัดเป็นแหล่งชุมชนของชาวพุทธมหายานจากทิเบตที่อพยพเข้ามาในปี พ.ศ. 2502 จึงจะเห็นพระทิเบตและคนทั่วไปยืนแกว่งล้อมนต์พร้อมกับสวดมนต์อยู่ทั่วไป องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนสถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2522
มหาเจดีย์โพธินาถ : หมายถึง “พระพทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่ง” โดยเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล (สูง 38 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 32 เมตร) ชาวทิเบตเรียกกันในชื่อ “จารุง กาโซว์ โชร์เตน (Jarung Kashor Chorten)”

องค์เจดีย์ มีฐานทรงดอกบัวตูม มีเค้าศิลปะค่อนไปในทางทิเบต เห็นได้ชัดจากรูปแบบการก่อสร้างฐานสถูป ที่อิงคติปริศนาธรรมมัณฑลา (Mandala) อันเป็นรูปธรรมนิมิตตามคติพุทธศาสนาแบบทิเบต ในความหมาย เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสุตว์ต่างๆในขณะรู้แจ้ง

มหาเจดีย์โพธินาถ หรือ พุทธนาถ (Boudhanath) ประเทศเนปาล

มหาเจดีย์โพธินาถ หรือ พุทธนาถ (Boudhanath) ประเทศเนปาล

   
อันดับที่ 4 วัดมหาโพธิ ในพุทธคยา (Mahabodhi Temple) ประเทศอินเดีย

วัดมหาโพธิในพุทธคยาเป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญที่สุด 1 ใน 4 แห่ง ของชาวพุทธ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธสังเวชนียสถานที่มีความสำคัญที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก

วัดมหาโพธิ ปัจจุบันตั้งอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำเนรัญชรา ไกลจากฝั่งแม่น้ำประมาณ 350 เมตร (นับจากพระแท่นวัชรอาสน์) พุทธคยามีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือองค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่สูงใหญ่ โดยสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วยโบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ เช่น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระแท่นวัชรอาสน์ ที่ประทับตรัสรู้ และอนิมิสสเจดีย์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากพุทธสถานโบราณแล้ว บริเวณโดยรอบพุทธคยายังเป็นที่ตั้งของวัดพุทธนานาชาติ รวมทั้งวัดไทยคือ วัดไทยพุทธคยา

สำหรับชาวพุทธ พุทธคยา นับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดของนักแสวงบุญชาวพุทธทั่วโลกที่ ต้องการมาสักการะสังเวชนียสถานสำคัญ 1 ใน 4 แห่งของพระพุทธศาสนา(สถานที่ 4 แห่ง สำคัญ เป็นสถานที่เกิดแห่งการณ์สำคัญของพระพุทธองค์ได้แก่ ประสูติ, ตรัสรู้, ปฐมเทศนา, ปรินิพพาน) โดยในปี พ.ศ. 2545 วัดมหาโพธิ (พุทธคยา) สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม ขององค์การยูเนสโก

วัดมหาโพธิ ในพุทธคยา (Mahabodhi Temple) ประเทศอินเดีย

วัดมหาโพธิ ในพุทธคยา (Mahabodhi Temple) ประเทศอินเดีย

   
อันดับที่ 3 พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) ประเทศเมียนมาร์

เจดีย์ชเวดากองพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น

พระเจดีย์มีความสูง 326 ฟุต เส้นรอบวง 1,420 ฟุต สูงกว่าระดับน้ำทะเล 190 ฟุต ประดับด้วยแผ่นทองคำ 4 หมื่นแผ่น รวมน้ำหนักทอง 8 ตัน สำหรับฉัตรซึ่งครอบยอดเจดีย์ ก็มีการซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นใหม่มาเป็นระยะๆ ฉัตรเก่าสร้างในสมัยพระเจ้ามิน ดงในปี ค.ศ. 1871 สูง 33 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 ฟุต ขณะนี้ก็ยังตั้งไว้ให้ประชาชนได้ชมอยู่ ครั้งล่าสุดได้มีการสร้างฉัตรขึ้นใหม่เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยประดับเพชรพลอยรวมถึง 4,351 เม็ดรวม น้ำหนัก 2,000 กะรัต เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดบนยอดฉัตรมีฐานกว้าง 2 ฟุต ยาว 1 ฟุต 10 นิ้ว และหนัก 76 กะรัต นอกจากนี้ พระเจดีย์ชเวดากองก็ยังมีวัตถุที่มีคุณค่าทางศาสนา ศิลปะ ประวัติศาสตร์และอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ระฆังที่พระเจ้าสิงคุทรงสร้างไว้ (Singhu)

พระเจ้าสิงคุทรงสร้างไว้เมื่อปีค.ศ. 1778 หล่อด้วยปัญจโลหะ คือทอง เงิน ทองแดง ตะกั่วและสังกะสี สูง 8 ฟุต หนัก 23 ตัน ในปี ค.ศ. 1824 พม่าได้ทำสงครามกับอังกฤษเป็นครั้งแรกและอังกฤษได้ยึดเจดีย์ชเวดากองได้และได้ทำการขนทรัพย์สินกลับไปอังกฤษไปหลายอย่าง และได้ทำการขนย้ายระฆังนี้กลับไปด้วย แต่ระหว่างการเดินทางเรือที่ขนระฆังจมลงที่แม่น้ำย่างกุ้ง ต่อมาพม่าจึงทำการกู้ระฆังใบนี้ด้วยตนเองและนำมาติดตั้งไว้ที่เจดีย์ชเวดา กองได้เช่นเดิม ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของประชาชนพม่าโดยทั่วไปมาจนทุกวันนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีพระพุทธรูปสลักจากหยกทั้งก้อน ซึ่งได้มาจากรัฐคะฉิ่นในปีค.ศ. 1999 ในโอกาสที่ได้สร้างฉัตรใหม่ และยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งได้นำเมล็ดมาปลูกจากพุทธคยาเมื่อ 79 ปีก่อน และของมีค่าอื่น ๆ อีกมากมาย

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) ประเทศเมียนมาร์

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) ประเทศเมียนมาร์

   
อันดับที่ 2 พุกาม (Bagan) ประเทศเมียนมาร์

พุกาม เคยเป็นที่ตั้งอาณาจักรโบราณพุกาม (พ.ศ. 1587 – พ.ศ. 1830) เป็นอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า

พุกาม ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ อยู่ห่างประมาณ 90 ไมล์ หรือ 145 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมัณฑะเลย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตเมืองเก่า (เขตที่ตั้งอาณาจักรพุกาม) เขตเมืองใหม่ (เขตที่อยู่อาศัยปัจจุบัน) และยองอู (เขตพาณิชยกรรมและเศรษฐกิจ) มีสนามบินชื่อ สนามบินยองอู เป็นสนามบินประจำเมือง รายได้หลักของเมืองคือ การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนที่นี่เสมอทุกช่วงปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากแถบเอเชียด้วยกัน

พุกามได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ หรือ ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ เจดีย์ชเวซีโกน สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม โดยธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ เจดีย์องค์ใหญ่สุดจะเป็นเจดีย์ที่กษัตริย์ทรงสร้าง และองค์ที่มีขนาดเล็กถัดมา เป็นการสร้างโดยเหล่าขุนนาง อำมาตย์ ลดหลั่นลงมาตามบรรดาศักดิ์ นอกจากเจดีย์ชเวซีโกนแล้ว ยังมีเจดีย์สำคัญ ๆ อีกหลายองค์และวัดสำคัญ ๆ อีกเช่น เจดีย์ชเวซันดอ, อานันทวิหาร, เจดีย์ตะเบียงนิว, วัดพะยาตองซู เป็นต้น

พุกาม (Bagan) ประเทศเมียนมาร์

พุกาม (Bagan) ประเทศเมียนมาร์

   
อันดับที่ 1 บุโรพุทโธ (Borobudur) ประเทศอินโดนีเซีย

มหาสถูปบุโรพุทโธ ในภาษาอินโดนีเซียจะออกเสียงว่า บาราบูดูร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา ห่างจากยอกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 1293 – 1393 โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธ บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในปีพ.ศ. 2534 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้บุโรพุทโธเป็นมรดกโลก

บุโรพุทโธสร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ เป็นสถูปแบบมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 7-9 หรือ ปี พ.ศ. 1393 ตั้งอยู่ทางภาคกลางของเกาะชวา บนที่ราบเกฑุ ทางฝั่งขวาใกล้กับแม่น้ำโปรโก ห่างจากยอกยาการ์ตา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ 40 กิโลเมตร บุโรพุทโธสร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุตบนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 121 เมตร สูง 403 ฟุต เป็นรูปทรงแบบปิรามิด มีลานเป็นชั้นลดหลั่นกัน 8 ชั้น และใน 8 ชั้นนั้น 5 ชั้นล่างเป็นลาน 4 เหลี่ยม 3 ชั้นบนเป็นลานวงกลม และบนลานกลมชั้งสูงสุดมีพระสถูปตั้งสูงขึ้นไปอีก 31.5 เมตร เป็นมหาสถูปที่ระเบียงซ้อนกันเป็นชั้นๆลดหลั่นกันไป การสร้างบุโรพุทโธคาดการณ์ว่าใช้จำนวนก้อนหินกว่า 2 ล้านก้อน บุโรพุทโธได้ถูกทอดทิ้งในศตวรรษที่ 14 ด้วยเหตุผลที่ยังคงยังเป็นปริศนาและซ่อนมานานหลายศตวรรษในป่าที่อยู่ภายใต้ชั้นของเถ้าภูเขาไฟ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอินโดนีเซีย และได้ถูกจัดอันดับให้เป็นวัดในศาสนาพุทธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดย กินเนสบุ็ค เวิร์ด เรคคอร์ด

บุโรพุทโธ (Borobudur) ประเทศอินโดนีเซีย

บุโรพุทโธ (Borobudur) ประเทศอินโดนีเซีย

   
จากอันดับทั้ง 10 ในเรื่องความยิ่งใหญ่ของโลก จะเห็นว่าพลังแห่งความศรัทธานั้นมีมากจริงๆ จึงสามารถที่จะสร้างศาสนสถานได้ใหญ่โตขนาดนี้ ตัวผมเองก็อยากจะมีโอกาสสักครั้งที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ยิ่งได้ศึกษาข้อมูลมากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานที่ต่างๆมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าเรียนรู้อย่างมาก แต่ก็คงจะได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่วัดอรุณก่อน เพราะอยู่ในประเทศไทย ถ้าได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศก็อย่าลืมเดินทางไปท่องเที่ยวและนมัสการวัดในพระพุทธศาสนาที่ติดอันดับความยิ่งใหญ่กันด้วยนะครับ จะได้ไม่นึกเสียดายในวันหลัง

ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ต่างๆดังนี้

http://www.dhammathai.org  http://www.oceansmile.com http://www.vnizetravel.com http://www.about108.com http://www.oknation.net/ http://www.kammatan.com http://www.guinnessworldrecords.com http://www.timetravelturtle.com http://www.top1us.com http://wikipedia.org

ช่องทางการติดตามเรื่องราว ภารกิจเที่ยววัด

ติดตามเรื่องราวผ่าน Facebook เพจได้ที่ www.facebook.com/faith108

หรือติดตามช่อง YouTube Channel ได้ที่ www.youtube.com/FaithThaiStory

ร่วมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยววัดด้วยกัน ได้ที่ กลุ่มรวมพลคนชอบเที่ยววัด